ประเทศไทยเริ่มมี “กองทุนเงินทดแทน” มาตั้งปี 2515 และเริ่มเก็บเงินสมทบในปี 2517 หรือเมื่อ 49 ปีก่อน ตามประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 103 ลงวันที่ 16 มี.ค. 2515 โดยมี กรมแรงงาน (ขณะนั้นยังอยู่ในสังกัดกระทรวงมหาดไทย) กระทั่งในปี 2533 เมื่อมีการก่อตั้ง“สำนักงานประกันสังคม (สปส.)” ขึ้น กองทุนเงินทดแทนจึงถูกโอนย้ายมาอยู่ในความรับผิดชอบของ สปส. จากนั้นในอีก 4 ปีต่อมา ได้มีกฎหมาย พ.ร.บ.เงินทดแทน พ.ศ. 2537 มาบังคับใช้แทนประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 103 และยังใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน
เมื่อวันที่ 18 พ.ค. 2566 ที่ผ่านมา สำนักงานประกันสังคม จัดเสวนาเรื่อง “การขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน ภายใต้การสนับสนุนของสำนักงานกองทุนเงินทดแทน” ซึ่งมีการบรรยายหัวข้อ “บทบาท ภารกิจ และผลการดำเนินงานของกองทุนเงินทดแทน” โดยมี บุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการ สปส. เป็นผู้บรรยาย กล่าวว่า หากส่งเสริมความปลอดภัยในการทำงาน ค่าทดแทนค่าใช้จ่ายจากการขาดรายได้และเสียชีวิตจะลดลง เงินที่เหลือก็จะนำไปพัฒนาสิทธิประโยชน์ต่างๆ แก่นายจ้างและลูกจ้างได้
ดังเหตุการณ์ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2566 เกิดอุบัติเหตุเรือชนตอม่อประภาคารที่ จ.ภูเก็ต มีนักท่องเที่ยวบาดเจ็บกว่า 30 คน หรือก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน ที่มีเหตุการณ์แท่งปูนหล่นทับคนงานก่อสร้างเสียชีวิตในโครงการก่อสร้างบนถนนพระราม 2 กรุงเทพฯ ซึ่งทั้ง สปส. และกองทุนเงินทดแทน ต้องการสร้างการรับรู้กับทั้งนายจ้าง-ลูกจ้าง ว่าไม่ควรให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
“จากสถิติตลอดเวลา 49 ปีที่ผ่านมา ท่านเชื่อไหมว่า หน่วยงานหรือสถานประกอบการที่ทำให้ลูกจ้างอันตราย เสียชีวิต เป็นทุพพลภาพมากที่สุด คือก่อสร้าง ที่พระราม 2 นั่นคือก่อสร้าง เป็นสถิติที่ลูกจ้างประสบอันตราย ไม่ว่าเสียชีวิต เจ็บป่วย หรือไม่ว่าจะเกิดอุบัติเหตุเยอะมาก อันดับ 2 คือพวกโรงกลึง หรืออะไรพวกนี้ที่ใช้มือเสียบของ มือขาด นิ้วขาด ที่ศูนย์ฟื้นฟูทั้ง 5 ภาค” เลขาธิการ สปส. ระบุ
ข้อมูล 4 ปีล่าสุด พบว่า ในปี 2562 มีผู้เสียชีวิตจากการทำงาน 639 คน สูญเสียอวัยวะบางส่วน 1,211 คนและทุพพลภาพ 13 คน, ปี 2563 มีผู้เสียชีวิตจากการทำงาน 598 คน สูญเสียอวัยวะบางส่วน 1,075 คนและทุพพลภาพ 14 คน, ปี 2564 มีผู้เสียชีวิตจากการทำงาน 602 คน สูญเสียอวัยวะบางส่วน 797 คนและทุพพลภาพ 9 คน และปี 2565 มีผู้เสียชีวิตจากการทำงาน 594 คน สูญเสียอวัยวะบางส่วน 871 คนและทุพพลภาพ 16 คน
บุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์
เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม
เลขาธิการ สปส. กล่าวต่อไปว่า หากดูสถิติข้างต้นจะพบว่ามีผู้เสียชีวิตจากการทำงาน เฉลี่ยต่อปีอยู่ที่606 คน ถือว่ายังเป็นจำนวนมาก ซึ่งการสูญเสียแบบนี้แม้เพียงชีวิตเดียวก็ประเมินค่าไม่ได้แล้ว ขณะที่ทางฝั่งนายจ้างก็ได้รับผลกระทบกับสายการผลิตในสถานประกอบการด้วย และส่งผลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจในภาพรวม ทั้งนี้ สปส. โดยกองทุนเงินทดแทน มีศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพคนงานใน 5 ภาค ในภาคกกลางอยู่ที่ จ.ปทุมธานี, ภาคเหนือ จ.เชียงใหม่, ภาคตะวันออก จ.ระยอง, ภาคใต้ จ.สงขลา และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ขอนแก่น
“หลักๆ ก็มี 3 ทาง หนึ่งก็คือเรื่องทางการแพทย์สองคือเรื่องอาชีพ ใครที่เข้าศูนย์ฟื้นฟูจะดูเรื่องอาชีพให้ พอจบออกไปหรือพอสามารถจะช่วยเหลือตัวเองได้ก็อยู่ที่บ้านหรือที่สถานประกอบการก็สามารถมีอาชีพ สุดท้ายก็เรื่องสุขภาพจิต ท่านอย่าลืมว่าคนที่เจ็บป่วยหรือคนที่เกิดอุบัติเหตุแขนขาด-ขาขาด จิตใจเขาก็หอเหี่ยว ฉะนั้นก็เลยมีเจ้าหน้าที่ หรือมีหมอทางด้านสุขภาพจิตด้วย” บุญสงค์ กล่าวถึงภารกิจของศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพคนงาน
สำหรับสิ่งที่กำลังจะดำเนินการในอนาคต เลขาธิการ สปส. เปิดเผยว่า ได้หารือกับทาง กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข วางแผนว่าในปี 2566หรืออาจเป็นปี 2567 จะนำบุคลากรด้านสุขภาพจิต ลงพื้นที่ทำงานเชิงรุกในสถานประกอบการ ซึ่งระยะหลังๆ มีการพูดถึง “โรคซึมเศร้า” กันมากขึ้น นอกจากนั้นยังหารือกับคณะกรรมการกองทุนเงินทดแทน เพื่อนำเทคโนโลยีมาใช้อำนวยความสะดวก เช่น Telemed, E-Service, E-Claim ลดการเดินทางของผู้เจ็บป่วยจากการทำงาน โดยเฉพาะผู้ทุพพลภาพนั้นการเดินทางเป็นเรื่องทรมานมากและมีค่าใช้จ่ายสูง
รวมถึงล่าสุดในปี 2566 นี้ มีการจัดตั้งคลินิกจากการทำงาน (Office Syndrome) นำร่องแห่งแรกที่ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพคนงาน จ.ปทุมธานี ขณะที่การดูแลฝั่งของนายจ้าง ในปี 2566 มีนโยบายลดเงินสมทบค่าประสบการณ์ หมายถึง หากนายจ้างจ่ายเงินสมทบตามอัตราเงินสมทบหลักมา 4 ปีปฏิทินติดต่อกัน ตั้งแต่ปีที่ 5 เป็นต้นไป จะได้รับการลดหรือเพิ่มอัตราตามการประสบอันตรายที่เกิดขึ้น กล่าวคือ สถานประกอบการที่จ่ายเงินทดแทนน้อยหรือไม่ต้องจ่ายเลยจะได้ลดอัตราเงินสมทบสูงสุด ในทางกลับกันถ้าจ่ายเงินทดแทนมากก็ต้องเพิ่มเงินสมทบตามอัตราสูญเสีย
“แนวการการพัฒนากองทุนเงินทดแทนให้เป็นที่รู้จักของนานาอารยประเทศ และลูกจ้าง-นายจ้างในประเทศไทย ปัจจุบันเขาไม่รู้ว่ามีกองทุนเงินทดแทน ก็พยายามสร้างเครือข่าย สร้างการรับรู้ ทางสำนักงานประกันสังคมมีเครือข่ายอยู่ 370,000 กว่าคนทั่วประเทศ ดังนั้นเวลาแชร์สิ่งใดลงไปเขาจะรับรู้ทั้งหมด ก็พยายามสร้างการรับรู้ ให้รู้ว่ากองทุนเงินทดแทนมีภารกิจที่จะดูแลลูกจ้าง-นายจ้างอย่างไรบ้าง
อันที่สอง จะพัฒนาการให้บริการในระบบที่ผมบอกว่า E-Service, E-Claim อันที่สาม การเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กรให้การบริการที่ดีขึ้น สุดท้ายน้องๆ พี่ๆ ที่ทำงาน ต้อง Happy Workplace (ทำงานในสถานที่ที่มีความสุข) นี่คือสิ่งที่จะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง”บุญสงค์ กล่าวในตอนท้าย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี