นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของไทย จะชื่ออะไร หลังจากคอการเมืองไทยได้วิเคราะห์มาโดยตลอดว่าไม่ใช่ชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อย่างแน่นอน 

การที่คอการเมืองไทยวิเคราะห์ไว้เช่นนั้น มิใช่ว่ารังเกียจเดียดฉันท์พิธาเป็นการส่วนตัว แต่เป็นเพราะคอการเมืองไทยรู้ดีมาตั้งแต่ต้นว่าพิธามีแผลส่วนตัวหลายแผล แล้วแผลแต่ละแผลนั้น พิธาก็ไม่เคยพยายามรักษาให้มันหายไป 

แต่ก็อาจจะเป็นเพราะว่าพิธาไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าพรรคก้าวไกล ที่ตนเองถูกอุปโลกน์ให้เป็นหัวหน้าพรรคนั้น จะได้คะแนนนำพรรคเพื่อไทย แต่เมื่อทุกอย่างเกิดขึ้นโดยที่ตัวพิธาเองไม่ได้คาดคิดมาก่อน ก็จึงไม่รักษาแผลของตนเองให้หายสนิท แถมยังพยายามเอาสีต่างๆ นานา ไปป้ายทับแผล เพราะคิดว่าคนอื่นจะมองแผลของตนเองไม่เห็น

ครั้นเมื่อฟลุคชนะพรรคเพื่อไทย ทั้งๆ ที่ตนเองมีแผลเต็มตัว ตั้งแต่หัวจรดตีน ก็เลยทำให้พิธาไม่มีโอกาสได้ลิ้มรสตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จนหลายคนเสียดสีว่า เห็นทีจะต้องเปลี่ยนนามสกุลเป็น ลิ้มรสนายกรัฐมนตรี เพราะอาจจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีกับเขาสักครั้งหนึ่ง

คอการเมืองยังพยายามเชื่อว่า นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของไทย อาจจะชื่อ ประวิตร วงษ์สุวรรณ แห่งพรรคพลังประชารัฐ เหตุที่มองเช่นนั้นก็เพราะเห็นว่าประวิตรคือคนที่เป็นตัวตั้งตัวตีเปลี่ยนบัตรเลือกตั้งจากหนึ่งใบเป็นสองใบ ทั้งๆ ที่ประวิตรย่อมรู้ดีว่า การเลือกตั้งที่ใช้บัตรสองใบ จะทำให้พรรคเพื่อไทยของทักษิณ ชินวัตร มีชัยชนะทางการเมืองอย่างไม่ต้องสงสัย ถึงแม้จะรู้ดี แต่ประวิตรก็ยังต้องทำ นั่นจึงทำให้คอการเมืองวิเคราะห์ว่าการตัดสินใจดังกล่าวอาจจะเกิดจากการเจรจาแบ่งปันผลประโยชน์ทางการเมืองไว้เรียบร้อยแล้ว แต่การที่พรรคเพื่อไทยได้คะแนนเป็นที่สอง ก็ทำให้คนมองว่านายกฯ ใหม่ของไทยอาจจะชื่อ เศรษฐา ทวีสินคนที่ไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรค แต่ดันได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ ส่วนหัวหน้าพรรคนั้น คนเห็นหน้าแล้วก็ได้แต่หัวเราะด้วยความเอ็นดูผสมสงสาร เพราะเล่นบทตัวประกอบ (บางคนบอกว่าบทตัวตลก) ไปวันๆ เท่านั้น หลายคนอาจจะถามว่า แล้วทำไมไม่พูดถึงหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ผู้เป็นลูกสาวทักษิณ คอการเมืองตอบตรงกันว่า นั่นเป็นเพียงหนังหน้าไฟที่นำออกมาแสดงให้คนเห็นว่าพรรคเพื่อไทยคือพรรคของทักษิณ แต่ไม่ต้องหวังว่าทักษิณจะส่งลูกสาวไปเสียชีวิตทางการเมืองกลางสภา

เมื่อผลการเลือกตั้งปรากฏว่า พรรคพลังประชารัฐของประวิตรได้คะแนนเป็นอันดับ 4 ได้คะแนนน้อยมาก น้อยจนคอการเมืองวิพากษ์ว่า เสียดายที่อุตส่าห์ครองอำนาจรัฐมา 8-9 ปี แต่กลับได้คะแนนเพียงน้อยนิด ราวกับว่ามีอำนาจรัฐแล้วไม่มีปัญญาบริหารอำนาจให้เกิดประโยชน์ แต่ทว่า คำวิพากษ์ดังกล่าวกลับทำให้พรรคที่ยิ่งเจ็บแสบกว่าคือพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่อุตส่าห์ชูภาพ ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นจุดขาย เพราะพรรครวมไทยสร้างชาติดันได้คะแนนน้อยจนแม่ยกของพรรค และแม่ยกของประยุทธ์ถึงกับเป็นลมหมดสติ เมื่อรู้ว่าพรรครวมไทยสร้างชาติได้คะแนนน้อยกว่าพรรคของประวิตรเสียอีก

เมื่อพรรคการเมืองแกนนำรัฐบาลที่อุตส่าห์ครองอำนาจรัฐมาเกือบหนึ่งทศวรรษ ไม่มีปัญญาชนะการเลือกตั้ง ก็จำต้องถอยจากหน้าฉากการเมืองไปหลบอยู่หลังฉาก และมองตาปริบๆ ดูว่าพรรคที่ชนะการเลือกตั้งอันดับหนึ่งและสองจะเดินเกมการเมืองอย่างไรต่อไป แม้ใจส่วนลึกจะเสียดายอำนาจรัฐแทบจะตายเสียให้ได้ แต่เมื่อแพ้แล้วก็จำต้องสงบปากสงบคำจะมาทำเป็นปากกล้าเหมือนเมื่อครั้งมีอำนาจรัฐ ก็ดูจะเป็นที่ตลกขบขันของคนที่เขารอสมน้ำหน้า 

แต่ถึงกระนั้นก็ตาม คอการเมืองหลายคนก็ยังเชื่อว่า นายกฯ คนใหม่ของไทยน่าจะยังชื่อประวิตรเพราะดูว่าประวิตรน่าจะมีข้อตกลงทางการเมืองบางประเด็นกับทักษิณได้แล้ว แต่ก็มีบางกลุ่มมองว่านายกฯ ใหม่ น่าจะเชื่อ อนุทิน ชาญวีรกูล จากภูมิใจไทย พรรคที่ เนวิน ชิดชอบ มีอำนาจบงการอย่างมีนัยสำคัญ เพราะอย่าลืมว่าคะแนนเสียงที่ภูมิใจไทยได้นั้นมากเป็นอันดับสาม หากเทไปทางไหน ทางนั้นก็มีโอกาสเป็นรัฐบาลอย่างใสๆ    

วันนี้ คอการเมืองไทยก็จึงวิเคราะห์ (คาดเดา)กันไปต่างๆ นานา ตามที่แต่ละฝั่งแต่ละฝ่ายจะเชื่อข้อมูลที่ตนมี คนเชียร์เพื่อไทยก็บอกว่าเศรษฐาจะได้เป็นนายกฯ คนเชียร์ประวิตรก็บอกว่าประวิตรจะได้เป็นนายกฯ คนเชียร์อนุทินก็บอกว่าอนุทินจะได้เป็นนายกฯ ส่วนคนที่ยังเชียร์ประยุทธ์ก็ยังฝันต่อไปว่าประยุทธ์จะกลับมาเป็นนายกฯ ซึ่งก็ต้องบอกว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับการเมืองไทยก็ย่อมได้ทั้งนั้น หากนักการเมืองสามารถตกลงแบ่งผลประโยชน์ได้ลงตัว เพราะการเมืองไม่มีมิตรแท้ ศัตรูถาวร ทุกอย่างอยู่กับการตกลงแบ่งผลประโยชน์ให้ลงตัวเท่านั้นบ้านเมืองนี้ผลประโยชน์มันมากมายมหาศาลทุกคนจึงรักชาติจนน้ำลายไหลย้อย