นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นนโยบายที่มีไว้ต้มตุ๋นหลอกลวง
ซ้ำแล้ว ซ้ำอีก ซ้ำซาก
สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์เคยนำมาหาเสียง แต่หลังจากนั้นก็ยอมรับว่าทำไม่ได้ เพราะติดสัญญาสัมปทานเอกชน
ตอนเลือกตั้งซ่อม สส. กทม. พรรคเพื่อไทยก็ยังอุตส่าห์เอานโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายมาหาเสียง รู้ทั้งรู้ว่าทำไม่ได้
มาถึงผู้ว่าฯชัชชาติ แม้จะไม่ประกาศว่า 20 บาทตลอดสาย แต่ก็มีนโยบายค่ารถไฟฟ้าราคาถูกมาล่อเอาคะแนนเสียง แล้วจนบัดนี้ ก็ยังทำไม่ได้ เพราะรู้อยู่แล้วว่าติดเงื่อนไขสัญญาอย่างไรบ้าง
เลือกตั้งใหญ่ครั้งล่าสุด ก็เอามาหาเสียง ซ้ำซาก เหมือนเห็นคนฟังเป็นคนโง่งมงาย
แล้วล่าสุด เมื่อพรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล ดูแลกระทรวงคมนาคมเต็มที่ ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะเป็นจริง
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว. คมนาคม บอกว่า “รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นนโยบายเร่งด่วน แต่ต้องใช้เวลาเจรจา...ไม่น่าจะเกิน 2 ปี”
1. นโยบายต้มตุ๋นหลอกลวงในลักษณะนี้ ประดิษฐ์ขึ้นมาจากกลวิธีการตลาดสามานย์
ไปศึกษาดูว่า อะไรถูกใจชาวบ้าน ตอบสนองจุดที่เป็นปัญหาอยู่ แล้วก็เอาความฝันมาขาย โดยไม่ต้องอยู่บนพื้นฐานความเป็นไปได้จริง ไม่ต้องคำนึงถึงผลกระทบหรือต้นทุนที่ตามมา
คือ สักแต่ว่า ขายฝันสลายความเจ็บปวดเฉพาะจุดของชาวบ้าน
จะทำได้จริงหรือไม่?
หรือทำแล้วจะมีต้นทุนมหาศาล และจะเกิดผลกระทบอย่างไร?
ช่างแม่มมัน
กูเอาคะแนนเสียงเฉพาะหน้าไว้ก่อน
ที่น่าแปลกใจ คือ ประเทศไทยดันมีเหยื่อไปหลงใหลกับวาทกรรมพรรค์อย่างนี้ซ้ำแล้ว ซ้ำอีก ซ้ำซาก
2. ล่าสุด ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรองผู้ว่าฯ กทม. ได้เสนอแนะทางเลือกเชิงนโยบายที่น่าสนใจ
มีความเป็นไปได้จริง
บางตอนระบุว่า
“1. หาเสียงเลือกตั้งปี 2566
พรรคเพื่อไทยหาเสียงกับชาวกรุงเทพฯ ว่า จะเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย
โดยไม่บอกรายละเอียดว่านั่งรถไฟฟ้าได้สายเดียว หรือหลายสายมีวิธีการทำอย่างไร
คนกรุงเทพฯ และปริมณฑลเข้าใจกันว่าเมื่อพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลเสร็จแล้วคงจะได้นั่งรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายในไม่นาน
แต่ก็ต้องผิดหวังอย่างแรง เมื่อ รมว. คมนาคม เผยว่าต้องรออีก 2 ปีทั้งที่บอกว่าเป็นนโยบายเร่งด่วน จะต้องทำให้เกิดขึ้นโดยเร็ว ไม่ใช่ให้รอถึง 2 ปี
2. รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ทำได้จริงหรือ?
ผมขอตอบว่าทำได้จริง ถ้ารัฐบาลจ่ายเงินชดเชยให้แก่ผู้เดินรถไฟฟ้า อันประกอบด้วย
บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุด
ตามด้วยบริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM
และบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของการรถไฟแห่งประเทศไทย ตามลำดับ
ก่อนจะหาเสียงด้วยนโยบายนี้ หากมีการเตรียมข้อมูลดังต่อไปนี้ไว้ก่อน ก็จะสามารถทำให้นโยบายนี้เป็นจริงได้โดยเร็ว ไม่ใช่ให้รอถึง 2 ปี
- รายได้จากค่าโดยสารของผู้เดินรถไฟฟ้าตามอัตราค่าโดยสารในปัจจุบัน
- รายได้จากค่าโดยสารกรณีเก็บค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายซึ่งประกอบด้วยรายได้จากผู้โดยสารเดิม (รวมทั้งผู้โดยสารเดิมที่จะเดินทางเพิ่มขึ้น) และรายได้จากผู้โดยสารใหม่ (ผู้โดยสารที่ในปัจจุบันไม่ได้ใช้รถไฟฟ้า แต่เมื่อค่าโดยสารถูกลง เขาเหล่านี้จะหันมาใช้รถไฟฟ้า)
ผลต่างของรายได้ทั้ง 2 ข้อดังกล่าวข้างต้น คือรายได้ที่ผู้เดินรถไฟฟ้าได้รับน้อยลง นั่นคือเงินชดเชยที่รัฐบาลจะต้องจ่ายให้เขา
ถ้าต้องการให้นโยบายนี้สำเร็จโดยด่วน กระทรวงคมนาคมสามารถหาข้อมูลดังกล่าวได้ทันที
ผมมั่นใจว่าถ้ารัฐบาลจ่ายเงินชดเชยให้ผู้เดินรถไฟฟ้า รัฐบาลจะได้รับความร่วมมืออย่างดี
ดังนั้น การบอกให้รอถึง 2 ปี จึงเป็นข้ออ้างที่ยากจะเชื่อ
3. ความล้มเหลวในอดีต
ผมอยากให้นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เกิดขึ้นได้จริง
ไม่อยากให้ล้มเหลวเหมือนในอดีตที่รัฐบาลไม่สามารถทำให้ค่าโดยสารรถไฟฟ้าถูกลงได้ ดังนี้
- ปี 2547 รัฐบาลในขณะนั้น อยากจะทำให้ค่าโดยสารรถไฟฟ้าลดลงเหลือ 15 บาทตลอดสาย มีแนวคิดที่จะซื้อสัมปทานคืน ซึ่งต้องใช้เงินจำนวนมาก สุดท้ายก็ล้มเหลว
- ปี 2554 ตอนหาเสียงเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยประกาศว่าจะเก็บค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย แต่พอได้เป็นรัฐบาลกลับไม่ทำ
ในขณะนั้นผมเป็น สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้ตั้งกระทู้สดถาม รมว. คมนาคม (ในขณะนั้น) ว่าทำไมไม่ทำให้ค่าโดยสารรถไฟฟ้าลดลงเหลือ บาทตลอดสาย 20 ตามที่ได้หาเสียงไว้ คำตอบที่ได้คือต้องรอให้ก่อสร้างรถไฟฟ้าครบ 10 สายก่อน ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะก่อสร้างรถไฟฟ้าให้ครบ 10 สาย ภายในระยะเวลาของรัฐบาล คือ 4 ปี
4. ข้อเสนอแนะ
ผมมีข้อเสนอแนะต่อรัฐบาล ดังนี้
เพื่อทำให้คนกรุงเทพฯ และปริมณฑลสามารถใช้รถไฟฟ้าได้มากขึ้นให้คุ้มค่ากับเงินลงทุน และเพื่อช่วยให้ผู้โดยสารประหยัดค่าเดินทาง
ผมขอเสนอให้รัฐบาลพิจารณาใช้นโยบาย “ค่าโดยสารรถไฟฟ้า50 บาท ทั้งวัน ทุกสาย ไม่อั้น”
นั่นหมายความว่า ผู้โดยสารจ่ายเพียง 50 บาท จะขึ้นลงรถไฟฟ้าสายไหน สีไหน กี่เที่ยวก็ได้ภายใน 1 วัน
ถ้าใช้รถไฟฟ้า 2 เที่ยวต่อวัน ค่าโดยสารเฉลี่ยต่อเที่ยว 25 บาท
ถ้าใช้รถไฟฟ้า 4 เที่ยวต่อวัน ค่าโดยสารเฉลี่ยต่อเที่ยวเหลือเพียง 12.50 บาท เท่านั้น
ผู้โดยสารรถไฟฟ้าสามารถเลือกซื้อตั๋วที่เหมาะสมกับตน
หากเห็นว่าตั๋ว 50 บาท ทั้งวัน ถูกกว่า ก็ซื้อตั๋วนี้
หากเห็นว่าตั๋วเที่ยวเดียวถูกกว่า ก็ซื้อตั๋วเที่ยวเดียว
ทั้งนี้ รัฐบาลจะต้องเจรจากับผู้เดินรถไฟฟ้าทุกรายให้ยอมรับอัตราค่าโดยสารนี้ โดยรัฐบาลจะชดเชยส่วนต่างรายได้จากค่าโดยสารให้
จากการประเมิน พบว่า รัฐบาลจะต้องชดเชยส่วนต่างในปีแรกที่ใช้อัตราค่าโดยสารนี้ประมาณ 7,500 ล้านบาท เงินชดเชยนี้จะลดลงเมื่อมีผู้โดยสารใช้รถไฟฟ้าเพิ่มขึ้น
นโยบาย “ค่าโดยสารรถไฟฟ้า 50 บาท ทั้งวัน ทุกสาย ไม่อั้น”จะช่วยประหยัดเวลาเดินทาง ลดการใช้พลังงานเชื้อเพลิง และลดมลพิษโดยเฉพาะ PM2.5 ซึ่งคิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจได้มากกว่าเงินที่รัฐบาลจะต้องชดเชยให้ผู้เดินรถไฟฟ้าอย่างแน่นอน
5. สรุป
ถ้ารัฐบาลจริงจังกับการลดค่าโดยสารรถไฟฟ้า
ไม่ใช้วาทศิลป์สนองตอบคำมั่นสัญญาที่ได้ให้ไว้กับพี่น้องประชาชน
จะสามารถทำให้เกิดขึ้นได้จริงในเวลาไม่นานนี้แน่นอนครับ”
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี