เรือสุโขทัยคือเรือรบหลวงแห่งราชนาวีไทย ที่ว่ากันว่ามีมูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท และประสบเหตุเผชิญกับพายุในอ่าวไทยแล้วจมลง จนกระทั่งถึงวันนี้เรือรบหลวงสุโขทัยจมอยู่ใต้ท้องทะเลเกือบปีแล้ว นับเป็นความเสียหายและความอัปยศครั้งยิ่งใหญ่ของราชนาวีไทยและกองทัพไทย รวมทั้งประเทศไทยด้วย

ที่อัปยศก็เพราะว่าเหตุแห่งการอับปางของเรือนั้นคลุมเครือน่าสงสัยว่าเกิดแต่เหตุอันใด เพราะในขณะเกิดเหตุนั้นจะอ้างว่าเผชิญหน้าพายุใหญ่ ลมแรงไม่ได้ เนื่องจากดาวเทียมได้จับภาพพื้นที่ข้างเคียงได้ว่า ณ เวลาเดียวกันนั้นยังมีเรือประมงแล่นอยู่ไม่ไกลจากเรือรบหลวงสุโขทัยอีก 5 ลำ แต่กลับมีความสวัสดี หาได้ประสบเหตุเภทภัยจมไปแต่ประการใดไม่

จึงมีเหตุอันควรเชื่อว่าเรือรบหลวงสุโขทัยไม่ได้จมเพราะพายุใหญ่ ลมแรง แต่จะเป็นสาเหตุใด ร่วมปีแล้วก็ไม่มีข้อสรุปอันเป็นที่ยุติที่ประชาชนจะได้รับรู้เชื่อถือได้มีแต่ความอึมครึม และทำให้เกิดความวิตกในสมรรถนะของกองทัพเรือในการปกปักรักษาเอกราชอธิปไตยของชาติ และรักษาผลประโยชน์ของชาติตลอดแนวน่านน้ำอันยาวไกลทั้งสองฝั่งทะเลและมหาสมุทรว่าหากเผชิญศึกเหนือเสือใต้เข้าจริงแล้วจะไหวหรือ เพราะแค่พายุที่เรือประมง 5 ลำมิได้เป็นอันตราย เรือรบหลวงสุโขทัยก็อับปางไปเสียแล้ว

เป็นกิจและหน้าที่อันสำคัญของผู้มีหน้าที่รับผิดชอบทั้งระดับรัฐบาล กองทัพไทยและกองทัพเรือ ที่จะต้องรีบทำการกู้เรือคืนให้เร็วที่สุด เพราะต้องถือว่าทุกคนทุกฝ่ายทราบเป็นอันดีว่าอันเรือรบนั้นเมื่อจมลงใต้ท้องทะเลแล้วก็จะได้รับอันตรายเสียหายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะการซัดกลบของทรายและดินใต้ท้องทะเลอย่างหนึ่ง การถูกกัดเซาะด้วยความเค็มของน้ำ และแรงกระแทกจากกระแสน้ำทั้งยามที่เป็นไปตามกระแสน้ำและยามต้องคลื่นลมจะทำให้เกิดความเสียหายชำรุดเร็วขึ้น หนักขึ้น

การกู้เรือคืนเร็วเท่าใดจึงเสียหายน้อยเท่านั้น และไม่มีเหตุผลเลยที่จะปล่อยให้เรือจมโดยไม่กู้เรือขึ้นมา และเรื่องนี้จะเป็นคำถามที่ก้องอยู่ในความคิดจิตวิญญาณของพี่น้องทหารเรือไปตลอดกัลปาวสานว่าเกิดอะไรขึ้น และทำไมจึงไม่รีบทำการกู้เรือ

เรื่องนี้จะตำหนิกองทัพเรือไม่ได้ เพราะการกู้เรือนั้นต้องใช้เงิน ซึ่งต้องได้รับการจัดสรรเงินจากงบประมาณ ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีการตั้งงบกู้เรือเอาไว้ในแผนงบประมาณ ดังนั้นจึงต้องใช้งบกลางซึ่งอยู่ในอำนาจของรัฐบาล และมีข่าวปรากฏมาแล้วว่าจะต้องใช้เงินประมาณ 200 ล้านบาท ในการกู้เรือคืน และหากมีความเสียหายเกิดขึ้นเท่าใดก็ต้องหางบประมาณมาซ่อมบำรุงเพื่อให้ฟื้นคืนดีเป็นปกติ

ตามข่าวเคยปรากฏว่ากองทัพเรือได้ตั้งเรื่องของบประมาณจากรัฐบาลเป็นวงเงิน 200 ล้านบาทเพื่อใช้ในการกู้เรือรบหลวงสุโขทัย แต่จากวันนั้นถึงวันนี้กี่วันกี่เดือนแล้วก็ไม่มีข่าวว่าได้รับอนุมัติงบประมาณให้กองทัพเรือไปกู้เรือดังกล่าว และเป็นเหตุให้เรือรบหลวงสุโขทัยจมสนิทอยู่ใต้ท้องทะเลมาร่วมปี ซึ่งไม่มีบ้านไหนเมืองใดที่เขาปล่อยให้เป็นเช่นนี้

มีการซุบซิบนินทากันว่าไม่สมควรกู้เรือรบหลวงสุโขทัยเพราะไม่คุ้ม และจะเกิดความเสียหายมากกว่าที่จะปล่อยให้จมไปในท้องทะเล เพราะอาจพบว่ามีการทุจริตมากมายที่มีหลักฐานปรากฏอยู่กับตัวเรือรบหลวงสุโขทัย ซึ่งจะเป็นจริงหรือไม่จริงอย่างไร วันหนึ่งความจริงจะปรากฏ

แต่เรื่องนี้ต้องมีผู้รับผิดชอบแน่ เพราะไม่มีใครสามารถรับผิดชอบด้วยตนเองได้ว่าการกู้เรือรบหลวงสุโขทัยไม่คุ้มค่า ซึ่งเป็นเหตุผลที่ฟังไม่ได้ เพราะค่าใช้จ่ายในการกู้เรือก็ตั้งงบประมาณไว้แค่ 200 ล้านบาท มากกว่าการไปตรวจราชการของนักการเมืองไม่กี่ครั้ง สามารถจัดหาเงินนี้ได้แน่นอน ดังนั้นการที่ไม่มีเงินไปใช้ในการกู้เรือจึงต้องมีผู้รับผิดชอบ และสักวันหนึ่งความจริงจะปรากฏ

เหตุผลอีกอย่างหนึ่งก็คือถ้ากู้เรือแล้วจะไม่คุ้มกับค่าซ่อม เป็นข่าวที่ไร้เหตุไร้ผลและไร้มูลความจริง เพราะถึงวันนี้ยังไม่เคยมีความจริงปรากฏว่าเรือรบหลวงสุโขทัยสูญเสียหรือเสียหายอะไรบ้าง เป็นค่าซ่อมบำรุงสักเท่าใด ยังไม่อาจกล่าวได้ว่าคุ้มหรือไม่คุ้มกับการซ่อม

แต่หน้าที่สำคัญอันเป็นปกติของผู้รับผิดชอบต่อทรัพย์สมบัติของชาติ โดยเฉพาะทรัพย์สินของราชนาวีไทย คือการต้องรีบกู้เรือรบหลวงสุโขทัยให้เร็วที่สุด และซ่อมแซมให้กลับมาใช้งานใหม่ได้โดยเร็วที่สุด

การละเว้นไม่ทำการดังกล่าวจนเวลาล่วงเลยมาถึงร่วมปีแล้วย่อมมีความเสียหายเกิดขึ้นมากมาย แต่จะเท่าใดนั้นก็จะต้องรอความจริงปรากฏ ความเสียหายเหล่านี้ต้องมีผู้รับผิดชอบทั้งทางแพ่งและทางอาญา

เรื่องนี้เป็นความจริงที่ปรากฏทั่วไป จึงนอกจากจะอยู่ในความรับผิดชอบของรัฐมนตรีกลาโหมแล้ว ยังอยู่ในความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรีตามระเบียบการบริหารราชการแผ่นดิน บทที่ว่าเมื่อนายกรัฐมนตรีทราบว่าจะมีความเสียหายเกิดขึ้นแก่รัฐ ให้นายกรัฐมนตรีมีหน้าที่ในการแก้ไข ปรับปรุง เปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกการใดๆ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ

ถ้าหากนายกรัฐมนตรีเพิกเฉยย่อมมีความรับผิดทางแพ่งและมีความผิดทางอาญาฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ซึ่งศาลฎีกาได้ตัดสินเป็นบรรทัดฐานมาหลายคดีแล้ว

นายสุทิน คลังแสง มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหมคนใหม่ ต้องรับภาระหน้าที่นี้คือในการกู้เรือรบหลวงสุโขทัยให้เร็วที่สุด ซึ่งเป็นหน้าที่ที่ต้องทำเพราะถ้าไม่ทำก็ต้องเข้ารับผิดเพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่ง