โครงการจัดซื้อ จัดจ้าง การต่อเรือดำน้ำ โดยฝ่ายจีนให้กับฝ่ายไทย จนปัจจุบันปรากฏว่าล้มเหลว เพราะจีนไม่สามารถจัดหาเครื่องยนต์ที่ผลิตโดยประเทศเยอรมนีมาติดตั้งตามสัญญาได้เนื่องจากเยอรมนีมีกฎระเบียบที่ระบุมิให้มีการค้าขายอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กับประเทศจีนได้
ก็เท่ากับว่า ในการที่ไทยกับจีนทำสัญญากันในเรื่องการต่อเรือดำน้ำนี้ มีความสะเพร่า เนื่องจากมิได้มีการไปตรวจสอบข้อมูลกับฝ่ายเยอรมนีตั้งแต่เริ่มต้น ถือเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงของทั้งทางฝ่ายจีนและฝ่ายไทยกลายเป็นเรื่องที่น่าอับอายขายขี้หน้า (Blunder) ในแวดวงระหว่างประเทศ เขาจึงกล่าวได้ว่า ดีลนี้เป็นเรื่องตลกโปกฮา ไร้ซึ่งฝีไม้ลายมือ ความรู้และความรอบคอบ
ที่สุด โครงการก็ต้องยกเลิกไปโดยปริยายเพราะสินค้าไม่ครบสเปกตามสัญญาซื้อขาย และถ้าจะยอมให้ไปเอาเครื่องยนต์จากจีนมาติดตั้งทดแทน ก็จะทำให้ศักยภาพของเรือดำน้ำถดถอยลง และที่สำคัญจะเพิ่มความเสี่ยงและความไม่ปลอดภัยให้กับลูกเรือราชนาวีไทย
เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ ก่อนจะไปคิดหาทางออกอื่นๆ ก็ต้องมีข้อยุติกันเสียก่อนว่า ความรับผิดชอบของทั้งสองฝ่าย ทั้งไทยและจีนนั้นมีกันมากน้อยเพียงใด มีอะไรที่ต้องร่วมกันรับผิดชอบ และในแต่ละฝ่ายใครคือผู้รับผิดชอบ และจะต้องรับผิดชอบกันมากน้อยเพียงใด โดยฝ่ายไทยก็จะมีบรรดานายทหารเรือ ข้าราชการทหารในสังกัดกระทรวงกลาโหม และฝ่ายการเมือง คือตัวรัฐมนตรีกลาโหม และนายกรัฐมนตรี ในช่วงการจัดทำสัญญาดังกล่าว
และระหว่างนี้เมื่อประเทศไทยเราก็จะไม่มีเรือดำน้ำจากจีนแล้ว แต่ความจำเป็นของการมีเรือดำน้ำที่ทางฝ่ายกองทัพเรือ และผู้บังคับบัญชาในระดับต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้อ้างกันไว้ ก็ยังคงมีอยู่และฉะนั้นก็คงจะยังมีความจำเป็นที่จะจัดหาเรือดำน้ำเข้ามาทดแทน ในการนี้ประเทศไทยก็มีประเทศพันธมิตร เช่น สหรัฐอเมริกา และมีมิตรประเทศที่ผลิตเรือดำน้ำอีกหลายประเทศ เช่น สเปน เยอรมนี ฝรั่งเศส อังกฤษ หรือแม้กระทั่งรัสเซีย เป็นต้น ก็น่าจะได้มีการทาบทามขอยืมมาใช้ ขอเช่ามาใช้ หรือจะขอเช่าซื้อ หรือจะทำสัญญาว่าจ้างต่อเรือกันใหม่หมด ก็อยู่ในวิสัยที่จะกระทำได้
แต่การที่รัฐบาลชุดนี้จะต้องกระโดดไปเอาใจจีน โดยการจะให้จีนผลิตเรือรบผิวน้ำ หรือส่งมอบผลิตภัณฑ์เคมี รวมทั้งปุ๋ยเพื่อมาทดแทนเรือดำน้ำ ก็ดูจะกระไรอยู่ เป็นการดำเนินการข้ามขั้นตอนและตรรกะดังกล่าว ทั้งนี้ฝ่ายไทยไม่ได้มีหน้าที่ที่จะต้องคอยเอาใจ หรือเกรงอกเกรงใจจีน เพราะต่างก็ผิดพลาดด้วยกันทั้งสองฝ่ายดังกล่าว ก่อนอื่นฝ่ายจีนก็ควรจะคิดคืนเงินมัดจำที่ฝ่ายไทยได้จ่ายไปล่วงหน้า หลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้ว เพื่อไทยเราจักได้นำเอาเงินจำนวนนี้เป็นเงินก้นถุงที่จะจัดหาเรือดำน้ำจากประเทศที่ 3 ดังกล่าว ในเมื่อทางกองทัพไทย ได้เคยยืนยันไว้ว่าเรือดำน้ำจำเป็น ก็ยังต้องเพียรพยายามจัดหาเรือดำน้ำให้ได้ ไม่ใช่แปลงสภาพเรือดำน้ำเป็นเรือผิวน้ำหรือเป็นปุ๋ยมาแทน
ทั้งนี้ถ้าย้อนไปในประวัติศาสตร์ร่วมสมัย ก็จำเป็นที่จะต้องทบทวนด้วยว่า การสั่งซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ (รวมทั้งการต่อเรือรบผิวน้ำจากจีนนั้น) ก็มิค่อยประสบความสำเร็จในการใช้งาน เพราะผลิตภัณฑ์ของฝ่ายจีนไม่ค่อยจะมีคุณภาพ หรือใช้งานได้ในระยะสั้น แล้วมาบัดนี้ฝ่ายกองทัพไทยก็ยังดูไม่เข็ดหลาบ ยังคงมองหาช่องทางที่จะสั่งอะไรใหม่ๆ จากจีนเข้ามาใช้
ก็น่าจะถึงเวลาแล้ว ที่ไทยเราจะต้องหันมาทบทวนการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์กันอย่างจริงจังจากจีน ต้องเลิกดำเนินการแบบสุกเอาเผากิน หรือขายผ้าเอาหน้ารอดไปวันๆ
ผมเองเห็นแล้ว ก็อดคิดไม่ได้ว่าลูกหลานพันท้ายนรสิงห์ในกองทัพไทยนั้นหายไปอยู่ไหนกัน
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี