ชนกลุ่มน้อยของพม่าแถบชายแดนจีนที่คนทั้งหลายรู้จักกันเป็นอันดีก็คือพวกโกก้าง ซึ่งมีเชื้อสายจีน พูดภาษาจีน การกินการอยู่และวัฒนธรรมทั้งหลายก็เป็นแบบจีน ซึ่งความจริงควรจะเป็นชนกลุ่มน้อยและพื้นที่ของจีนตามที่เคยเป็นมาในยุคประวัติศาสตร์
แต่พื้นที่ดังกล่าวนั้นได้ตกเป็นของพม่าในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองเนื่องจากมีการแบ่งปันเขตแดนชายแดนจีนและพม่ากัน ซึ่งในขณะนั้นก๊กมินตั๋งยังมีอำนาจปกครองเหนือแผ่นดินจีน แต่ความสนใจไยดีไปอยู่ที่ภาคตะวันออกและภาคอีสานที่ต้องรับมือกับญี่ปุ่น และในแผ่นดินใหญ่ที่ต้องรับมือกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน
ดังนั้นการแบ่งปันปักปันเขตแดนระหว่างจีนกับพม่าซึ่งอังกฤษเจ้าอาณานิคมของพม่าเป็นเจ้ากี้เจ้าการจึงเป็นไปตามที่อังกฤษดำเนินการโดยทั่วไป เพราะเหตุนี้จึงมีการทำเส้นแบ่งดินแดนให้พื้นที่อันเป็นถิ่นที่อยู่ของพวกโกก้างเป็นดินแดนของพม่า ซึ่งนับแต่บัดนั้นถึงบัดนี้รัฐบาลจีนก็ไม่ได้กระโตกกระตากใดๆ
จึงทำให้พื้นที่ตลอดแนวชายแดนจีน-พม่า มีลักษณะพิเศษคือไม่มีคนเชื้อชาติพม่าหรือชนกลุ่มน้อยแบบชนกลุ่มน้อยอื่นในพม่าเลย แต่เป็นคนจีน กินอยู่อาศัยและวัฒนธรรมเป็นแบบจีนและใช้ภาษาจีนด้วย
ในพื้นที่นี้เป็นพื้นที่สงบสันติตลอดมาตั้งแต่บัดนั้นจนบัดนี้ เพราะเมื่อจีนไม่กระโตกกระตากสิ่งใดและชาวจีนที่เรียกว่าโกก้างก็พอใจตามสภาพที่เป็นอยู่ตลอดจนมีความเคยชินในสภาพเช่นนั้น เพราะรัฐบาลพม่าก็ไม่ได้เข้มงวดกวดขันใดๆ ดังนั้นจึงอยู่ร่วมกันอย่างสุขสบาย
ในขณะที่มีปัญหากันระหว่างรัฐบาลพม่ากับชนกลุ่มน้อยกลุ่มต่างๆ เป็นระยะ แต่ก็ไม่เคยมีปัญหาระหว่างพม่ากับพวกโกก้างเลย การอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขสันติเป็นสถานการณ์ทั่วไปในดินแดนแถบนั้น
เพราะพื้นที่นั้นไม่มีชนกลุ่มน้อยแบบที่เป็นอยู่โดยทั่วไปในพม่า ดังนั้นบรรดาชนกลุ่มน้อยต่างๆ ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกโกก้าง เพราะมองว่าไม่ใช่ชนกลุ่มน้อยของพม่า กระทั่งชนกลุ่มน้อยหลายกลุ่มมองว่าพวกโกก้างนั้นเป็นพวกจีน จึงมีลักษณะต่างคนต่างอยู่ และทำมาค้าขายกันตามปกติของสังคมที่หลากหลาย
ในช่วงที่มีการประกาศยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกในยุคประธานาธิบดีทรัมป์นั้น รัฐบาลจีนได้จัดตั้งฐานทัพเพิ่มเติมขึ้นในภาคตะวันตกของจีนที่มองโกเลียในการวางกำลังถึง 500,000 คน พร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย โดยเฉพาะยานพาหนะในการลำเลียงขนส่งกำลังพลพร้อมพรั่ง เห็นได้ชัดว่าเป็นฐานทัพที่จัดตั้งขึ้นเพื่อรักษาเอกราชอธิปไตยและผลประโยชน์ของจีนในภาคตะวันตก
ซึ่งภาคตะวันตกตอนล่างก็ย่อมครอบคลุมถึงยูนนาน ฉงชิ่ง เสฉวน ในขณะที่ตอนบนก็ครอบคลุมถึงซินเกียงและทิเบตด้วย ดังนั้นฐานทัพดังกล่าวจึงมีฐานะเป็นฐานทัพทางยุทธศาสตร์ที่จะเชื่อมโยงประสานกับฐานทัพใหญ่ที่เสฉวน ซึ่งเป็นฐานบัญชาการใหญ่ของจีนฝั่งใต้แม่น้ำแยงซี
ฐานทัพใหม่นี้มีความสำคัญมาก ถึงกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้ไปเป็นประธานเปิดการสวนสนามด้วยตนเอง และออกคำสั่งให้ฐานทัพนี้เตรียมความพร้อมรบตลอด 24 ชั่วโมง สำหรับคำสั่งทางยุทธการคือต้องสามารถเคลื่อนกำลังเข้าสู่พม่าภายในเวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง โดยทางอากาศ นั่นแสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญและความเร่งด่วนขนาดไหน
และในฐานะพันธมิตรของพม่า จีนก็ได้ประกาศว่าถ้ามีกองทัพหรือทหารต่างชาติรุกรานพม่า กองทัพจีนก็พร้อมที่จะเข้าช่วยพม่าแบบเดียวกับสงครามเกาหลี
สงครามเกาหลีคือสงครามที่กองทัพปลดแอกประชาชนจีนส่งกำลังพลอาสาสมัคร 1,500,000 คนเข้าไปในประเทศเกาหลี เพื่อขับไล่กองทัพของนายพลแมคอาเธอร์แห่งสหรัฐ ที่นำกำลัง 300,000 คนรุกเข้ายึดครองเกาหลีจนใกล้จะถึงฝั่งแม่น้ำยาลูจนต้องแตกพ่ายถอยร่นไปถึงเส้นขนานที่ 38 และต้องทำสัญญาสงบศึกกัน
ความมุ่งมั่นของจีนในการช่วยเหลือพม่า นอกจากฐานะเป็นพันธมิตรที่คบได้ของจีนแล้ว ยังเกี่ยวข้องกับปัญหาทางยุทธศาสตร์ความมั่นคงของชาติจีน ที่จีนจะไม่ยอมให้ชาติใดเข้ารุกรานยึดครองพม่าโดยเด็ดขาด เพราะหมายถึงคุกคามต่อความมั่นคงและอธิปไตยของจีนในภาคตะวันตกทั้งตอนล่างและตอนบน
กำลังทหารของฐานทัพใหม่ 500,000 คน จึงอาจได้รับการส่งเสริมหรือสนับสนุนอย่างเต็มที่ ถ้าเทียบกับสงครามเกาหลีก็อาจจะมีกำลังหนุนอีก 1,000,000 คน คือมีจำนวนรวม 1,500,000 คน เท่ากับสงครามเกาหลี ในขณะที่พม่าก็มีทหารประจำการถึง 400,000 คนและมีอาวุธยุทโธปกรณ์พร้อมพรั่งไม่ได้ด้อยกว่าชาติใดในอาเซียนแม้กระทั่งประเทศไทย
ก็แลพม่านั้นมีเรือดำน้ำถึง 8 ลำ ที่แถลงตัวเลขประจำการเพียง 4 ลำ แต่แท้จริงมีถึง 8 ลำ ไม่รวมจำนวนเรือดำน้ำของพันธมิตร คือเรือดำน้ำเล็กแบบเรืออูของอิหร่าน ส่วนของรัสเซียและจีนนั้นไม่ต้องกล่าวถึง
การที่จู่ๆ เกิดสงครามกลางเมืองขึ้นในพม่าใกล้ชายแดนจีนคือในพื้นที่ตอนใต้ของพื้นที่อันเป็นที่อยู่ของพวกโกก้างจนผู้คนไหลทะลักเข้าไปในดินแดนจีน ซึ่งแน่นอนว่าย่อมมีการขยับกำลังทหารทางจีนด้วยเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อพยพไหลเข้าประเทศจีน
ที่ต้องสังเกตให้มากที่สุดก็คือมีการปะทะกันอย่างรุนแรงมาก สถานที่ทำการและเจ้าหน้าที่ของพม่าบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก และที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยคือมีคนไทยถูกจับถึง 182 คน
และกำลังถูกตรวจสอบสอบสวนว่าคนไทยเหล่านี้ไปที่นั่นได้อย่างไร เคยมีประวัติไปทำงานที่อิสราเอล เกาหลีใต้ และสิงคโปร์หรือไม่ และเคยฝึกอาวุธหรือฝึกทางทหารมาก่อนหน้าหรือไม่
ก็ขอภาวนาให้เป็นคนงานหรือนักท่องเที่ยวเถิด เพราะถ้าเป็นอย่างอื่นแล้วจะต้องมีไอ้โม่งที่ถูกตรวจสอบว่ามีการเข้าไปเกี่ยวข้องในสงครามนี้อย่างไรมิฉะนั้นไฟสงครามจากชายแดนจีนก็อาจจะลามมาถึงประเทศไทยโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวก็ได้
ใครกำลังทำให้อาเซียนเป็นยูเครน 2
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี