วันพฤหัสบดี ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2568
การเลือกตั้งทั่วไป 2566 ได้ประกาศผลอย่างไม่เป็นทางการแล้วตรงกันทั้งในส่วนของ กกต. และส่วนของคณะประสานงานร่วมสื่อมวลชน โดยสรุปคือพรรคก้าวไกลได้คะแนนเสียงมากที่สุด และพรรคเพื่อไทยได้คะแนนเสียงเป็นลำดับที่ 2 ทั้งสองพรรคนี้มีคะแนนเสียงรวมกันร่วม 300 เสียง
สองพรรคการเมืองดังกล่าวได้ประกาศร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล โดยสนับสนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้มีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรโดยเด็ดขาด และต่อมาได้มีพรรคการเมืองอื่นเข้าร่วมในการจัดตั้งรัฐบาลรวมคะแนนเสียงแล้วมีจำนวน 313 เสียง
ทำให้คะแนนเสียงของพรรครัฐบาลเดิมมีคะแนนเสียงเพียง 189 เสียง ซึ่งต้องถือว่าคะแนนเสียงของการจัดตั้งรัฐบาลใหม่มากเพียงพอเด็ดขาดแล้ว ซึ่งต้องถือว่านี่คือฉันทามติของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยในการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งควรที่หัวหน้ารัฐบาลเดิมจะได้แถลงต่อสาธารณะถึงการยอมรับฉันทามติดังกล่าวของประชาชน และเร่งรัดให้มีการดำเนินการทั้งหลายเพื่อถ่ายโอนอำนาจแก่รัฐบาลใหม่ต่อไป
ปรากฏว่า นับถึงวันนี้ไม่มีเสียงเลยแม้แต่สักแอะเดียวที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งซึ่งก็คือการยอมรับฉันทามติของประชาชน ยังมีข่าวกระเส็นกระสายให้เป็นที่ขุ่นแค้นเคืองใจแก่ประชาชนว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยแล้วค่อยชักชวน สส.ให้ทรยศหักหลังพรรคการเมืองเดิมมาเข้าร่วมเพื่อให้เป็นเสียงข้างมาก ซึ่งต้องถือว่าเป็นการปล้นประชาธิปไตย ซึ่งไม่ควรเกิดขึ้นอีกต่อไปแล้ว
เพราะเหตุนี้จึงมีการเคลื่อนไหวด้วยประการต่างๆ ในการสร้างความเกลียดชังในหมู่ประชาชน แบ่งแยกประชาชนออกเป็นสองฝ่ายเหมือนเดิมและมีความรุนแรงมากขึ้น โดยมิได้สังวรว่าการสร้างความแตกสามัคคีในชาติที่ผ่านมานั้นได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อประเทศชาติและสถาบันต่างๆ ที่เป็นหลักของบ้านเมือง
ดังนั้น ในอนาคตมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำการตรวจสอบจัดตั้งหน่วย IO เพื่อปฏิบัติการดังกล่าวว่ามีการใช้เงินงบประมาณแผ่นดินและมีการกระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ เพื่อไม่ให้มีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นอีก
นอกจากนั้น ก็ยังมีข่าวคราวมากหลายที่จะเตะตัดขานายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าการดำเนินการเพื่อให้ตัดสิทธิ์ นายพิธา
ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่ให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือไม่ให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งข่าวหนาหูขึ้นทุกวันว่ากระบวนการนี้จะเริ่มต้นขึ้นที่วุฒิสภาและส่งเรื่องให้ กกต. มีมติให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาตัดสิทธิ์นายพิธาลิ้มเจริญรัตน์ เพราะเหตุการถือหุ้นบริษัทไอทีวี
ถ้าหากถือบรรทัดฐานของศาลฎีกาในคดีต่างๆ ในลักษณะนี้ ก็จะมีบรรทัดฐานว่าการถือหุ้นเพียงเล็กน้อยไม่มีลักษณะเป็นเจ้าของ ไม่เป็นความผิดตามรัฐธรรมนูญ แต่ถ้าหากถือตามบรรทัดฐานที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยในคดีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจที่ถือหุ้นบริษัทแห่งหนึ่งที่มีวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจสื่อมวลชนที่ไม่ได้มีการประกอบธุรกิจนั้นก็ถือว่ามีความผิด และถูกตัดสิทธิ์จนกระทั่งถึงวันนี้
นอกจากนั้น ยังมีข่าวคราวการจัดประชุม สว. บางกลุ่มเพื่อไม่ให้โหวตสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมืองที่รวบรวมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งล้วนเป็นการท้าทายต่อความรู้สึกของประชาชนชาวไทย จนกระทั่งถูกกล่าวขานว่านี่คือการรัฐประหารโดยไสยศาสตร์ทางกฎหมาย ซึ่งอาจเกิดเป็นปัญหาความขัดแย้งที่ลุกลามมากขึ้น
ประเทศประชาธิปไตยทั้งหลายในโลกไม่ว่าจะก้าวหน้าหรือล้าหลังป่าเถื่อนประการใดก็ตาม ถ้าหากผลการเลือกตั้งปรากฏในลักษณะเช่นนี้จะมีกระบวนการประชาธิปไตยที่สำคัญกระบวนการหนึ่ง นั่นคือกระบวนการถ่ายโอนอำนาจจากรัฐบาลเดิมสู่คณะกรรมการของรัฐบาลชุดใหม่ที่กำลังจะจัดตั้งขึ้นเพื่อทำให้การบริหารราชการแผ่นดินได้ส่งทอดและดำเนินการต่อไปอย่างราบรื่น ไม่ให้เสียหายแก่ประเทศชาติและราษฎร
บางประเทศก็ได้ตราเป็นกฎหมาย หรือไม่ก็กำหนดเป็นวิธีการปฏิบัติในลักษณะธรรมเนียมหรือประเพณีปฏิบัติในการถ่ายโอนอำนาจ ซึ่งจะมีการปฏิบัติอย่างเคร่งครัดด้วยจิตวิญญาณประชาธิปไตยของทั้งสองฝ่าย
ฝ่ายรัฐบาลเดิมก็จะมีคณะกรรมการในการถ่ายโอนอำนาจการบริหารแก่คณะกรรมการของคณะที่จะเป็นรัฐบาลชุดใหม่ เพื่อทำการถ่ายโอนงานต่างๆ ที่ต่อเนื่องหรือคั่งค้างหรือฝากฝังเรื่องราวสำคัญที่เป็นประโยชน์หรือมีผลกระทบต่อประเทศชาติเพื่อให้รัฐบาลใหม่ได้ดำเนินการต่อไปอย่างรวดเร็ว
กระบวนการดังกล่าวจะดำเนินการโดยอัตโนมัติหมายความว่าในกรณีที่พรรคการเมืองไม่ได้ตั้งผู้แทนเป็นกรรมการในการถ่ายโอนอำนาจ เจ้าหน้าที่ประจำของรัฐที่มีหน้าที่ก็จะทำการถ่ายโอนส่งมอบอำนาจแก่คณะผู้แทนรัฐบาลชุดใหม่อย่างเป็นขั้นเป็นตอน แต่จะมีผลทางกฎหมายในทันทีที่การดำรงตำแหน่งของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่มีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายแล้ว
เพราะเหตุนี้จึงทำให้การถ่ายโอนอำนาจและกิจการงานต่างๆ ของรัฐบาลชุดเดิมถ่ายโอนสู่คณะทำงานของรัฐบาลชุดใหม่โดยราบรื่นและเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและราษฎร
น่าเสียดายที่ประเทศไทยของเราไม่ได้สร้างธรรมเนียมเช่นว่านี้ แต่ก็มีการปฏิบัติในลักษณะไม่เป็นทางการตลอดมา นั่นคือพรรคการเมืองที่ประกอบกันเป็นรัฐบาลชุดใหม่จะทำการประสานงานกับปลัดกระทรวงต่างๆ เพื่อเตรียมถ่ายโอนอำนาจ รวมทั้งเตรียมการให้มีการพิจารณาสั่งการเรื่องเร่งด่วนฉุกเฉินได้ทันทีที่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้ารับตำแหน่ง
ครั้งนี้ก็เหมือนกัน อาจมีการปฏิบัติตามวิธีปฏิบัติที่ผ่านมา แต่น่าจะถึงเวลาแล้วที่จะได้ตรากฎหมายหรือระเบียบปฏิบัติในการบริหารราชการแผ่นดินถึงกระบวนการถ่ายโอนอำนาจดังกล่าวให้เป็นระบบ ระเบียบ และเรียบร้อยต่อไป

ปชป. ร่อนแถลงการณ์ ซัด พรรคส้ม ออกลูกงอแงหวังประโยชน์แก้ รธน. ยอมเอา ‘อธิปไตยชาติ’ มาเสี่ยง
ยุบสภา อนุทิน ยันแล้ว คืนอำนาจให้ประชาชน
คอนเฟิร์ม! นายกฯอนุทิน ยื่นยุบสภาแล้ว เผยต่อรอง ปชน. ชี้ สั่ง สว.ไม่ได้ ไม่โหวตตัดอำนาจ
สะพัด อนุทิน ยื่นยุบสภาคาไว้แล้ว ตั้งแต่เย็นวันนี้ ตัดหน้า ‘ปชน.’ ล่าชื่อซักฟอกรัฐบาล
สื่อนอกตีข่าว เหตุปะทะเดือดชายแดนไทย-กัมพูชา พลเรือน2ประเทศอพยพแล้วครึ่งล้านคน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี