หลังจากผ่านเลือกตั้งมาร้อยวัน ในที่สุดประเทศไทย ก็ได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนักธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ มีภูมิหลังการทำธุรกิจที่หลายคนสงสัยว่า มีธรรมาภิบาลหรือไม่ แต่ก็มีอีกหลายฝ่ายเช่นกันพยายามชี้แจงว่า คนทำธุรกิจจนรวย เป็นหมื่นล้านแสนล้าน มันต้องมีเทคนิคเฉพาะตัวถึงประสบความสำเร็จ
ฟังจากการอภิปรายในสภา สว.หลายคน อาทิ สว.ถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่ถูกรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ย้ายไปนั่งตบยุงในทำเนียบรัฐบาล แต่สุดท้ายนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกก็ถูกศาลรัฐธรรมนูญพิพากษาให้พ้นจากตำแหน่งนายกฯในฐานความผิดในการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ถึงตรงนี้อยากให้สส.เพื่อไทยและสส.ก้าวไกล ได้หยุดอภิปรายในสภาว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ตกเก้าอี้นายกฯ เพราะ ลุงตู่ยึดอำนาจ
สว.ถวิล เปลี่ยนศรี ที่ถูกปฏิบัติอย่างไร้คุณธรรม ศีลธรรม และธรรมาภิบาลได้ใช้เวลาหลายนาที อภิปรายถึงความสงสัยในธรรมาภิบาล คุณธรรม ศีลธรรม และจริยธรรมของนายเศรษฐาที่ว่ากันว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์มีส่วนสำคัญผลักดันให้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย
นอกจากนั้น สว.ประพันธ์ คูณมี ได้อภิปรายถึงธุรกิจบ้านจัดสรร และการซื้อขายที่ดินของบริษัทแสนสิริ ซึ่งเป็นบริษัทมหาชนแต่มีข้อครหาว่า ได้ตั้งบริษัทลูกขึ้นมาแล้วใช้ชื่อนอมินีที่เป็นยามกับแม่บ้าน เป็นผู้บริหารกิจการเป็นร้อยล้านพันล้านบาท และมีข้อครหาว่าบริษัทนอมินีที่ซื้อขายที่ดินแทนบริษัทแสนสิริ สงสัยว่าเลี่ยงภาษีประมาณห้าร้อยล้านบาท
โดย สว.ประพันธ์ เน้นอภิปรายถึงเรื่องที่บริษัทแสนสิริไปซื้อที่ตาบอดเพื่อพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ สุดท้ายต้องหาทางออกโดยตัดถนนและสร้างสะพานข้ามคลองสาธารณะที่เขตพระโขนง แล้วตั้งด่านเก็บเงินค่ายานพาหนะที่ผ่านสะพานมานานหลายปี น่าเสียดายที่ผู้ได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย ไม่ได้มาชี้แจงทำความเข้าใจข้อกล่าวหาในสภาว่า ธุรกิจของเขาทำอย่างถูกกฎหมาย มีธรรมมาภิบาลมีคุณธรรมประการใดหรือไม่ เลยทำให้เป็นที่คาใจ และทำให้ว่าที่นายกฯคนใหม่มีมลทินตั้งแต่ก่อนเขารับหน้าที่ ซึ่งซ้ำรอยนายทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกข้อหาซุกหุ้นไว้กับนอมินีที่เป็นคนขับรถบ้าง แม่บ้านบ้าง ฯลฯ
ด้าน สว.คำนูณ สิทธิสมาน เน้นอภิปรายเรื่องกฎหมายที่พรรคเพื่อไทยซึ่งแกนนำรัฐบาลประกาศหลายครั้งหลายคราว่า ต้องการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เป็นวาระของประเทศ จากคำอภิปรายของ สว.คำนูณ ทำให้เราเข้าใจว่าการตั้งคณะร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ขึ้นมาร่างรัฐธรรมใหม่ ต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามปีและมีข้อสงสัยว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ อาจเป็นภัยต่อสถาบันพระมหากษัตริย์มากกว่า ความพยายามแก้กฎหมายอาญา มาตรา 112
ซึ่งตอนหนึ่งของการอภิปราย สว.คำนูณกล่าวว่าการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เป็นการแก้ไขหมวดพระมหากษัตริย์ทางประตูหลังซึ่งร้ายแรงและเป็นอันตรายกว่าความพยายามแก้มาตรา 112 นอกจากนั้นสว.คำนูณ ยังอภิปรายถึงความพยายามแก้ไข หรือ ยกเลิกในหมวดที่ป้องกันไม่ให้รัฐบาลและนักการเมืองแสวงหาผลประโยชน์จากงบประมาณแผ่นดินและมาตรการต่างๆ ที่ป้องกันไม่ให้มีผลประโยชน์ทับซ้อน หรือ คอร์รัปชั่นทางนโยบาย ซึ่งมีบทลงโทษร้ายแรงใน รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน
และสว.คำนูณ ชี้แจงด้วยว่าบทเฉพาะกาลห้าปีในรัฐธรรมนูญปัจจุบันที่ให้อำนาจ สว.มีหน้าที่เลือกนายกฯร่วมกับ สส.จะหมดวาระบังคับใช้ในอีกแปดเดือนข้างหน้าจึงไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่ต้องเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ นอกเสียจากว่ารัฐบาลใหม่ มีวาระซ่อนเร้น
“ผมเห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา แต่ไม่เห็นด้วยกับการร่างใหม่ทั้งฉบับซึ่งมันเปิดโอกาสให้แก้หมวดพระมหากษัตริย์ทางประตูหลังได้..” สว.คำนูณกล่าวสรุป
นอกจากนั้น สว.หลายคนได้อภิปรายคัดค้านการเสนอชื่อ นายเศรษฐา เป็นนายกรัฐมนตรี ส่วนใหญ่อภิปรายสงสัยในคุณธรรม จริยธรรม ศีลธรรมและความเป็นธรรมภิบาลของว่าที่นายกฯ ส่วนสส.ว่าที่ฝ่ายค้าน คือ พรรคก้าวไกลกับพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีใครอภิปรายถึงคุณสมบัติของนายเศรษฐาในแง่ลบ และที่น่าละอาย เป็นอย่างยิ่งคือ สส.ประชาธิปัตย์ส่วนใหญ่ลงมติให้นายเศรษฐาอย่างหน้าชื่นตาบาน ทำให้ปูชนียบุคคลทางการเมืองอย่าง นายชวน หลีกภัย ตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก“พี่สงสารท่านชวนมาก” สส.บัญญัติ บรรทัดฐาน หนึ่งในสามผู้อาวุโสของพรรค กล่าวกับผู้เขียน
นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตประธานรัฐสภาตำแหน่งละสองสมัย กล่าวกับคอลัมน์ทวนกระแสข่าว ว่า “ผมขออนุญาตในพรรคว่าลงมติไม่เห็นชอบเพราะไม่ต้องการทรยศคนปักษ์ใต้ที่ผมสู้กับพรรคนี้ เพราะเค้าแกล้งคนปักษ์ใต้...ผมขออนุญาตที่ประชุมขอลงมติไม่เห็นชอบแทนงดออกเสียงด้วยเหตุผล เพราะผมได้สู้กับพรรคเหล่านี้ตลอดมา เนื่องจากเค้าแกล้งภาคใต้โดยเลือกปฏิบัติ...ผมไม่ทรยศคนปักษ์ใต้ที่ได้กรุณาปฏิบัติตามที่ผมขอร้องคือไม่เลือกพรรคเหล่านั้นตลอดสามสมัยที่ผ่านมาผมจะไม่ทรยศต่อคนใต้..”นายชวน กล่าว
ทางด้านพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นว่าที่พรรคฝ่ายค้านใหญ่ที่สุดมี สส. 150 คน ไม่ได้อภิปรายถึงคุณสมบัติและนโยบายที่รัฐบาลใหม่กำลังจะทำเลย เลขาธิการพรรคก้าวไกล นายธวัชชัย ตุลาธน ได้แต่พล่ามถึงเรื่องในอดีตของคณะรัฐประหารที่เป็นผลต่อเนื่องมาเป็นรัฐบาลหลังเลือกตั้ง 2562 และกล่าวหาว่า มีการสมคบกันกีดกันตัดแข้งตัดขา ไม่ให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลได้เป็นนายกรัฐมนตรี
นายธวัชชัยฉวยโอกาสปลุกระดมมวลชนในสภาให้เดินหน้าร่วมกับพรรคก้าวไกลให้ไกลๆ ไปมากกว่านี้สส.พรรคก้าวไกลบางคน ถึงกับอภิปรายว่าประธานรัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา วางตัวไม่เป็นกลาง และลำเลิกบุญคุณที่นายพิธาเสนอชื่อนายวันมูหะมัดนอร์ มะทาให้เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ในตอนหนึ่งผู้อภิปรายกล่าวว่า “ประธานสภารู้เห็นเป็นใจกับรัฐบาลรักษาการในแผนการขัดขวางนายพิธา..” ทำให้ นายวันนอร์ ประธานสภา ถึงกับสั่งให้หยุดอภิปรายและถอนคำพูดที่ว่า “ประธานสภาฯรู้เห็นเป็นใจกับรัฐบาล” ซึ่งทำให้ประธานเสียหาย สส.คนนั้น ยังดื้อรั้นเถียงข้างๆ คูๆ จนประธานสภาปิดไมค์แล้วถามด้วยอารมณ์ว่า “คุณจะถอนคำพูด หรือไม่ถอน” ถึงสามครั้ง ในที่สุด สส.พรรคก้าวไกลก็ถอนคำพูด และอภิปรายแต่เรื่องพรรคก้าวไกล เสียโอกาสจนหมดเวลา
สรุปว่าวันเลือกนายกรัฐมนตรี วันที่ 22 สิงหาคม ไม่มี สส.ฝ่ายค้านในสภาอภิปรายคัดค้านท้วงติงคุณสมบัติของว่าที่นายกฯคนใหม่ ในที่สุด #ปรากฏว่า นายเศรษฐาได้เสียงเห็นชอบ 482 เสียง ซึ่งเกินกึ่งหนึ่งของเสียงสมาชิกรัฐสภา 347 คน ถือว่า นายเศรษฐาได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 หลังจากนี้นายกรัฐมนตรีก็จัดตั้งคณะรัฐมนตรี เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ แถลงนโยบายต่อสภา และเป็นรัฐบาลบริหารประเทศถูกต้องตามกฎหมายได้อย่างราบรื่นต่อไป โดยที่ไม่มีฝ่ายค้านเป็นเรื่องเป็นราว
รัฐบาลของเศรษฐานับว่าเป็นรัฐบาลแรกในรอบยี่สิบปี ที่ไม่มีฝ่ายค้านเป็นจริงเป็นจัง เนื่องจากว่า พรรคก้าวไกล ซึ่งมีนโยบายต้านสถาบันฯคล้ายๆ กับพรรคเพื่อไทย
และตั้งแต่พรรคก้าวไกล ร้อนแรงขึ้นมาพรรคเพื่อไทยก็ทำตัวโลวโปรไฟล์ ในประเด็นนี้แต่วาระซ่อนเร้น ทั้งสองพรรคยังเหมือนกันคือ การเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ให้บั่นทอนความมั่นคงของสถาบันฯ
ดังนั้นจึงถือได้ว่า นายเศรษฐา เป็นนายกรัฐมนตรีที่ไม่มีฝ่ายค้านคอยขัดขวางการทำงานอย่างจริงจัง ทำให้เขาบริหารประเทศได้ตามอำเภอใจ แต่อย่างไรก็ตาม การไม่มีฝ่ายค้านในสภา อาจทำให้รัฐบาลนายเศรษฐาอายุสั้นลงก็ได้ ดังที่คำพังเพยไทยกล่าวว่า “สนิมเกิดจากเนื้อใน”
สนิมเนื้อใน ตัวแรก ที่จะกัดกินรัฐบาลนายเศรษฐา คือ นักโทษชายชื่อ ทักษิณ ชินวัตร นายทักษิณหนีคุกอยู่ต่างประเทศสิบห้าปี และเลือกที่จะกลับมารับโทษในวันเดียวกันกับที่คนของพรรคเพื่อไทย ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรี แสดงว่า ก่อนมานายทักษิณได้มีข้อตกลงเป็นมั่นเป็นเหมาะกับรัฐบาลปัจจุบันว่าหากพรรคเพื่อไทยมาร่วมเป็นรัฐบาลผสมกับพรรครัฐบาลปัจจุบันหรือพรรคเพื่อไทยทิ้งพรรคก้าวไกลแล้วมาผสมพันธุ์กับพรรคสองลุง นายทักษิณถึงแม้กลับมา แสร้งทำเป็นว่ามารับโทษจำคุก ก็จะได้รับการปฏิบัติปรนนิบัติแบบ VVIP ทุกประการ และข้อตกลงนั้นก็ได้การปฏิบัติตามสัญญา คือ ทันทีที่ลงจากเครื่องบินนายทักษิณได้รับการต้อนรับแบบ VVIP และ ขั้นตอนนำตัวไปศาลก็ปฏิบัติเหมือนกับอำนวยความสะดวกแก่อาคันตุกะต่างประเทศทุกประการจากศาลถึงเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ
ในตอนค่ำของวันเดียวกัน มีรายงานว่า นายวิษณุ เครืองาม รักษาการรองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเคยเป็นนิติบริกร ให้นายทักษิณหลายปีไปพบนักโทษชายถึงในคุก และตื่นเช้าขึ้นมาก็เห็นข่าวทีวีช่องสามรายงานว่า นักโทษชายทักษิณมีอาการป่วยหนัก ถูกนำตัวส่ง โรงพยาบาลตำรวจโดยเฮลิคอปเตอร์ตั้งแต่ตีหนึ่ง ซึ่งฉากละครเรื่องทักษิณกลับมารับโทษ เป็นไปตามคำวิจารณ์อย่างกว้างขวางว่า ไม่ได้เข้าคุกจริงหรอก และจะได้รับการปฏิบัติแบบ VVIP สิ่งเหล่านี้อาจเป็นที่พอใจสุขใจของนายทักษิณและครอบครัว ตลอดพรรคเพื่อไทยและข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ แต่มันเป็นการกระทำที่ย่ำยีหัวใจคนไทยหลายสิบล้านคน ยิ่งนักโทษชายทักษิณ ได้รับการปฏิบัติดีขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งเพิ่มความโกรธแค้นให้ผู้คนมากขึ้นเท่านั้น และเมื่อถึงวันที่ระเบิดออกมา รัฐบาลนายเศรษฐาจะอยู่ไม่ได้
สนิมเนื้อใน ข้อที่สอง คือ พฤติกรรม จริยธรรม คุณธรรม ศีลธรรมตลอดถึง ธรรมาภิบาล นายเศรษฐา ตามที่เป็นข่าวตลอด ถึงสิ่งที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ กล่าวหา สมมุติว่าเป็นเรื่องจริง และ นายเศรษฐา บริหารประเทศในทำนองเดียวกับบริหารบริษัท ตามที่เป็นข่าว ตอกย้ำที่คนไทย ทนไม่ได้ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญทำให้รัฐบาลนายเศรษฐาอายุสั้น
สนิมเนื้อใน ข้อที่สาม คือ คนเสื้อแดงที่เคยเป็นสมุนบริวาร เป็นผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยตลอดเวลายี่สิบปีที่ผ่านมา และถูกพรรคเพื่อไทยล้างสมองว่า พรรคฝ่ายตรงข้ามเป็นเผด็จการทหารที่เข่นฆ่าประชาชน ส่วนพรรคเพื่อไทย เป็นฝ่ายประชาธิปไตย ซึ่งต่างกันเหมือน น้ำมันกับน้ำ ผสมกันไม่ได้ ในระหว่างการหาเสียงพรรคเพื่อไทย ใช้คำขวัญว่า “มีลุงไม่มีเรา”
นายชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ประกาศว่าหากวันไหนพรรคเพื่อไทย ไปร่วมกับพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติ เขาจะลาออกจากหัวหน้าพรรคเพื่อไทยทันที เวลานี้คนเสื้อแดงบางกลุ่ม กำลังแสดงอาการโกรธที่พรรคเพื่อไทยกลืนน้ำลายตัวเอง ทรยศต่ออุดมการณ์ ร่วมตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติ
คลิปคำปราศรัยของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หรือ อุ๊งอิ๊ง พร้อมกับเสื้อแดงเสื้อคลุมพรรคเพื่อไทยตลอดถึงรูปนายทักษิณถูกนำเผาไป พร้อมกับเสื้อพรรคเพื่อไทยกำลังแพร่หลายอยู่ในโซเชียล การแสดงของคนเสื้อแดง อาจเป็นเพียงสัญลักษณ์ และมีวาระซ่อนเร้นแต่นานเข้าเมื่อสถานการณ์สุกงอม คืออีกแปดเดือนข้างหน้า เมื่อบทเฉพาะกาลสิ้นวาระบังคับใช้
พรรคก้าวไกลที่ผิดหวังเที่ยวนี้ อาจใช้คนเสื้อแดงที่แปลงส้มมาผสมโรงกับคนรุ่นใหม่ ปลุกกระแสสร้างความวุ่นวายจนรัฐบาลมีอันเป็นไปก็ไม่ใช่สิ่งที่เกินความคาดเหมาย
ทั้งหมดนี้ คือ สนิมกัดเนื้อใน ที่ทำให้รัฐบาลพังได้โดยไม่ต้องใช้ฝ่ายค้านในสภา
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี