วันชาติจีนผ่านมา 2 วันแล้ว หลายท่านคงได้ฟังข้อสรุปต่างๆ ของนักวิชาการและผู้สนใจจีนมาแล้วว่าประเทศจีนจะก้าวข้างหน้าไปอย่างไร จึงสมควรที่จะสรุปเรื่องนี้ให้ได้ทราบและเข้าใจโดยทั่วกันสักครั้งหนึ่ง
พรรคคอมมิวนิสต์พึ่งผ่านการฉลองครบรอบ 100 ปี เมื่อไม่นานมานี้และประกาศเตรียมแผนงานสู่รอบ 100 ปีที่ 2 โดยประกาศเป้าหมายชัดเจนว่าในรอบ100 ปีที่ 2 นี้ ประเทศจีนจะต้องบรรลุเป้าหมาย ในการเป็นประเทศสังคมนิยมที่พอมีพอกิน เพื่อเข้าสู่สังคมคอมมิวนิสต์ให้สำเร็จ
ความจริงเป็นการถ่อมตัวมากเกินไปตามลักษณะท่วงทำนองแบบจีน ถ้าจะว่ากันตามความจริงก็น่าจะระบุว่าในรอบ 100 ปีที่ 2 จีนจะเป็นประเทศสังคมนิยมที่อยู่ดีกินดี
เพราะในรอบ 100 ปีแรก จีนก็ได้สรุปผลการดำเนินการชัดเจนแล้วว่าได้บรรลุเป้าหมายในการเอาชนะสงครามประชาชาติ สงครามปลดแอก และสงครามต่อต้านญี่ปุ่น บรรลุเป้าหมายในการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน และการสร้างประเทศจีนให้เป็นประเทศสังคมนิยมใหญ่ที่สุดในโลก และได้สรุปด้วยว่า จีนได้ประสบความสำเร็จกับการทำสงครามกับความยากจนทั่วประเทศ โดยสมรภูมิสุดท้ายที่เอาชนะสงครามกับความยากจนได้สำเร็จ คือภูมิภาคที่กว้างใหญ่และยากจนที่สุดคือ ซินเกียง จนประชาชนมีความอยู่ดีกินดี มีรายได้สูง สภาพพื้นที่มีการพัฒนาชนิดพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินให้ประจักษ์มาแล้ว
ประเทศจีนมีองค์กรนำคือพรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งได้ประกาศให้ชาวโลกได้รับทราบมาตั้งแต่ช่วงการตั้งพรรคแล้วว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นพรรคปฏิวัติ มีทฤษฎีปฏิวัติ และมีกองกำลังปฏิวัติ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักทฤษฎี
ดังนั้นการจะดูว่าจีนจะทำอะไร จะต้องพิจารณาดูจากมติสำนักทฤษฎี การแสดงท่าทีต่างๆ ของผู้นำต่างๆ เป็นเพียงท่าทีเท่านั้น ไม่ใช่ทิศทางใหญ่ ในการปฏิวัติและการพัฒนาประเทศจีน ดังที่หลายท่านยังเข้าใจผิดกันอยู่
ในรอบ 100 ปีแรกของพรรคคอมมิวนิสต์จีนยังประสบความสำเร็จที่สำคัญยิ่งในการรวมชาติคือ ฮ่องกง และมาเก๊า ซึ่งตกทอดมาตั้งแต่ยุคล่าอาณานิคม โดยสันติวิธี
และสำเร็จด้วยความงดงามยิ่ง
นั่นคือความสำเร็จของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในรอบ 100 ปีแรกและเป็นความสำเร็จของประเทศจีนและรัฐบาลจีนในช่วงเวลาที่ผ่านมาด้วย
เพราะเหตุที่การสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนเกิดขึ้นหลังจากการตั้งพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีนกว่า 20 ปี ดังนั้น การสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนจึงครบรอบ 100 ปี หลังการสถาปนาพรรคคอมมิวนิสต์จีนครบ 100 ปี นั่นคืออีกประมาณ 20 ปีเศษข้างหน้า
เหลือเวลาอีกไม่กี่ปี สาธารณรัฐประชาชนจีนก็จะสถาปนาครบ 100 ปี สาธารณรัฐประชาชนจีนจะไปทางไหนและจะทำอะไร ล้วนกำหนดแล้วโดยสำนักทฤษฎี
ซึ่งสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน คณะกรรมการกลางพรรค คณะกรรมการกรมการเมือง และคณะกรรมการประจำกรมการเมือง ล้วนเห็นชอบ และน้อมนำไปปฏิบัติทั้งสิ้น
ในเวลาที่เหลืออยู่จีนจะทำอะไร และจะไปทางไหน สรุปได้ 2 เรื่อง คือ
เรื่องแรก เป็นเรื่องภายในประเทศ คือการสร้างสรรค์สาธารณรัฐประชาชนจีนให้เป็นประเทศสังคมนิยมที่พอมีพอกินให้แล้วเสร็จก่อนการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีนครบ 100 ปี นั่นเป็นทิศทางใหญ่สำหรับภายในประเทศซึ่งเกี่ยวข้องกับทุกปริมณฑล ทั้งด้านความมั่นคง ด้านการทหาร ด้านเศรษฐกิจ ด้านการเงิน การคลัง ด้านวัฒนธรรม ด้านคุณธรรม และการสร้างสันติสุขทั่วประเทศ
เรื่องที่สอง เป็นเรื่องด้านต่างประเทศ หรือที่เรียกว่าเป็นเรื่องทางสากล คือการขับเคลื่อน “ยุทธศาสตร์เพื่อสันติภาพและการพัฒนา” หรือยุทธศาสตร์เส้นทางสายไหม เพื่อให้ทั่วทั้งโลกมีสันติภาพ มีการพัฒนา ที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน แบ่งปันความรุ่งเรืองร่วมกัน แต่ที่ไม่พูดให้ชัดก็คือเพื่อหยุดยั้งยุทธศาสตร์ความขัดแย้งและสงครามของทั่วทั้งโลก ซึ่งประเทศมหาอำนาจกลุ่มหนึ่งได้ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์นี้ต่อเนื่องตลอดมาตั้งแต่สิ้นสงครามโลกครั้งที่สอง จนมีความขัดแย้งเกิดขึ้นแทบทุกปริมณฑลของโลก และมีสงครามน้อยใหญ่เกิดขึ้นแล้วร่วม 300 ครั้ง
เป้าหมายสำคัญนี้ เหมา เจ๋อตุง อดีตประธานพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ ผู้นำที่ยิ่งใหญ่และนายท้ายเรือผู้ยิ่งใหญ่ ได้ประกาศเป็นนัยไว้ในปี 1956 ว่า “ตังฮวง เซี๊ยะ ต่อไซฮวง” ซึ่งแปลว่าสักวันหนึ่ง “ลมตะวันออก (สันติภาพและการพัฒนา) จะพลัดกลบลมตะวันตก (ความขัดแย้งและสงคราม)”
และเมื่อนั้นอสูรสงครามก็จะดับสูญไป โลกจะเข้าถึงยุคสันติภาพนิรันดร นี่คือเป้าหมายสูงสุดของประเทศจีน นับจากนี้ไปถึงวันครบ 100 ปี ของการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน และแน่นอนว่าย่อมหมายความรวมถึงการรวมชาติซึ่งเป็นประวัติศาสตร์ที่ตกค้างมา นั่นคือการรวมไต้หวันเข้ากับสาธารณรัฐประชาชนจีน
ภารกิจนี้พรรคคอมมิวนิสต์ได้ให้ความสำคัญสูงสุด ให้สังเกตโดยแยบคายได้จากหลังประชุมสมัชชาพรรคคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน ครั้งที่ 20 แล้ว กิจกรรมแรกของคณะกรรมการประจำกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลาง (จงก้งจงยางจงฉางเหว่ย) ได้เดินทางไปที่เมืองเยียนอานในทันที โดย สี จิ้นผิง เป็นผู้นำไปเยี่ยมชมและอธิบายความเรื่องราวต่างๆ ซึ่งที่นั่นคือฐานที่มั่นแห่งการปฏิวัติจีนในยุคสงครามปลดแอก เป็นที่ตั้งของศูนย์กลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนในการทำสงครามทั้งหลาย และเป็นที่พำนักอาศัยของเหมา เจ๋อตุง จูเต๋อ และผู้นำศูนย์กลางพรรคทั้งหมด
นั่นคืออะไร? น่าเสียดายที่ไม่มีการอธิบายเรื่องนี้เพราะแท้จริงคือเป็นการแสดงท่าทีที่ลึกซึ้งและหนักแน่นที่สุดว่ายุทธการใหญ่ในสงครามใหญ่ครั้งใหม่ที่จะเปลี่ยนแปลงโลกได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
เพราะในครั้งกระโน้น เมื่อศูนย์กลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนเคลื่อนย้ายออกจากเยียนอานก็เริ่มต้นการตีโต้สงครามต่อต้านญี่ปุ่น และเริ่มต้นสงครามปลดแอกโดยเริ่มที่ยุทธการเหลียวเสิ่น ปลดแอกภาคอีสาน ตามมาด้วยยุทธการหวายไห่ ปลดแอกภาคกลางเหนือแม่น้ำแยงซีทั้งหมด และยุทธการสุดท้ายคือเป่ยสินหรือยุทธการปลดแอกปักกิ่ง เทียนสิน จากนั้นจึงมีคำสั่งกองบัญชาการใหญ่ให้เคลื่อนพลใหญ่ข้ามแม่น้ำแยงซีเกียงขับไล่กองเรือต่างชาติ และขับไล่ก๊กมินตั๋ง พ้นจากประเทศจีนสู่การสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน
ดังนั้นจากนี้ไปจนถึงวันครบ 100 ปีของการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน สิ่งที่จีนทำก็คือ 2 เรื่องใหญ่ดังกล่าวนี้ และย่อมรวมถึงการรวมไต้หวันด้วย นอกจากนั้นเป็นเรื่องท่าที ท่วงทำนอง หรืออย่างมากก็เป็นกลยุทธ์หรือยุทธวิธีที่อธิบายเพียงเล็กๆ น้อยๆ ก็ได้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี