ในช่วงโค้งสุดท้ายของการรณรงค์หาเสียง เพื่อการหย่อนบัตรลงคะแนนกันในวันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคมนี้ แวดวงการเมืองของไทย (โดยเฉพาะพวกคอการเมือง)กำลังคึกคักฮือฮา เกี่ยวกับความเพิ่มพูนของความสนอกสนใจของสาธารณชนโดยทั่วๆ ไปต่อบทบาท และสาระเนื้อหาของพรรคก้าวไกล
เนื่องจากบรรดาสำนักงานสำรวจประเมินต่างๆ ได้มีผลออกมายืนยันตรงกันว่า คะแนนนิยมของพรรคก้าวไกลได้ถีบตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ชนิดหายใจรดต้นคอพรรคเพื่อไทยอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งหมายความว่า หากการคาดการณ์นี้เป็นเรื่องจริง พรรคก้าวไกลจะได้ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร ทั้งที่มาจากบัญชีรายชื่อ และจากแบบแบ่งเขตถึงร้อยกว่าที่นั่ง (ประมาณร้อยละ 25-30 จากจำนวนที่นั่งทั้งหมด 500 ที่นั่ง)
จึงมีคำถามตามมาว่า ทำไมพรรคก้าวไกลซึ่งมีคะแนนนิยม และฐานเสียงที่มาจากกลุ่มคนหนุ่มสาวนั้นถึงได้สามารถเร่งความเร็วก้าวกระโดดได้ถึงเพียงนี้?
ก็มีคำตอบจากบรรดาคอการเมืองว่า ฝ่ายพรรคก้าวไกลสามารถดึงคะแนนเสียงจากคนหนุ่มสาวที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยอยู่เดิมมาได้ อีกทั้งกลุ่มพลังเงียบที่ปกติอาจจะไม่ค่อยสนอกสนใจในเรื่องการเมืองโดยทั่วๆ ไป เกิดมาสะดุ้งสะเทือนสนอกสนใจต่อพรรคก้าวไกล ซึ่งพอจะประเมิน หรือเดาความได้ว่า พรรคก้าวไกลสามารถเสนอเรื่องราวที่เป็นที่น่าสนอกสนใจได้ เช่น
- ความกล้าหาญชาญชัยที่จะลากเอาเรื่องการปฏิรูปกองทัพ รวมทั้งการยุติการเกณฑ์ทหาร และเรื่องความคิดอ่านเชิงอนุรักษ์นิยมออกมาตีแผ่ เพื่อให้เกิดกระบวนการพินิจพิจารณาร่วมกันในสังคม
- การแสดงจุดยืนว่าต้องการการเปลี่ยนแปลงในสังคม ที่จะเสริมสร้างสิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาคและความทัดเทียมในสังคม ที่พรรคก้าวไกลพร้อมจะเป็นผู้นำพา หรือลงมือกระทำการ
- การส่งบุคลากรไปร่วมการเสวนาการโต้วาที หรือการให้สัมภาษณ์ โดยบุคคลเหล่านั้น มีทั้งบุคลิกและสาระเนื้อหา ที่มีการเตรียมการทางด้านข้อมูลและแนวคิดอย่างเป็นเรื่องเป็นราว
- ภาพลักษณ์ของพรรคก้าวไกลที่เป็นพรรคของคนรุ่นใหม่ ด้วยความคิดใหม่ๆ ไม่ติดยึดอยู่กับเรื่องเก่าๆปรัมปรา และมากด้วยวาทะ ขณะที่พรรคการเมืองอื่นๆ หลายพรรค บรรดาผู้นำและแกนนำก็ดูเสมือน “เหล้าเก่าในขวดใหม่” และดูมีความชราภาพทั้งในด้านกายภาพ และโดยเฉพาะในความคิดความอ่านต่างๆ นานา
ความโดดเด่นของพรรคก้าวไกลดังกล่าว ที่เป็นผลมาจากการบริหารจัดการ มีระบบ และมีความพร้อมเพรียง ในขณะที่พรรคการเมืองอื่นๆ หลายพรรค ยังมิได้ปรับปรุงตนเองให้ทันสมัย หรือวางตนให้ดูน่าทึ่ง น่านับถือ จึงกลายเป็นความล้มเหลวที่ช่วยทำให้พรรคก้าวไกลได้เปรียบ ดู
โดดเด่นเป็นเรื่องเป็นราวมากยิ่งขึ้น เท่ากับว่า ความไม่ทันสมัยของพรรคการเมืองสไตล์เก่าๆ เป็นการช่วยเสริมสร้างคะแนนนิยมให้กับพรรคก้าวไกลไปโดยปริยาย
ทั้งนี้เมื่อพรรคก้าวไกล (ในนามเดิม พรรคอนาคตใหม่)ย่างเข้าสู่เวทีการเมืองก็มาด้วย “หน้าใหม่” วิธีการหาเสียงแบบใหม่ ที่ใช้เทคโนโลยีการสื่อสารสมัยใหม่เป็นเครื่องมือกลไก และเข้าถึง “ลูกบ้าน” โดยตรง และประสบความสำเร็จอย่างไม่เป็นที่คาดฝัน
พรรคอนาคตใหม่ล้มไปแล้ว ก็ลุกขึ้นมาใหม่เป็นพรรคก้าวไกล ซึ่งได้ปรับปรุงตัวเองให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมขึ้นมาเรื่อยๆ ขณะที่พรรคการเมืองรุ่นพี่ทั้งหลายก็ยังย่ำเท้ากันอยู่อย่างเดิม แถมยังฝากความหวังไว้กับตัวบุคคลเป็นสำคัญเช่นเดิม
ในโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว แม้ตัวบุคคลที่เป็นผู้นำจะมีความสำคัญ แต่ต้องมีความคิดความอ่าน มีขีดความสามารถในการสื่อสาร พูดจา และรับฟัง และต้องรู้ประเด็นปัญหาของประเทศ และมีวิสัยทัศน์ ข้อมูล และแผนงานที่จะนำพาประเทศไทยด้วย แต่การณ์โดยรอบกลับมิได้เป็นเช่นนั้น จึงเท่ากับว่า พรรคต่างๆ นั้นได้ปล่อยปละละเลย ไม่ได้ทำในสิ่งที่ควรจะทำในฐานะพรรคการเมือง จนส่งผลให้พรรคก้าวไกลได้วิ่งแซงโค้งออกมาอย่างพายุดั่งที่ได้เห็นกันอยู่บนผลโพลล์ต่างๆ ซึ่งก็จะต้องพิสูจน์กันต่อไปว่า กระแสที่แรงเช่นนี้ จะสามารถเปลี่ยนเป็นคะแนนเสียงจริงๆ เพื่อนำพรรคก้าวไกลเข้าสู่สภาได้ขนาดไหน
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี