ความเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ในปี 2566 นี้ แม้ว่าจะพยายามนำเสนอตัวเลขความเจริญเติบโตกันไม่ขาดระยะแต่ในที่สุด ความจริงก็ปรากฏชัดเจน ล่าสุดว่าอัตราความเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศต่ำกว่าความคาดหมายและต่ำกว่าถึงครึ่งหนึ่ง นี่เป็นตัวเลขที่เปิดเผยกันซึ่งต้องเป็นตัวเลขที่มีการปรุงแต่งอย่างดีที่สุดแล้ว แต่ตัวเลขที่แท้จริงจะเป็นอย่างไร ย่อมมีแต่คนปรุงแต่งตัวเลขเท่านั้นที่จะรู้
มีความพยายามมากหลายในห้วงเวลาที่ผ่านมาที่มีการสร้างกระแสให้ประชาชนเข้าใจว่าเราประสบความสำเร็จในทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ มีการนำข่าวที่สื่อต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ เอามาโฆษณาชวนเชื่อกันอย่างต่อเนื่อง เสมือนหนึ่งว่าไม่มีใครสังเกตว่า การนำข่าวคราวเหล่านี้มาปั่นเป็นกระแสนั้น พื้นฐานที่มาที่แท้จริงก็คือข่าวที่สร้างขึ้นเอง
เพราะตัวเลขที่พยายามแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจดีการค้าขายดี ตลอดจนความพยายามที่จะโฆษณาว่านักลงทุนประเทศนั้นประเทศนี้แห่กันมาลงทุนที่ประเทศไทย และตีฆ้องร้องป่าวถึงการพัฒนาประเทศกันทุกวี่ทุกวัน แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ได้กล่าวถึงก็คือ ข่าวคราวความเป็นจริงในด้านต่างๆ ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แทบจะเป็นรายวัน และเป็นเรื่องที่สวนทางกับข่าวที่มีลักษณะสร้างกระแสจึงกลายเป็นคนละเรื่องเดียวกัน
ความเป็นจริงของประเทศตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็คือการค้าขายฝืดเคือง ประชาชนเป็นหนี้สินมากขึ้น ตัวเลขหนี้ครัวเรือนโดยรวมเป็นประวัติการณ์ คือ หนี้สินครัวเรือนได้เพิ่มขึ้นเป็น 15 ล้านคน มากกว่าเมื่อ 10 ปีก่อนกว่าเท่าตัวนอกจากนั้นตัวเลขที่แสดงจำนวนความยากจนของประเทศก็เพิ่มสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นเดียวกัน นั่นคือมีคนยากจนเพิ่มขึ้นถึง 20 ล้านคน ในจำนวนประชากรประมาณ 6 ล้านคน
ที่น่าตื่นตกใจคือ คนยากจนเหล่านี้และหนี้สินครัวเรือนเหล่านี้ เกิดกับคนที่อยู่ในวัยทำงาน ระหว่างอายุ 25-45 ปี ซึ่งสะท้อนว่าบรรดาคนทำงานส่วนใหญ่เป็นหนี้ ในขณะคนที่ไม่มีรายได้ คือ เด็กและคนแก่ที่ต้องพึ่งพาอาศัยคนวัยทำงานก็จะต้องได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้น
เพราะเมื่อลูกหลานมีรายได้น้อย และมีหนี้สินมาก พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ที่ต้องรับความช่วยเหลือจากลูกหลานก็ต้องได้รับผลกระทบตาม หรือเมื่อพ่อแม่มีรายได้น้อย และมีหนี้สิน บรรดาลูกเด็กเล็กแดงทั้งอยู่ในวัยเรียน และไม่อยู่ในวัยเรียน ก็ย่อมได้รับผลกระทบตามไปด้วย
สภาพเช่นนี้เกิดขึ้น และเป็นผลจาก การบริหารเศรษฐกิจ การค้า และการบริหารการกระจายรายได้ ตลอดจนการบริหารการใช้เงินออมในประเทศว่าถูกหรือผิด
ในระยะเวลาที่ผ่านมามีการส่งเสริม ให้ผู้คนไปเที่ยวเตร่เฮฮา อ้างว่าเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจนทำให้ผู้คนที่มีเงินออมอยู่บ้าง ได้นำเงินไปใช้สอยจนเกลี้ยง แทนที่จะเห็นว่าเป็นเรื่องผิดพลาด กลับกระทำกรรมผิดมาก คือ ไปกู้เงินนำมาแจกให้ประชาชนเที่ยวเตร่กัน เมื่อผู้รับแจก มีจำนวนเงินไม่พอก็ต้องไปกู้ยืมเงินในรูปแบบต่างๆ จนถึงเงินกู้นอกระบบที่ต้องเสียดอกเบี้ยเป็นรายวัน และรายสัปดาห์
ทำให้สภาพพังทลายของทุกระบบเกิดขึ้น เกิดเป็นความทุกข์เข็ญ แพร่ขยายตัวไป ใครมีโอกาสมีความเฉลียวฉลาด ก็ใช้ความเฉลียวฉลาดนั้นหาประโยชน์ โดยไม่คำนึงถึงความถูกผิด ขอเพียงให้มีรายได้ก็เพียงพอ ดังนั้น ปรากฏการณ์โกงชาติฉ้อราษฎร์บังหลวง จึงเกิดขึ้นดาษดื่นไป
สภาพเช่นนี้เป็นภาระอันหนัก และฉุกเฉินของรัฐบาลใหม่ ที่จะต้องแก้ไขปัญหาให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดโดยเร็วที่สุด โดยต้องดำเนินมาตรการที่สำคัญดังนี้
ประการแรก จะต้องเร่งระดมส่งเสริมการท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศให้ได้มากที่สุด เพราะรายได้จากการท่องเที่ยวนั้น สามารถกระจายไปยังประชาชน และผู้ประกอบการทุกพื้นที่ ทุกหมู่เหล่าอย่างทั่วถึง และรวดเร็ว กล่าวง่ายๆ ก็คือ ออกมาตรการส่งเสริมสนับสนุนให้ชาวโลกเดินทางมาเที่ยวประเทศไทยให้ได้มากที่สุด เร็วที่สุด โดยสะดวก และปลอดภัยที่สุด จะต้องยกเลิกมาตรการบ้าๆ บอๆ ที่เป็นอุปสรรคให้หมด เช่น การใช้เวลายาวนานในการขอวีซ่า มาตรการที่ยุ่งยากในการขอวีซ่า ซึ่งเป็นเรื่องไร้สาระ พึงดูตัวอย่างหลายประเทศที่เขายกเลิกวีซ่าไปแล้ว และอำนวยความสะดวกรวดเร็วอย่างเต็มที่
ประการสอง ต้องเร่งการค้ากับต่างประเทศให้เร็วที่สุด และมีประสิทธิผลที่สุด บรรดาการสร้างกระแสข่าวโกหกหลอกลวง หาเสียงใดใดต้องยกเลิกโดยเร็วที่สุด ผลิตภัณฑ์ และผลิตผลทั้งหลายของประเทศ จะต้องรีบส่งของไปขายโดยเร็วที่สุด เลิกจำกัดผูกมัดตัวเอง ที่รับคำสั่งของบางประเทศ ไม่ทำมาค้าขายกับหลายประเทศโดยทันที ไทยเป็นประเทศเอกราช การเอาประเทศชาติไปเป็นเมืองขึ้น รับคำสั่งให้ค้าขาย หรือไม่ค้าขายกับใครตามแต่ใจต่างชาติ คือ การขายชาติ จะต้องยกเลิกทันที ที่สำคัญต้องตั้งผู้แทนการค้าให้รับหน้าที่ไปทำการค้ากับประเทศต่างๆ ทั่วโลกโดยเร็วที่สุด โดยมีเป้าหมาย และแผนงานที่ชัดเจน ไม่ใช่ตั้งกันเพื่อเกียรติยศ หรือเพื่อขอเครื่องประดับเกียรติยศใดๆ
ประการสาม ต้องเร่งระดมการลงทุนจากต่างประเทศในด้านต่างๆ ที่จะก่อให้เกิดการจ้างงาน และรายได้ แก่ประเทศชาติโดยเร็วที่สุด
ประการสี่ จะต้องแก้อุปสรรคทั้งหลายที่ขัดขวางการค้า การท่องเที่ยว การลงทุนอย่างมีประสิทธิผล การรีดไถ ข่มเหงเรียกค่าต๋ง จะต้องถูกดำเนินคดีอย่างเฉียบขาด
ด้วยมาตรการเหล่านี้ประเทศของเราก็จะฟื้นคืนสู่ปกติโดยเร็ว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี