เด็กก็คือเด็ก เด็กต้องได้ร้บการอบรมเลี้ยงดูในเรื่องที่ถูกที่เหมาะสมจากพ่อแม่ และผู้ปกครอง แล้วที่สำคัญคือ เด็กต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่ ต้องได้รับความรักจากพ่อแม่เป็นสำคัญ
หากบ้านใดมีลูก แล้วสักแต่ว่ามี แต่ไม่มีปัญญาอบรมเลี้ยงดูลูกให้เป็นคนดี มีเหตุผล มีความเป็นมนุษย์ ก็นับว่าเป็นการสร้างตราบาปให้กับเด็ก แต่ที่มากกว่านั้นคือ เป็นการสร้างปัญหายิ่งใหญ่ให้สังคม
เด็กจะเป็นอย่างไร จะคิดอย่างไร จะมีพฤติกรรมอย่างไร ก็เพราะได้รับการปลูกฝังจากพ่อแม่เป็นสำคัญ แต่นอกเหนือจากพ่อแม่แล้ว เด็กๆ ก็จะได้รับการปลูกฝังจากสิ่งแวดล้อมรอบตัว เช่น เพื่อนๆ โรงเรียน และคนอื่นๆ ในสังคม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องย้ำเหมือนเดิมว่าพ่อแม่สำคัญที่สุด เพราะพ่อแม่คือตัวจักรกลสำคัญที่จะต้องทำหน้าที่เลี้ยงดู ดูแล ปลูกฝังให้ลูกเป็นคนดีของสังคม
มีบางคนดัดจริตถามว่า คนดีของสังคมคืออะไร ทำอะไรจึงจะเรียกว่าคนดี และความดีคืออะไร
หากเจอคนจำพวกนี้ ให้ถามกลับว่า ที่บ้านของเขานั้น สอนเขาหรือไม่ว่าอะไรดี อะไรเลว หากที่บ้านสอนมา ก็ต้องเข้าใจเรื่องนี้
แต่หากที่บ้านสอนว่า การทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย ฉิบหาย บรรลัย เป็นสิ่งดี แบบนี้ก็ต้องถามเขากลับว่า แล้วเผาบ้านตัวเองหรือยัง หรือทำปิตุุฆาต มาตุฆาตหรือยัง หากทำแล้ว ก็ต้องทำอัตวินิบาตกรรมโดยพลัน
ยุคนี้เราจะได้ยินคนไร้ความรับผิดชอบต่อสังคมมักพูดว่า ปล่อยให้ลูกตัดสินใจด้วยตัวเขาเอง เคารพการตัดสินใจของลูก เราให้อิสระกับลูก ลูกต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง ลูกเลือกทางเดินของตัวเองได้ เราเลี้ยงลูกโดยให้อิสระเต็มที่ ฯลฯ
คำกล่าวข้างต้น ดูเสมือนเป็นเรื่องดีงาม แต่ก็ต้องถามกลับว่า ก่อนที่จะให้ลูกตัดสินใจด้วยตัวเอง พ่อแม่ได้สอนลูกหรือยังว่า อะไรดี อะไรเลว อะไรเหมาะ อะไรไม่เหมาะ อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ หากไม่เคยสั่งสอนลูกในเรื่องความเหมาะความควร ความดี ความเลว ก็คือการผลิตลูกออกมาเพื่อเป็นระเบิดเวลาของสังคม
เด็กที่ไม่ได้รับการอบรมเลี้ยงดูสั่งสอนจากพ่อแม่ คือสิ่งมีชีวิตที่ไม่ต่างไปจากเศษสวะของสังคม แต่ถ้ายิ่งเด็กได้รับการปลูกฝังที่ผิด และปลูกฝังในเรื่องชั่วช้าสามานย์จากพ่อแม่ เด็กคนนั้นก็คือเชื้อโรคร้ายแรงที่เป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อสังคม
เด็กที่ใช้คำหยาบคายตลอดเวลา และทุกสถานที่ ก็คือสิ่งมีชีวิตจำพวกที่มาจากครอบครัวที่ใช้คำหยาบคายพ่นและสาดใส่กันตลอดเวลา ครอบครัวชนิดนี้ ก็ไม่ต่างไปจากสังคมของสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ หาประโยชน์ใดๆ ต่อสังคมมิได้
เด็กที่ไม่เคารพกฎเกณฑ์ กฎระเบียบ และกฎหมาย ก็คือเด็กที่มาจากครอบครัวที่ไร้กฎ ไร้ระเบียบ ไร้หลักเกณฑ์ ครอบครัวแบบนี้ เป็นครอบครัวที่หาระบบ ระเบียบไม่ได้
ในเมื่อสิ่งมีชีวิตที่ดูเสมือนคน เพราะมีรูปร่าง รูปลักษณ์เสมือนคน แต่มีพฤติกรรม การกระทำ และความคิดผิดแผกแตกต่างไปจากคนทั่วไป แถมยังไม่รู้ผิดชอบชั่วดี แยกแยะไม่ออกว่าอะไรเหมาะหรือไม่เหมาะ ควรหรือไม่ควร แล้วสิ่งมีชีวิตแบบนี้หรือจะสามารถทำให้สังคมเกิดความสงบสุข และเป็นสังคมแห่งความดีได้
เด็กที่ก้าวร้าว กักขฬะ หยาบช้า ต่ำทราม จนเข้าข่ายสถุล เด็กจำพวกนี้มักเลียนแบบความก้าวร้าว หยาบคายต่างๆ มาจากคนในครอบครัว เพราะเขาเห็นพฤติกรรมดังกล่าวจากคนในครอบครัวเป็นประจำ นอกจากนั้น เขายังเลียนแบบพฤติกรรมก้าวร้าวจากสิ่งแวดล้อม เช่น คนแวดล้อม เพื่อน และจากสื่อ ที่นำเสนอความรุนแรงก้าวร้าว
เด็กก้าวร้าว หยาบคาย คือ ผู้ที่ไม่ได้รับการอบรม บ่มเพาะให้เข้าใจในเรื่องที่ดี ไม่เคยได้เรียนรู้และได้รับการฝึกอบรมให้รู้จักการควบคุมอารมณ์โกรธของตนด้วยวิธีการที่เหมาะสม คนจำพวกนี้จึงมักปล่อยให้ความโกรธพลุ่งพล่านออกมาอย่างไร้การควบคุม ซึ่งส่อแสดงให้เห็นชัดเจนว่าขาดสติ ขาดการยับยั้งชั่งใจ
แต่ที่สำคัญคือ เด็กที่แสดงอาการก้าวร้าวตลอดเวลา คือ คนที่มีความขี้ขลาดผสมความโง่เขลาอยู่ในตัว แต่คนจำพวกนี้จะคิดเอาเองว่า การแสดงความก้าวร้าว การแสดงอาการโกรธ การแผดเสียงดัง การใช้คำหยาบคายสารพัดชนิดการทำลายข้าวของ และการประกาศว่าตนเองคือผู้ที่ไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด มันคือการกระทำของคนกล้า แต่ต้องย้ำว่า จริงๆ แล้วมันคือการแสดงออกของคนขี้ขลาด และโง่เขลาเบาปัญญา ไร้สติ
เพราะฉะนั้น คนจำพวกนี้จึงใช้ความก้าวร้าว รุนแรงแสดงออกเพื่อปกปิดความขี้ขลาดของตนเอง และใช้ความรุนแรงแก้ปัญหามาโดยตลอด เพราะเข้าใจผิดคิดว่าการแผดเสียงดังการใช้คำหยาบ ผรุสวาจา และการใช้กำลังทำลายสิ่งต่างคือการแสดงความกล้าหาญ และความยิ่งใหญ่
อันที่จริง ต้องบอกว่าเป็นความน่าสมเพช และน่าเวทนามากที่เด็กจำนวนหนึ่งในสังคมไทยเข้าใจผิดในเรื่องที่กล่าวมาข้างต้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องย้ำเหมือนเดิมว่า มูลเหตุที่ทำให้เด็กกลุ่มหนึ่งมีพฤติกรรมก้าวร้าวมากๆ จนเข้าขั้นชั่วช้าสามานย์ เกิดมาจากการไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนจากพ่อแม่ หรือพูดแบบชัดๆ ก็คือ ลูกที่พ่อแม่ไม่สั่งสอน
กลับไปที่ประเด็นข้ออ้างว่า เราเลี้ยงลูกโดยให้อิสระ เราให้เขาตัดสินใจด้วยตัวเขาเอง เราให้เสรีภาพในการเลือกของเขา เราไม่บังคับเขา เราปล่อยให้เขาคิดเอง ฯลฯ
คำพูดข้างต้น เป็นคำพูดที่เหมาะสม ถ้าหากใช้กับเด็กที่ผ่านการฝึกอบรมมาเป็นอย่างดีแล้ว เพราะเด็กจะสามารถเลือกได้ว่าอะไรเหมาะหรือไม่เหมาะ แต่หากใช้กับเด็กที่ขาดการอบรม พ่อแม่ไม่สั่งสอน ก็เท่ากับสนับสนุนให้ลูกเป็นโจร
ต้องถามพ่อแม่ที่อ้างเช่นในข้างต้นว่า สมัยที่ลูกเพิ่งคลอดออกมา เขาให้ลูกตัดสินใจด้วยตัวเองในทุกเรื่องจริงหรือ เขาไม่ต้องฝึกให้ลูกตื่นและนอนเป็นเวลาหรือ เขาไม่ฝึกลูกขับถ่ายให้เป็นเวลาหรือ เขาไม่สอนลูกเรื่องการกินการอยู่หรือ หรือเขาปล่อยให้ลูกหากินเอง หิวก็หากินเอง อยากนอนเวลาไหนก็นอนตามสบาย อยากตื่นเวลาไหนก็ตื่นตามใจชอบ อยากอึ อยากฉี่เมื่อไร ที่ไหนก็ทำตามสบาย ไม่ต้องฝึกให้ลูกพูด ไม่ต้องฝึกให้ลูกมีปฏิสัมพันธ์ใดๆ กับพ่อแม่ กระนั้นหรือ
ต้องบอกว่า ไม่มีพ่อแม่คนไหนไม่ฝึกไม่สอนลูก ยกเว้นพวกที่มีลูกแล้วไม่เลี้ยงเอง แต่เอาลูกไปให้คนอื่นเลี้ยง ดังนั้นลูกบางคนก็ไม่มีพ่อแม่สั่งสอนจริงๆ เนื่องจากพ่อแม่ทำหน้าที่เพียงผสมพันธ์ุกันแล้วจนได้ลูก จากนั้นก็โยนลูกไปให้คนอื่นดูแล แล้วพ่อแม่รายนั้นก็ผสมพันธ์ุกันต่อไป โดยไม่สนใจไยดีว่าผลผลิตจากการผสมพันธ์ุของตนจะก่อให้เกิดสิ่งที่เป็นมลภาวะต่อสังคมขั้นรุนแรงสักเพียงใด
เราไม่อยากโทษเด็กที่ก่อเหตุวุ่นวายป่วนบ้านป่วนเมือง ทุบทำลายข้าวของสาธารณะ ตะโกนด่าพ่อล่อแม่ด้วยคำพูดสุดแสนกักขฬะ หยาบโลน เพราะเราเชื่อว่าเด็กที่มีพฤติกรรมดังกล่าวต้องมาจากครอบครัวหรือพ่อแม่ที่ทำได้แค่เพียงผสมพันธ์ุกัน โดยไม่สนใจอบรมเลี้ยงดูลูก ไม่สั่งไม่สอนลูกว่าอะไรดี อะไรเลว
แต่เราก็ประหลาดใจมากที่ได้ยินพ่อแม่จำพวกที่บอกว่าให้อิสระลูกทำอะไรก็ได้ตามใจ โดยอ้างว่าเขาเปิดโอกาสให้ลูกเลือกกระทำได้ตามใจ ตามที่อยากกระทำ ทั้งๆ ที่พ่อแม่ของเด็กกลุ่มนั้นเห็นชัดเจนว่าลูกกำลังกระทำผิดกฎหมาย จนทำให้เกิดคำถามตามมาว่า ตกลงพ่อแม่สนับสนุนให้ลูกทำผิดกฎหมาย ใช่หรือไม่
แต่ที่เราประหลาดใจยิ่งกว่าคือ พ่อแม่ที่ปล่อยให้ลูกกระทำผิดกฎหมาย โดยทำผิดซ้ำๆ ซากๆ ทำผิดเป็นประจำ ทำผิดเรื่องเดิมๆ นั่นหมายความว่าพ่อแม่บงการให้ลูกกระทำผิดใช่หรือไม่
หากพ่อแม่ปลื้มใจมากที่เห็นลูกกระทำผิด เหตุใดพ่อแม่จึงไม่กระทำการนั้นๆ พร้อมกับลูก ทำไมปล่อยให้ลูกออกไปทำผิดเพียงลำพัง หรือว่าพ่อแม่กลัวความผิด ดังนั้นพ่อแม่ขี้ขลาดจำพวกนี้จึงปล่อยให้ลูกทำผิดไปคนเดียว แล้วอ้างว่า ลูกยังเด็ก ยังเล็ก ยังอายุไม่เกิน 18 ปี ทำผิดแล้วไม่ต้องรับโทษทัณฑ์
การทำผิดก็คือการทำผิด ไม่ว่าผู้กระทำผิดจะมีอายุมากหรือน้อย ยิ่งจงใจกระทำผิดกฎหมายบ้านเมือง ก็คือการเจตนากระทำผิด การจงใจกระทำผิดมีโทษหนักกว่ากระทำโดยประมาท หรือกระทำโดยพลั้งเผลอ ไม่ตั้งใจ ไร้เจตนา ซึ่งศาลจะเป็นผู้พิพากษาว่า จะลงโทษผู้กระทำผิดที่มีอายุน้อยด้วยโทษสถานใด แต่ก็มีคำถามว่า แล้วศาลจะพิพากษาอย่างไรกับเด็กที่จงใจทำผิดกฎหมายซ้ำๆ ซากๆ แล้วเป็นคนกลุ่มเดิมที่จงใจทำผิดกฎหมายเป็นประจำ
เรื่องนี้ศาลต้องใช้ดุลพินิจให้เหมาะสม และต้องมีความเด็ดขาดในการพิพากษา เพราะหากทำหน่อมแน้ม ไม่มีมาตรฐานที่ชัดเจนแล้ว รับรองว่าจะเกิดปัญหาตามมาอีกมากมาย โดยเฉพาะการใช้เด็กอายุไม่เกิน 15 ปี และ 18 ปีให้ก่อเหตุร้ายต่อบ้านเมือง หรือก่อให้เกิดความไม่สงบสุขต่อบ้านเมือง แล้วอ้างว่าผู้กระทำผิดยังเป็นเด็กและเยาวชนดังนั้นจึงไม่ต้องรับโทษทัณฑ์เหมือนผู้ก่อเหตุที่เป็นผู้ใหญ่
ต้องย้ำ และย้ำๆ ว่า เรื่องการหลอกใช้เด็กและเยาวชนให้ก่อเหตุร้ายแรงต่อบ้านเมืองนั้น มีเป็นประจำในบ้านเมืองของเราในยุคนี้ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคงที่ต้องติดตามสืบทราบให้ได้ว่าใครคือผู้บงการให้เด็กก่อเหตุร้าย
แต่ที่มากกว่านั้นคือ ต้องมีหลักมีเกณฑ์ให้ชัดเจนว่า จะลงโทษอย่างไรกับผู้ก่อเหตุร้ายต่อบ้านเมืองเป็นประจำ โดยเฉพาะผู้จงใจก่อเหตุที่เป็นคนกลุ่มเดิม หน้าเดิม ทำผิดในเรื่องเดิมๆ เป็นประจำ
เห็นทีว่าจะใช้ข้ออ้างเรื่องความเป็นเด็กและเยาวชน เพื่อให้เป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดหย่อนโทษ หรือไม่เอาโทษกับคนที่จงใจก่อเหตุร้ายแรงต่อบ้านต่อเมืองเป็นประจำไม่ได้อีกต่อไป
เราต้องใช้มาตรการทางกฎหมายขั้นเด็ดขาดกับเด็กและเยาวชนที่จงใจก่อเหตุร้ายแรงเป็นประจำ หาไม่แล้ว สังคมไทยของเราจะมีผู้ผลิตลูกออกมาเพื่อให้เป็นโจร หรือเป็นสังคมที่โจรดำรงเผ่าพันธุ์โจรด้วยการผลิตลูกโจรเพื่อทำลายล้างสังคมไทย
ความเมตตาเป็นเรื่องดี แต่ต้องไม่เมตตากับกลุ่มโจรเด็กและโจรเยาวชนที่ตั้งใจก่อเหตุร้ายแรงเป็นประจำ และก่อเหตุซ้ำซากตลอดเวลา
ถึงเวลาบังคับใช้กฎหมายขั้นเด็ดขาดกับกลุ่มโจรเด็ก และโจรเยาวชนได้แล้ว หากปล่อยไว้เช่นนี้ ร้บรองว่าประเทศไทยจะมีโจรเด็กและโจรเยาวชนเกิดขึ้นทุกวัน เพราะเป็นลัทธิเอาอย่าง แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าคือ ฝ่ายความมั่นคงของบ้านเมือง ต้องสืบต้องสาวให้พบว่า ใครคือผู้บงการให้โจรเด็ก และโจรเยาวชนปฏิบัติการ หากฝ่ายความมั่นคงไม่มีความสามารถในเรื่องนี้ ก็ต้องจัดการฝ่ายความมั่นคงก่อนเป็นอันดับแรก แล้วจึงจัดการกับโจรเด็ก และโจรเยาวชนในลำดับถัดไป ก่อนที่บ้านเมืองของเราจะเต็มไปด้วยเด็กและเยาวชนที่มีสันดานโจร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี