เรื่องคดีโกงของนักการเมือง ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และข้าราชการ มีหลายกรณีน่าสนใจ
บางกรณี เป็นเรื่องของคนไม่ดัง แต่พฤติการณ์ทุจริตประพฤติมิชอบน่าสนใจ
บางกรณี อาจมีแบบแผนการกระทำผิดลักษณะเดียวกันในอีกหลายพื้นที่
วันนี้ จะขอหยิบยกขึ้นมาคุยสักสองสามกรณี
1. ใช้รถหลวงเพื่อส่วนตัว เอาไปจอดไว้ที่บ้านเลย คุก 105 ปี
กรณีนี้เป็นคดีทุจริตที่ศาลมีคำพิพากษาแล้ว
สืบเนื่องมาจาก คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้มีมติชี้มูลความผิด นาย ร. อดีตผู้อำนวยการกองการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธร กับพวก
กรณีนำรถยนต์ของทางราชการไปใช้ประโยชน์ส่วนตน ในการเดินทางไป - กลับ ระหว่างบ้านและที่ทำงาน
และยังมีพฤติการณ์นำรถยนต์ของทางราชการไปตีกอล์ฟ !!!
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 อ่านคำพิพากษา สรุปได้ว่า ขณะเกิดเหตุ นาย ร. จำเลยที่ 1 ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม (ระดับ 8) นาย ส. จำเลยที่ 2 ดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธร และ นาย พ. จำเลยที่ 3 ดำรงตำแหน่ง รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธร รักษาราชการและปฏิบัติหน้าที่ราชการแทนนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธร
พฤติการณ์ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2557 ถึงเดือนมิถุนายน 2558 จำเลยที่ 1 ได้จัดทำใบขออนุญาตใช้รถยนต์ส่วนกลางเสนอต่อจำเลยที่ 2 นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธร
และเดือนกรกฎาคม 2558 ถึงเดือนมีนาคม 2559 ได้จัดทำใบขออนุญาตใช้รถยนต์ส่วนกลางเสนอต่อ จำเลยที่ 3 รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธร รักษาราชการแทน นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธร
เพื่อขออนุญาตนำรถยนต์ คันหมายเลขทะเบียน กค 7127 ยโสธร ไปจอดเก็บรักษาไว้ที่บ้านพักของตน บ้านเลขที่...
และได้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวเพื่อเป็นพาหนะในการเดินทางไป – กลับ ระหว่างบ้านพักและองค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธร
โดยไม่เคยนำรถยนต์มาจอดเก็บรักษาไว้ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดยโสธรแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ยังได้ใช้รถยนต์คันดังกล่าว ไปตีกอล์ฟที่สนามกอล์ฟกรมทหารราบที่ 16 ค่ายบดินทรเดชา
พฤติกรรมของจำเลยที่ 1 (นาย ร. ผอ.กองการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม จึงเป็นการเอารถยนต์ของ อบจ.ยโสธร ไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตนโดยมิชอบ เป็นเวลาเกือบ 2 ปี เป็นการกระทำที่ร้ายแรง
สำหรับ จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นผู้อนุมัติให้จำเลยที่ 1 นำรถยนต์ของทางราชการไปใช้ แต่ไม่ได้รู้เห็นการที่จำเลยที่ 1 นำรถยนต์ไปใช้ส่วนตัวแต่อย่างใด จึงไม่ถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต แต่การไม่ดูแลตามหน้าที่ ถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ก่อให้เกิดผลเสียหายแก่การบริหารราชการแผ่นดินอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพ
ปรากฏว่า ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 3 ได้มีคำพิพากษาว่า
จำเลยที่ 1 นาย ร. มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม) และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123 /1 รวม 21 กระทง
โดยให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม) ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด จำคุกกระทงละ 5 ปี รวมจำคุก 105 ปี
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 52 ปี 6 เดือน
แต่เมื่อรวมทุกกระทงแล้วจำคุกจำเลยที่ 1 ไม่เกิน 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3)
จำเลยที่ 2 นาย ส. และ จำเลยที่ 3 นาย พ.จำคุก 12 ปี และ 16 ปี ตามลำดับ โดยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดให้กึ่งหนึ่ง ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน และไม่เคยใช้รถยนต์คันดังกล่าว เห็นควรรอลงอาญา คนละ 2 ปี และให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติคนละ 4 เดือนต่อครั้ง ตลอดระยะเวลาที่คุมประพฤติ และให้ทำงานบริการสังคมหรือสาธารณประโยชน์เป็นเวลาคนละ 36 ชั่วโมง พร้อมชำระค่าปรับ
คดีนี้ ยังไม่ถึงที่สุด จำเลย มีสิทธิ์ต่อสู้คดี เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้ได้อีก
แต่จะเห็นได้ว่า กรณีอดีต ผอ. ทำงานใน อบจ. พฤติการณ์ร้ายแรง แม้รับสารภาพ โทษจำคุกไม่รอลงอาญา
เป็นกรณีศึกษาบทเรียนสำคัญสำหรับผู้บริหารท้องถิ่น ข้าราชการประจำ ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจในท้องถิ่น และทุกระดับ
2. ถนนหน้าบาง คนทำหน้าด้าน
ทุกจังหวัด ทั่วประเทศไทย อาจจะเคยมีปัญหาลักษณะคล้ายๆ กรณีนี้
การสร้างถนนสาธารณะ สร้างเสร็จ ส่งมอบงานได้ไม่กี่เดือน ถนนพัง!!!
สัญจรไปมาลำบาก อันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน แต่ผู้รับเหมารับเงินเต็มจำนวนไปเรียบร้อยแล้ว
สำนักงาน ป.ป.ช. ได้เล่ากรณีศึกษาที่น่าสนใจ เรื่อง “ตรวจรับงานจ้างถนนคอนกรีตที่ไม่ได้ขนาด”
ระบุว่า องค์การบริหารส่วนตำบล A ได้ดำเนินการจัดจ้างก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก
โดยการก่อสร้างถนนในงวดที่ 3 ซึ่งเป็นงวดสุดท้าย ผู้รับจ้างได้ดำเนินการก่อสร้างโดยมีนาย ก. วิศวกรโยธา และนาย ข. นายช่างโยธา ขององค์การบริหารส่วนตำบล A เป็นผู้ควบคุมงาน ได้รายงานให้คณะกรรมการตรวจการจ้างทราบว่า การก่อสร้างถนนได้ดำเนินการเสร็จตามแบบและสัญญาจ้าง
คณะกรรมการตรวจการจ้างได้ตรวจสอบรายงานของผู้ควบคุมงาน และได้ตรวจสอบภายนอกของถนนดังกล่าว เห็นว่าถูกต้องตามแบบรูปรายการ จึงได้ทำการตรวจรับงานจ้างและเบิกจ่ายเงินงวดสุดท้ายให้แก่ผู้รับจ้าง
แต่จากการตรวจสอบปรากฏว่า ถนนคอนกรีตเสริมเหล็กมีความหนาไม่ได้ขนาด 20 เซนติเมตรตามแบบ
โดยมีความหนาเฉลี่ยเพียง 18.30 เซนติเมตร
ขาดหายไป 1.70 เซนติเมตร
คิดเป็นปริมาตรคอนกรีตที่หายไปประมาณ 132.60 ลูกบาศก์เมตร
คำนวณค่าเสียหายเป็นเงินประมาณ 165,750 บาท ทำให้ราชการได้รับความเสียหาย
กรณีนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลการกระทำของนาย ก. และนาย ข. ว่ามีมูลความผิดทางวินัย
ส่วนคณะกรรมการตรวจการจ้าง ถือว่าได้ใช้ความระมัดระวังในการตรวจรับงานจ้างไปตามสมควรแก่กรณีแล้ว จึงไม่มีความผิด
กรณีศึกษาข้างต้นนี้ ถือว่ายังน้อยไป เมื่อเทียบกับสภาพปัญหาในอีกหลายๆ กรณี
แต่เป็นกรณีศึกษาที่ทำให้เห็นว่า การตรวจรับงานมีขั้นตอนกระบวนการกลั่นกรองอยู่แล้ว หากทุกฝ่ายทำหน้าที่ของตนเองก็ย่อมจะไม่มีปัญหา
ตั้งแต่ผู้รับเหมา ผู้ควบคุมงาน และคณะกรรมการตรวจการจ้าง
แต่ถ้าเกิดถูกจับได้ไล่ทันขึ้นมา ถูกตรวจสอบย้อนกลับ ใครละเว้น ย่อหย่อน ไม่ทำตามหน้าที่ของตัวเอง ก็เอาขาข้างหนึ่งเข้าไปอยู่ในคุกแล้ว
3. ทุจริตจัดซื้อจัดจ้าง
กรณีการทุจริตจัดซื้อจัดจ้างมีมากมายหลายรูปแบบ
ตามประสบการณ์การทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ติดตามตรวจสอบเจาะลึกปมทุจริตจัดซื้อจัดจ้างมาพอสมควร พบว่า การตรวจสอบเรื่องพวกนี้ต้องใช้เวลาเสาะหาข้อมูลเชิงลึก ตรวจสอบทำความเข้าใจพฤติกรรมของผู้เกี่ยวข้อง และใช้ดุลพินิจพิจารณาประเด็นการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ภาครัฐและสังคมส่วนรวมอย่างไร
กรณีศึกษาที่สำนักงาน ป.ป.ช.นำเสนอล่าสุด มีแบบนี้ด้วย ว่าด้วยเรื่อง “ทุจริตแก้ไขราคากลางและเอกสารผลการประกวดราคา”
นาย ก. ตำแหน่งรองผู้จัดการใหญ่ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคา
ได้เสนอผลการพิจารณาผลการประกวดราคาจ้างเหมาก่อสร้างปรับปรุง Ground Improvement For Airside Pavements ของบริษัทท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ต่อกรรมการผู้จัดการใหญ่
โดยได้พิจารณาผู้เสนอราคาต่ำสุดใน Option 1 ซึ่งเสนอราคา 11,900,000,000 บาท สูงกว่าราคากลางที่บริษัทที่ปรึกษากำหนดไว้คิดเป็น 9.57 เปอร์เซ็นต์
และเห็นสมควรจัดจ้างบริษัทผู้เสนอราคารายดังกล่าว เพราะเป็นราคาที่สูงกว่าวงเงินไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์ของราคากลาง
กรรมการผู้จัดการใหญ่จึงได้สั่งการให้ นาย ก. และรองผู้จัดการใหญ่อีก 2 คน ทำการต่อรองราคา ผลการต่อรองราคาปรากฏว่าผู้เสนอราคาได้ตัดค่าใช้จ่ายรายการเงินค่าอำนวยการออก 108 ล้านบาท คงเหลือราคา 11,650,000,000 บาท กรรมการผู้จัดการใหญ่จึงสั่งให้นำเข้าเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทพิจารณา
ในระหว่างที่จัดเตรียมเอกสารเพื่อส่งไปให้กรรมการบริษัทฯ พิจารณา ได้มีการแก้ไขเอกสารบันทึกของคณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคา
โดยลบข้อความเกี่ยวกับราคากลางที่ระบุไว้ 10,860,743,889.38 บาท
แก้ไขเป็น 12,200,000,000 บาท
และแก้ไขรายละเอียดในวาระการประชุมให้สอดคล้องกับบันทึกคณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคาในเรื่องราคากลางให้สอดคล้องกัน
โดยนาย ข. เป็นผู้ดำเนินการให้มีการแก้ไขเอกสารแล้วเสนอให้กรรมการบริษัทฯ พิจารณา
และในการพิจารณาอนุมัติให้จ้างบริษัทผู้เสนอราคาต่ำสุด
เมื่อมีการแก้ไขราคากลางเป็น 12,200,000,000 บาท ทำให้เข้าใจว่าราคา 11,650,000,000 บาท เป็นราคาต่ำกว่าราคากลาง อันเป็นเหตุให้กรรมการบริษัทฯ พิจารณาอนุมัติให้บริษัทฯ ที่เสนอราคาต่ำสุดได้รับการคัดเลือก ทำให้ราชการได้รับความเสียหาย
เรื่องนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่า การกระทำของนาย ก. รองผู้จัดการใหญ่ ที่มีการแก้ไขราคากลางใหม่และเป็นผู้ชี้แจงเรื่องราคากลางให้คณะกรรมการบริษัทฯ ความผิดทางวินัยและมีความผิดทางอาญา ฐานเป็นพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจหน้าที่โดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่บริษัท และฐานเป็นพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 8 และมาตรา 11
ส่วนการกระทำของ นาย ข. มีมูลความผิดทางวินัย
กรณีนี้ น่าสนใจมาก มูลค่าการจัดซื้อจัดจ้างมากกว่าหมื่นล้านบาท!!!
แต่มีการทำผิดกฎหมาย เพื่อให้จัดซื้อจัดจ้างจากเอกชนรายหนึ่ง โดยเกิดขึ้นกับหน่วยงานรัฐวิสาหกิจรายใหญ่
4. โปรดทราบ โปรดทราบ โปรดทราบ
น่าสนใจว่า การจัดซื้อจัดจ้างของ ทอท. ยังมีกรณีร้องเรียนคาอยู่ที่ ป.ป.ช.อีกหลายเรื่อง
หนึ่งในนั้น คือ กรณีการจ้างเอกชนดำเนินการและซ่อมบำรุงระบบสายพานลำเลียงกระเป๋าสัมภาระที่สนามบินสุวรรณภูมิ
กรณีดังกล่าว ปรากฏว่า คณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคา มีพฤติกรรมทำผิดระเบียบ หลักเกณฑ์ใช้ดุลพินิจให้คะแนนโดยฝ่าฝืนระเบียบที่เกี่ยวข้องก่อให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบ ไม่เป็นธรรม ถึงขนาดคณะอนุกรรมการพิจารณาการอุทธรณ์ชี้ว่าสมควรยกเลิกการประมูล ก็ยังไม่ยอมยกเลิก ยังเดินหน้าลงนามสัญญาจ้าง
มูลค่างานนี้ ประมาณ 13,000 ล้านบาท!!!
ทอท.กระทรวงคมนาคม รัฐบาล ป.ป.ช. คงนิ่งเฉยไม่ได้
มิฉะนั้น อาจเข้าข่ายละเว้นเสียเอง!!!
สันติสุข มะโรงศรี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี