นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ระบุว่า โผรายชื่อ ครม.สมบูรณ์ 100% แล้ว
คาดว่าการตรวจสอบคุณสมบัติว่าที่รัฐมนตรีทั้ง 35 คน จะใช้เวลา 2 วัน ก่อนทูลเกล้าฯ
หนึ่งในรายชื่อตามรายงานข่าวระบุว่า มีชื่อ “นายพิชิต ชื่นบาน” จะเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ
เป็นที่ฮือฮา และวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง
1. นายพิชิต ชื่นบาน โด่งดังอื้อฉาวในบทบาทหัวหน้าทีมทนายความให้กับนายทักษิณ ชินวัตร ต่อสู้คดีที่ดินรัชดาฯ ช่วงปี 2551
เกิดกรณีถุงขนมใส่เงินสดสองล้านบาท ละเมิดอำนาจศาล ถูกตัดสินจำคุก 6 เดือน ไม่รอลงอาญา
2. มาตรา 160 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 กำหนดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของ “นายกรัฐมนตรี” และ “คณะรัฐมนตรี”
ระบุว่า
“มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์...
ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง...
ไม่เป็นผู้ต้องคำพิพากษาให้จำคุก แม้คดีนั้นจะยังไม่ถึงที่สุด หรือมีการรอการลงโทษ เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาท ความผิดลหุโทษ หรือความผิดฐานหมิ่นประมาท...”
กรณีนายพิชิต จะเข้าข่ายลักษณะต้องห้าม หรือไม่?
ความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ต้องโทษจำคุก 6 เดือน ไม่น่าจะเป็นความผิดลหุโทษ
3. ความจริงของเรื่องถุงขนม 2 ล้านเป็นอย่างไร
คอลัมน์อ่านระหว่างบรรทัด หนังสือพิมพ์แนวหน้า โดยคุณสันติสุข มะโรงศรี ได้เปิดเผยพฤติการณ์ที่น่าสนใจไว้น่าสนใจ ดังนี้
...ศาลฎีกาได้มีคำตัดสินชี้ขาด ที่ 4599/2551 ศาลฎีกา เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2551 เรื่องละเมิดอำนาจศาลผู้ถูกกล่าวหา ได้แก่ นายพิชิต หรือพิชิฏ ชื่นบาน นางสาวศุภศรีศรีสวัสดิ์ และนายธนา ตันศิริ ทีมงานกฎหมายต่อสู้คดีของทักษิณ ชินวัตร จำเลยคดีที่ดินรัชดา
ศาลฎีกาไต่สวนได้ความว่า
วันเกิดเหตุ - เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2551 เวลาประมาณ 9 นาฬิกา ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสาม ขึ้นลิฟต์มาที่แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา เพราะเป็นวันที่ทักษิณจะมารายงานตัวคดีที่ดินรัชดา
ขณะที่ หม่อมหลวงฐิติพงศ์ ชมพูนุช นิติกร 5 แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา กำลังทำงานอยู่ที่ห้องทำงานในแผนก นางสาวศุภศรี ศรีสวัสดิ์ ซึ่งเป็นเสมียนทนายของนายพิชิต ชื่นบาน ทนายความในคดีที่ดินรัชดา ที่ทักษิณและคุณหญิงพจมานเป็นจำเลย (ขณะนั้นอยู่ในการพิจารณาของศาลฎีกาฯ) นางสาวศุภศรีได้นำคำร้องขอรายงานตัวของทักษิณและคุณหญิงพจมานมายื่นต่อศาล
หลังจากหม่อมหลวงฐิติพงศ์ พูดคุยกับนางสาวศุภศรี เกี่ยวกับวันนัดในคดีดังกล่าวแล้ว นางสาวศุภศรีบอกหม่อมหลวงฐิติพงศ์ว่า นายธนาอยากจะขอปรึกษาเรื่องคดีด้วย
ขณะที่นายธนาเดินเข้าไปในห้องดังกล่าว หม่อมหลวงฐิติพงศ์เดินตามเข้าไปนั่งที่โต๊ะตรงข้ามกัน
นายธนาพูดขึ้นว่า ระยะนี้ต้องมาติดต่อบ่อย เห็นใจเจ้าหน้าที่ต้องทำงานเหน็ดเหนื่อย ก็เลยมีของมาฝากให้กับเจ้าหน้าที่ทุกคน แล้วนายธนาเดินไปหยิบถุงกระดาษสีขาว ซึ่งวางอยู่ตรงตู้ข้างโต๊ะในห้อง
ถุงดังกล่าวมีสกอตเทปปิดปากถุงตามยาวเกือบตลอดปากถุง
หม่อมหลวงฐิติพงศ์จึงหยิบถุงดังกล่าวเดินออกไปจากห้อง เพื่อไปถามนายรักเกียรติ วัฒนพงษ์ เลขานุการแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา ว่าจะรับไว้ได้หรือไม่
โดยหม่อมหลวงฐิติพงศ์ เข้าใจว่าเป็นขนม แต่นายรักเกียรติไม่อยู่ หม่อมหลวงฐิติพงศ์ จึงมอบถุงดังกล่าวให้นางขวัญชีวา แจ่มจิตรตรง นิติกร 4 ซึ่งยืนอยู่หน้าห้องนายรักเกียรติ ไปถามนายอนันต์ วงษ์ประภารัตน์ ผู้พิพากษาศาลฎีกา ซึ่งขณะนั้นอยู่ในห้องธุรการของแผนกว่าจะรับไว้ได้หรือไม่
ต่อมา นายอนันต์ วงษ์ประภารัตน์ ผู้พิพากษาศาลฎีกา บอกให้เปิดดู
หม่อมหลวงฐิติพงศ์ จึงหยิบคัตเตอร์มากรีดสกอตเทปที่ปิดปากถุงออก
พบซองสีน้ำตาลปิดอยู่ เมื่อดึงออกเห็นธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท จำนวน 2 ตั้ง ตั้งละ 10 มัด มัดละ 100 ฉบับ เป็นเงินประมาณ 2,000,000 บาท
หม่อมหลวงฐิติพงศ์ หิ้วถุงไปให้นายอนันต์ นายอนันต์สั่งให้หม่อมหลวงฐิติพงศ์ไปเรียกนายธนามารับคืนไป โดยได้มีการถ่ายภาพถุงและธนบัตรทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน
ต่อมา นายธนามารับถุงเงินคืนไปจากนายอำนาจ วงศ์สวรรค์ นิติกรประจำแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา
ก่อนคืนถุงเงิน นายอำนาจถามนายธนาว่า ทราบหรือไม่ว่าในถุงเป็นอะไร? นายธนาตอบว่า ทราบ
นายอำนาจบอกว่า เรารับไม่ได้ พร้อมกับส่งถุงเงินคืนไปนายธนารับถุงเงินแล้วก็เดินจากไป
หลังจากนั้น เวลาประมาณ 12 นาฬิกา นายพิชิต ชื่นบาน โทรศัพท์มาพูดกับหม่อมหลวงฐิติพงศ์ ในทำนองว่า ไม่ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นและกล่าวคำขอโทษต่อหม่อมหลวงฐิติพงศ์พร้อมกับถามว่าจะทำอย่างไรต่อไป
หม่อมหลวงฐิติพงศ์ ตอบกลับไปว่า ต้องรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ
ฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาอ้างว่า หยิบถุงผิดไปให้เจ้าหน้าที่ศาล จริงๆ ต้องการหยิบถุงขนมหรือช็อกโกแลตไปให้
ศาลชี้ว่า ตอนที่มอบถุงกระดาษกัน นายธนากับเจ้าหน้าที่ศาลอยู่ด้วยกันเพียง 2 คน การที่นายธนาติดต่อให้ไปพบที่ห้องพักทนายความ แล้วมอบถุงให้เพียงสองต่อสองก็ดี การที่นายธนาพูดเป็นนัยว่า มีของมาฝากเจ้าหน้าที่ทุกคน โดยไม่บอกให้ทราบว่าเป็นขนมหรือช็อกโกแลตก็ดี และการที่นายธนาส่งมอบถุงกระดาษที่ปกปิดมิดชิดจนไม่สามารถทราบว่า สิ่งของข้างในเป็นอะไรก็ดี เป็นเรื่องผิดปกติวิสัย เพราะหากต้องการมอบขนมหรือช็อกโกแลตให้แก่เจ้าหน้าที่เพื่อเป็นการแสดงความมีน้ำใจดังอ้างจริง ก็ย่อมต้องนำถุงขนมหรือช็อกโกแลตที่อ้างไปมอบให้แก่เจ้าหน้าที่ที่ห้องธุรการทั้งหมดโดยตรงและโดยเปิดเผย เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจของตน
นอกจากนี้ ข้อเท็จจริงก็ยังปรากฏต่อมาว่า เมื่อนายธนาถูกเรียกให้ไปรับถุงกระดาษคืน เจ้าหน้าที่ศาลได้ถามเสมียนทนายความว่า ใครเป็นคนให้ นางสาวศุภศรีตอบว่า นายธนาเป็นคนนำถุงกระดาษมาให้ เจ้าหน้าที่จึงให้นางสาวศุภศรีไปตามนายธนา หลังจากนั้น 2 ถึง 3 นาที นางสาวศุภศรีก็พานายธนามาที่หน้าเคาน์เตอร์ เจ้าหน้าที่ถามนายธนาว่า ทราบหรือไม่ว่าในถุงเป็นอะไร นายธนาตอบว่าทราบ เจ้าหน้าที่จึงตอบไปว่า เรารับไม่ได้ พร้อมกับส่งถุงคืนไป นายธนารับถุงแล้วก็เดินจากไป โดยไม่ได้พูดอะไร
การที่นายธนารับกับเจ้าหน้าที่ว่าทราบว่าของในถุงเป็นอะไร พร้อมกับรับถุงไปโดยไม่อิดเอื้อน ไม่เปิดถุงออกดู และไม่อธิบายว่าข้างในถุงเป็นอะไร ย่อมเป็นพิรุธ แสดงให้เห็นว่านายธนาย่อมต้องทราบอยู่แล้วว่า ของในถุงเป็นเงิน
หากมีการหยิบถุงผิด เมื่อเจ้าหน้าที่คืนถุงให้ น่าจะต้องกล่าวคำขอโทษในทันที และน่าจะต้องเอาถุงกระดาษที่บรรจุช็อกโกแลตกลับขึ้นมาให้เจ้าหน้าที่ศาลเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจของตน
หากนายธนามีถุงกระดาษที่มีลักษณะเหมือนกัน 2 ถุง โดยถุงหนึ่งบรรจุเงินประมาณ 2,000,000 บาท และอีกถุงหนึ่งบรรจุช็อกโกแลตจริง นายธนายิ่งต้องใช้ความระมัดระวังตรวจดูเป็นพิเศษว่าปกติธรรมดา ก่อนส่งมอบถุงให้แก่เจ้าหน้าที่ศาล แต่ก็หาได้กระทำไม่
ข้อเท็จจริงเชื่อได้ว่า นายธนารู้อยู่แล้วว่าถุงกระดาษที่มอบให้แก่เจ้าหน้าที่ประจำแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา มีธนบัตรจำนวนประมาณ 2,000,000 บาทบรรจุอยู่
ศาลฎีกาวินิจฉัยด้วยว่า นายพิชิตเป็นทนายความให้แก่ทักษิณและคุณหญิงพจมาน ในคดีที่ดินรัชดา โดยมีนางสาวศุภศรีเป็นเสมียนทนายและเป็นเลขานุการส่วนตัวของนายพิชิต และนายธนาเป็นผู้ติดตามทักษิณ เป็นผู้ประสานงานระหว่างทักษิณและคุณหญิงพจมานกับฝ่ายทนายความ ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามจะมาศาลกับทักษิณและคุณหญิงพจมานทุกครั้ง
ข้อเท็จจริงได้จากพยานฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามเอง ก็ปรากฏว่าทั้งสามมีการพูดคุยและประสานงานกันตลอดเวลาขณะอยู่ที่ศาลฎีกา การกระทำของนายธนาเกี่ยวกับคดีจึงอยู่ในความรู้เห็นของนายพิชิตและนางสาวศุภศรีด้วย ถือได้ว่าเป็นคณะทำงานเดียวกัน
นอกจากนี้ นายพิชิตและเสมียนทนายความ ต่างก็เห็นเจ้าหน้าที่ศาลเดินถือถุงกระดาษออกมาจากห้อง วิสัยของคนที่ทำงานร่วมกันใกล้ชิด ย่อมต้องถามไถ่หรือบอกกล่าวให้รู้กันว่า จะนำช็อกโกแลตมาให้เจ้าหน้าที่ศาลโดยไม่จำต้องปิดบัง นายพิชิตเป็นหัวหน้าคณะทนายความของทักษิณและคุณหญิงพจมาน การกระทำของนายธนาเป็นเรื่องร้ายแรง แทนที่นายพิชิตจะซักไซ้ไล่เลียงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ชัดเจนแล้วดำเนินการแก้ไขนำสิ่งของที่ถูกต้องมามอบให้หรือนำถุงทั้งสองใบไปแสดงในทันที หรือตำหนินายธนาเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวแต่นายพิชิตก็หาได้กระทำไม่ นายพิชิตกลับโทรศัพท์ไปขอโทษและปรับความเข้าใจกับเจ้าหน้าที่ศาล ตามที่นายธนาร้องขอ
พฤติการณ์ของนายพิชิตแสดงให้เห็นชัดแจ้งว่า นายพิชิตมีส่วนรู้เห็นในการกระทำความผิดของนายธนา ในลักษณะเป็นตัวการร่วมกัน
ศาลฎีกาชี้ว่า พฤติการณ์ของผู้ถูกกล่าวหาทั้งสาม เป็นการร่วมกันและแบ่งหน้าที่กันทำ ฟังได้ว่าเป็นตัวการร่วมกัน มีเจตนาที่จูงใจให้เจ้าหน้าที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่ ซึ่งอาจเชื่อมโยงไปเป็นประโยชน์แก่จำเลยในคดีที่ดินรัชดา การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามจึงเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยมาบริเวณศาล เป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31(1), 33 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
และน่าจะมีมูลความผิดฐานให้สินบนแก่เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 144 หรือความผิดอื่นต่อเจ้าพนักงาน
การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาทั้งสาม เป็นการกระทำที่อุกอาจ ท้าทายและเกิดขึ้นที่ศาลฎีกา ซึ่งเป็นศาลยุติธรรมชั้นสูงสุดของประเทศ
ศาลให้ลงโทษจำคุกผู้ถูกกล่าวหาทั้งสาม คนละ 6 เดือน (ฐานละเมิดอำนาจศาล ไม่ใช่ฐานติดสินบน)...
จากพฤติกรรมข้างต้นที่ ศาลฎีกาชี้ว่า เป็นการกระทำที่อุกอาจ ท้าทายและเกิดขึ้นที่ศาลฎีกา ซึ่งเป็นศาลยุติธรรมชั้นสูงสุดของประเทศ
กับคุณสมบัติของรัฐมนตรีที่รัฐธรรมนูญกำหนดว่า ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์... ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง...
วิญญูชนพึงพิจารณาว่า ผู้นำรัฐบาลแบบไหนกันที่จะแต่งตั้งคนแบบนี้เป็นรัฐมนตรี?
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี