มีภาษิตทางกฎหมายอยู่บทหนึ่งว่า “เมื่อเสียงปืนดัง เสียงกฎหมายก็จะสงบลง” ซึ่งหมายความว่ายามใดที่มีการยึดอำนาจหรือรัฐประหาร ความเป็นรัฏฐาธิปัตย์อยู่กับผู้ถืออาวุธ เพราะสามารถออกคำสั่งใดๆ ให้มีผลเป็นกฎหมาย เพราะอำนาจรัฐนั้นเกิดจากกระบอกปืน โดยเหตุนี้เสียงกฎหมายจึงต้องเงียบสงบและต้องคล้อยตามทิศทางของปืน
การยึดอำนาจหรือรัฐประหารเป็นการกระทำที่เข้าองค์ประกอบความผิดฐานกบฏภายในราชอาณาจักร ล้มล้างการปกครองภายในราชอาณาจักร มีโทษทางอาญาสถานหนักถึงขั้นประหารชีวิต ข้อหาความผิดนี้เป็นที่รู้กันทั่วไป แม้เด็กนักเรียนกฎหมายปีหนึ่งก็ย่อมรู้และเข้าใจเป็นอย่างดี
แต่เมื่อเสียงปืนดังขึ้น เสียงกฎหมายก็ผิดเพี้ยนเปลี่ยนแปลงไป ความยุติธรรมก็ผันแปรไปตามควันปืน จึงมีการรับรองว่าเมื่อการรัฐประหารประสบความสำเร็จ ผู้ก่อรัฐประหารจึงเป็นรัฏฐาธิปัตย์ เป็นผู้มีอำนาจรัฐ มีอำนาจในการตราและยกเลิกกฎหมาย จึงมีอำนาจยกเลิกรัฐธรรมนูญ ยกเลิกบทกฎหมายทั้งหลายได้ รวมทั้งการตรากฎหมายขึ้นมาใหม่
ดังนั้นจึงทำให้การกบฏภายในราชอาณาจักรไม่เป็นความผิด ดังภาษิตกฎหมายที่ยกขึ้นตั้งเป็นหัวข้อวิสัชนาแต่ต้นนั้น แต่ทว่าบัดนี้เสียงเพรียกร้องของบรรดานักกฎหมายทั้งหลายได้ส่งเสียงเรียกร้องก้องกระหึ่มให้ปฏิเสธแนวทางดังกล่าวและให้ยืนหยัดในหลักกฎหมาย คือเป็นความผิดฐานกบฏในราชอาณาจักรและมีโทษประหารชีวิตสถานเดียว
จึงต้องคอยดูกันต่อไปว่าถ้าเกิดเหตุแบบนี้ขึ้นมาอีกผลจะเป็นเช่นไร
เพราะคติที่ว่าเมื่อเสียงปืนดัง เสียงกฎหมายก็ต้องเงียบสงบ จึงทำให้ทุกครั้งที่มีการยึดอำนาจรัฐประหารมีผลกระทบต่อกระบวนการยุติธรรม ทำให้ความศักดิ์สิทธิ์ของศาลถูกท้าทายและถูกดูถูกเหยียดหยาม
หนักเข้าไม่เพียงแต่ช่วงที่มีการยึดอำนาจเท่านั้น แม้หลังจากการยึดอำนาจแล้ว ซากเดนและผลกระทบจากการยึดอำนาจนั้นยังกระทบต่อความศักดิ์สิทธิ์ของศาล จนกระทั่งเกิดสภาพที่เรียกว่า “กฎหมายไร้ความศักดิ์สิทธิ์” และ “ความยุติธรรมแห้งเหือดไปจากแผ่นดิน”
เหล่านี้ล้วนกระทบต่อความศักดิ์สิทธิ์ของศาล และผลแท้จริงคือกระทบต่อพระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริยาธิราชเจ้า เพราะพระมหากษัตริย์ทรงใช้อำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทยโดยทางศาล และศาลกระทำการในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์
ดังนั้นถ้าเกิดความเข้าใจว่าศาลอยู่ใต้อำนาจของคณะรัฐประหารหรือคณะผู้สืบทอดการรัฐประหารไม่ว่าด้วยประการใดๆ ก็ย่อมกระทบต่อความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมาย กระทบต่อความศักดิ์สิทธิ์ของศาล และกระทบต่อพระมหากษัตริย์ และนั่นก็คือกระทบต่อความมั่นคงอันเป็นรากฐานของชาติบ้านเมืองโดยตรง
บรรพตุลาการท่านได้ตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นอย่างดี ดังนั้นในคดีสำคัญคือคดีอาชญากรสงครามที่ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ตกเป็นจำเลย และศาลฎีกาพิพากษาคดีนี้ในปี พ.ศ. 2498 ศาลจึงใช้โอกาสอันวิเศษนี้ประกาศอุดมการณ์ของสถาบันศาลหรืออำนาจตุลาการให้ปรากฏประจักษ์ไว้ในแผ่นดิน
ในคดีนี้ศาลฎีกาได้ประกาศอุดมการณ์แห่งศาลสถิตยุติธรรมไว้ในคำพิพากษานี้ว่า “ศาลเป็นที่พึ่งแหล่งสุดท้ายของประชาชน คนทั้งหลายย่อมหวังในความยุติธรรมของศาลเป็นที่ตั้ง”
และนี่ก็เป็นอุดมการณ์ที่ผู้พิพากษาตุลาการทั้งหลายตั้งแต่ยุคนั้นถึงยุคนี้ รวมทั้งเหล่านักกฎหมายทั้งหลายได้สังวรตระหนักและหวังให้มีการยึดมั่นปฏิบัติอย่างจริงจัง และเรื่องนี้กำลังท้าทายสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันนี้ว่าศาลสามารถรักษาอุดมการณ์เหล่านี้ไว้ได้หรือไม่ สามารถรักษาพระบรมเดชานุภาพของพระมหากษัตริยาธิราชเจ้าไว้ได้หรือไม่ สามารถรักษาความศักดิ์สิทธิ์ในการใช้อำนาจตุลาการของปวงชนชาวไทยในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ได้จริงหรือไม่
ประชาชนทั้งหลายย่อมหวังในความยุติธรรมของศาลเป็นที่ตั้ง ย่อมหวังที่จะเห็นศาลได้สำแดงความศักดิ์สิทธิ์แห่งอำนาจของปวงชนชาวไทยที่ศาลกระทำการในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ให้เป็นหลักของบ้านเมือง และประกาศความยุติธรรมให้เห็นกันทั้งแผ่นดิน
ยามนี้ประชาชนชาวไทยทั่วประเทศกำลังหวังตั้งตารอศาลในการปฏิบัติตามอุดมการณ์ของศาล ตามที่บรรพตุลาการท่านได้ประกาศไว้ด้วยความหวังอย่างเต็มเปี่ยม
ดูเถิด แค่ศาลปกครองออกคำบังคับไปยัง ป.ป.ช. ให้ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล ในการส่งเอกสารหลักฐานให้แก่นายวีระ สมความคิด ก็เป็นที่ไชโยโห่ร้องของคนทั้งหลายที่ศาลหาญกล้าออกคำบังคับไปยัง ป.ป.ช. ซึ่งเป็นหน่วยงานอันเป็นที่ยำเกรงของเหล่าผู้โกงบ้านกินเมืองทั้งหลาย
ดูเถิด แค่ศาลอาญาทุจริตออกคำสั่งให้ กกต. ชี้แจงในคดีสอยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ 8 ประเด็น เช่น ให้ชี้แจงในประเด็นที่ว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็น สส. มาแล้วกี่สมัย ทำไมจึงเพิ่งมากล่าวหา หรือได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ทราบหรือไม่ และได้ให้โอกาสนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาแล้วหรือไม่ ก็เป็นที่ชื่นใจของอาณาประชาราษฎรทั้งหลาย
เพราะคำสั่งของศาลได้สะท้อนให้เห็นว่า ศาลไม่ยำเกรงอำนาจอันทะมึนอยู่เบื้องหลังหน่วยงานของรัฐหลายหน่วย ไม่ยำเกรงอำนาจอันมืดดำที่บงการเหตุการณ์บ้านเมืองอยู่ในขณะนี้ ซึ่งจะได้เห็นกันต่อไปว่าการดำเนินการตามอุดมการณ์ของศาลจะมีผลให้บ้านเมืองของเราหลุดพ้นออกจากวิกฤตและหายนะได้หรือไม่
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี