เพียงประมาณสัปดาห์หลังแถลงนโยบายเสร็จ นายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน ก็ได้เดินทางไปประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ ซึ่งเป็นการออกเวทีนานาชาติเป็นครั้งแรก และต้องถือว่าเป็นห้วงเวลาเหมาะสมดีที่สุด เพราะเมื่อเริ่มต้นภารกิจต่างประเทศที่สหประชาชาติแล้ว ก็จะเป็นการสะดวกที่จะเดินทางเยือนมิตรประเทศต่อไป
สำหรับประเทศไทยเป็นประเทศเล็ก ในบางห้วงเวลาผู้นำรัฐบาลจะเริ่มต้นด้วยการเดินทางเยือนประเทศมหาอำนาจก่อน และมักจะเป็นสหรัฐอเมริกา ตามมาด้วยจีน และรัสเซีย รวมทั้งประเทศในยุโรป แล้วก็มาประเทศอาเซียน
ในระยะหลังนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยมักจะเดินทางเยือนประเทศอาเซียนก่อน จากนั้นก็จะเดินทางเยือนชาติมหาอำนาจและมิตรประเทศไปโดยลำดับ และสำหรับนายกรัฐมนตรีเศรษฐาทวีสิน ก็ได้เดินตามวิถีทางนี้ นั่นคือเริ่มต้นเดินทางเยือนอาเซียน โดยเริ่มที่ประเทศกัมพูชาก่อนเพื่อน
ประเทศอาเซียนมี 10 ประเทศ ดังนั้นจึงมีประเทศที่ต้องไปเยือน 9 ประเทศ จะเริ่มที่ประเทศใดก่อนก็สุดแท้แต่จังหวะจะโคนและน้ำหนักของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในแต่ละห้วงเวลา และในปัจจุบันนี้การเดินทางไปเยือนกัมพูชาเป็นประเทศแรกก็สะท้อนให้เห็นว่าความสัมพันธ์พิเศษระหว่างไทยกับกัมพูชานั้นมีนัยสำคัญ ซึ่งแน่นอนว่าทั้งโดยส่วนตัวและโดยผลประโยชน์ระหว่างประเทศ
ในการเดินทางเยือนกัมพูชานั้น รัฐบาลกัมพูชาได้ให้การต้อนรับอย่างเต็มที่ ตั้งแต่สมเด็จฮุนเซน และนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ได้ให้การต้อนรับอย่างสมเกียรติและอย่างเต็มที่ ได้บรรลุผลการเจรจาสำคัญหลายเรื่อง ซึ่งจะต้องรอฟังการแถลงข่าวของรัฐบาลต่อไป
ไม่ต้องแปลกใจว่าเหตุใดนายกรัฐมนตรีจึงไม่ปรากฏข่าวเข้าเฝ้าฯ พระมหากษัตริย์แห่งกัมพูชา นั่นอาจเพราะช่วงเวลานี้เป็นห้วงเวลาที่เสด็จพระราชดำเนินเยือนประเทศจีน และมีกำหนดการพำนักอยู่ในประเทศจีนระยะเวลาหนึ่งดังที่เป็นข่าวรู้กันทั่วไปแล้ว
จากกัมพูชาจะต้องจับตาดูต่อไปว่าประเทศใดจะเป็นลำดับถัดไปที่นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน จะไปเยือน ซึ่งถ้าหากมองย้อนไปถึงความสัมพันธ์หนหลังระหว่างผู้นำของพรรคเพื่อไทยกับประเทศในอาเซียนแล้วก็อาจคาดหมายได้ว่าน่าจะไปเยือนบรูไน สิงคโปร์ และมาเลเซีย รวมสามประเทศเป็นรอบหนึ่ง
ส่วนฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ลาว เวียดนาม และพม่า จะอยู่ในกำหนดการใด เมื่อใด ก็ต้องคอยติดตามดูกันต่อไป
ที่น่าสนใจก็คือลาวและพม่า เพราะขณะนี้ดูเหมือนว่ามีชาติมหาอำนาจบางประเทศกำลังปั่นกระแสให้ไทยทะเลาะกับลาวและพม่าในระดับที่หนักหน่วงรุนแรงมากขึ้น
สำหรับลาวนั้นมีข่าวว่ามีปฏิบัติการตอบโต้กันในลักษณะที่เพิ่มความรุนแรงมากขึ้น ซึ่งความจริงเริ่มต้นมา 3 ปีกว่าแล้ว โดยเริ่มต้นจากการดูถูกเหยียดหยามลาวและกล่าวหาลาวสารพัด จนกระทั่งมาถึงสถานการณ์ปัจจุบันที่ลาวสร้างความสัมพันธ์ที่มั่นคงยิ่งกับกลุ่มประเทศองค์การความร่วมมือกับเซี่ยงไฮ้ โดยเฉพาะกับจีน
มีการทำเกษตรร่วมกันอย่างทั่วด้าน มีการเปิดเส้นทางรถไฟความเร็วสูงลาว-จีน จนประเทศไทยต้องไปพึ่งพาในการขนส่งสินค้าไม่เว้นแต่ละสัปดาห์ ในขณะที่การเดินเรือในแม่น้ำโขงทางฝั่งลาวสามารถเดินทางได้โดยสะดวกเพราะมีการขุดลอก สามารถขนส่งสินค้าและเรือต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบาย ในขณะที่ประเทศไทยไม่เข้าร่วมแผนปฏิบัติการซันย่า จึงทำให้แม่น้ำโขงฝั่งไทยตื้นเขินเดินเรือไม่ได้
ก็ต้องจับตาดูกันต่อไปว่าการปั่นกระแสให้เกิดความขัดแย้งระหว่างไทย-ลาว จะไปกันถึงขั้นไหน และรัฐบาลเศรษฐาจะแก้กลเกมนี้อย่างไร จะปรับและพัฒนาความสัมพันธ์ฉันบ้านพี่เมืองน้องไทย-ลาวให้มีความสงบร่มเย็นเป็นสุขดังแต่ก่อนมา หรือว่าจะคล้อยตามกระแสที่ชาติมหาอำนาจต้องการ ถ้าเช่นนั้นก็ให้ระวังการยกระดับความขัดแย้งไปสู่ทางการทหาร
ทางด้านพม่าก็เช่นเดียวกัน บางประเทศในอาเซียนถูกจูงจมูกให้แทรกแซงพม่าและตั้งข้อเดียดฉันท์รังเกียจพม่า จนทำให้พม่าแปลกแยกออกไปจากอาเซียนทั้งที่เป็นสมาชิกของอาเซียนมานานนักหนาแล้ว
และกฎของอาเซียนก็ห้ามสมาชิกแทรกแซงกิจการภายในของกันและกัน ต้องเคารพในเอกราชอธิปไตยของกันและกัน พฤติกรรมที่ผ่านมาที่มีการแทรกแซงเอกราชอธิปไตยและกิจการภายในของพม่าเป็นความเสียหายใหญ่หลวง และกำลังกระทบความสัมพันธ์ไทย-พม่า มากขึ้นทุกวัน
โดยเฉพาะการประพฤติตนเป็นหมากเบี้ยให้กับชาติมหาอำนาจ รับเอาชนส่วนน้อยชาวพม่าในพื้นที่ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการสงครามในพม่าเข้ามาอยู่ในประเทศไทย เพื่อให้เป็นหนามยอกอกพม่า และเอากำลังบางส่วนเข้าไปไว้ในภาคอีสานเพื่อสร้างปัญหาความขัดแย้งพุทธ-อิสลาม ขึ้นในประเทศไทยกำลังเป็นปัญหาใหญ่โต
การที่มีกองกำลังรับจ้างต่างชาติส่งอาวุธยุทโธปกรณ์และกองกำลังเข้าไปสนับสนุนชนกลุ่มน้อยบางกลุ่มในพม่าทำสงครามกลางเมืองกับรัฐบาลพม่า ซึ่งเป็นที่รู้กันอยู่ว่าไปจากไหน ใครสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง กระทั่งสามารถยกระดับอาวุธที่ร้ายแรงขึ้นในการทำสงครามกับพม่า ก็กำลังทำให้ปัญหาความขัดแย้งไทย-พม่า คุกรุ่นมากขึ้น
การใช้โดรนโจมตีทหารพม่าและเกิดความเสียหายจำนวนมากขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ พม่าและพันธมิตรก็รู้ดีว่าใครอยู่เบื้องหลัง ดังนั้นจีนซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญของพม่าจึงได้ปรามว่าบางประเทศในอาเซียนกำลังทำให้อาเซียนเป็นยูเครน 2 ซึ่งต้องถือว่าเป็นคำเตือนที่รุนแรงมาก และผู้ที่เกี่ยวข้องย่อมรู้ว่าหมายถึงอะไร
นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน จะแก้กลเกมนี้หรือไม่อย่างไร กำลังเป็นเรื่องที่ท้าทายจุดยืนและท่าทีของรัฐบาลเศรษฐาอย่างแหลมคมยิ่ง และอีกไม่นานก็จะได้รู้กันว่าสถานการณ์จะไปทางไหน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี