สังคมทุกสังคมมีบรรทัดฐาน มีแนวปฏิบัติเพื่อให้สมาชิกในสังคมอยู่ร่วมกันอย่างผาสุก สงบ ร่มเย็น กฎระเบียบของสังคมถูกกำหนดขึ้นเพื่อให้สมาชิกสังคมที่มีความหลากหลายสามารถใช้ชีวิตประจำวันร่วมกันได้ด้วยความสงบ ในสังคมจึงต้องกำหนดบทบาท ภาระ หน้าที่ของสมาชิกให้กระทำไปตามแต่ละบทบาทและหน้าที่ เพื่อให้สังคมเกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย
หากสังคมปล่อยให้สมาชิกกระทำการต่างๆ ได้ตามความต้องการ ตามอำเภอใจของแต่ละคนแล้ว สังคมจะเกิดความปั่นป่วนโกลาหล เนื่องจากสมาชิกแต่ละคนมีความต้องการไม่สิ้นสุด และมีพฤติกรรมที่ต่างกัน จึงจำเป็นต้องมีกฎระเบียบของสังคม เพื่อให้เกิดความสันติสุขในสังคม
การทำตามกฎระเบียบของสังคมนับเป็นเรื่องปกติธรรมดา เพราะผู้กระทำตามกฎจะได้รับความคุ้มครอง และได้รับความปลอดภัยในการดำเนินชีวิต แต่ในปัจจุบัน กลับพบว่ามีผู้ส่งเสริมให้คนกลุ่มต่างๆ ในสังคมละเมิดกฎกติกาสังคมกันอย่างเอิกเกริก เช่น สนับสนุนให้เด็กและเยาวชนบางกลุ่มออกมาต่อต้านมาตรา 112 ต่อต้านและละเมิดกฎกติกาของโรงเรียน เป็นต้น
คนกลุ่มหนึ่งที่สนับสนุนให้เด็กและเยาวชนมีพฤติกรรมต่อต้านมาตรา 112 และละเมิดกฎระเบียบของโรงเรียนมากที่สุดคือนักการเมืองจากพรรคการเมืองบางพรรค โดยเฉพาะพรรคที่อวดอ้างและแอบอ้างว่าพรรคของตนเป็นพรรคหัวก้าวหน้า สนับสนุนหลักการเสรีประชาธิปไตย แต่เมื่อดูลึกเข้าไปถึงพฤติกรรมต่างๆ ของสมาชิกพรรคเหล่านั้น ก็พบว่ามีความพิสดารเชิงอุบาทว์มากมายหลายประการ บางรายนิยมการแต่งกายแบบไร้รสนิยม ไร้กาลเทศะ ไร้ความเหมาะสม บางรายพยายามประกาศให้สังคมรับรู้ว่าตัวเองมีเพศสภาพที่ผิดแผกแปลกประหลาดไปจากเพศสภาพเมื่อถือกำเนิดขึ้นมา
สำหรับเรื่องรสนิยมทางเพศของปัจเจกนั้นเป็นเรื่องส่วนบุคคล ไม่จำเป็นต้องป่าวประกาศให้สังคมรับรู้เพราะเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล แต่กลับกลายว่า นักการเมืองจำพวกลักเพศหลายรายพยายามเรียกร้องให้สังคมเห็นดีเห็นงามไปกับการแสดงออกในสิ่งที่ไม่เหมาะสมกับเพศสภาพ ทั้งๆ ที่สังคมไทยไม่ได้รังเกียจคนที่มีเพศสภาพไม่ตรงกับเพศสภาพโดยกำเนิด หากบุคคลนั้นๆ ไม่พยายามแสดงความไม่เหมาะไม่ควรจนทำให้สังคมเกิดความสับสนโกลาหล
นักการเมืองบางรายแสดงตรรกะวิบัติจนบ่งบอกได้ว่านักการเมืองเหล่านั้นน่าจะมีพฤติกรรมวิปลาสโดยการพยายามประกาศกับสังคมว่า นักเรียนไม่จำเป็นต้องสวมเครื่องแบบของแต่ละสถาบันการศึกษา และไม่จำเป็นต้องทำตามกฎระเบียบของโรงเรียน แต่สามารถแต่งกาย ทำสีผม และไว้ทรงผมได้ตามที่นักเรียนแต่ละคนต้องการ
การแสดงทัศนะดังกล่าวนั้น ดูโดยผิวเผินอาจจะเข้าใจว่านักการเมืองที่เสนอแนวคิดพิสดารจนเข้าข่ายตรรกะอุบาทว์ เป็นพวกที่แสนจะศรัทธาและเชื่อมั่นในหลักการเสรีนิยมอย่างสูงสุด แต่ในความเป็นจริงแล้ว คนจำพวกที่ว่านั้นมีเจตนาให้สังคมเกิดความโกลาหลและปั่นป่วนไร้ระเบียบมากกว่า
นักการเมืองสามานย์เหล่านั้นพยายามสร้างภาพว่าตนเองสนับสนุนความมีอิสระ เสรีภาพให้กับบรรดาเด็กและเยาวชน แต่เมื่อกลับไปดูในชีวิตจริงของนักการเมืองจอมสร้างภาพจะพบว่า เขาเหล่านั้นมิได้สนับสนุนให้ลูกหลานของเขาละเมิดกฎระเบียบและแบบแผนภายในบ้านของตนเอง เหตุผลที่นักการเมืองชั้นเลวสนับสนุนให้เด็กและเยาวชนทั่วไป ยกเว้นลูกหลานของตัวเอง จงใจละเมิดและไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบของสังคม ก็เเพราะเขาต้องการให้สังคมเกิดความระส่ำระสาย โดยเฉพาะในยามที่เขาไม่ได้เป็นผู้ยึดกุมอำนาจรัฐ แต่ในยามที่นักการเมืองอุบาทว์เหล่านั้นมีอำนาจรัฐ เขาก็จะใช้อำนาจรัฐโดยฉ้อฉลเพื่อแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบเข้าพกเข้าห่อของตน แล้วยังจงใจใช้อำนาจรัฐบีบบังคับบุคคลอื่นให้ต้องทำตามกฎเกณฑ์ที่ตนกำหนด
นักการเมืองที่ตั้งใจเข้ามาสร้างความปั่นป่วนวุ่นวาย และสร้างความสับสนให้สังคม คือนักการเมืองที่อยู่ในจำพวกจงใจทำลายล้างผลาญชาติ เข้ามาเพื่อทำให้บ้านเมืองประสบหายนะ นักการเมืองจำพวกนี้เป็นสิ่งที่ปราศจากคุณประโยชน์ต่อสังคมโดยแท้ จนมีคำถามว่าเมื่อนักการเมืองสามานย์ล้มตายไป ศพของพวกสามานย์เหล่านั้นสมควรจะได้รับไฟพระราชทานหรือ เพราะในความจริงแล้ว ซากของนักการเมืองสมควรต้องถูกเผาด้วยขยะและสิ่งปฏิกูลเท่านั้น เนื่องจากไม่มีค่าอันควรแม้แต่น้อยกับไฟพระราชทาน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี