วันอาทิตย์ ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / เขียนให้คิด
เขียนให้คิด

เขียนให้คิด

เฉลิมชัย ยอดมาลัย
วันอาทิตย์ ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566, 02.00 น.
การพยายามรักษาบอลจตุรมิตรฯ กับการดูดายบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์

ดูทั้งหมด

  •  

ความเอาจริงเอาจังในการรักษารากเหง้าและความเป็นมาของตนเอง เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยแสดงให้สาธารณชนได้ประจักษ์ถึงความมุ่งมั่น ความเด็ดเดี่ยวของคนคนนั้นได้เป็นอย่างดี องค์กรหรือหน่วยงานใดมีบุคลากรและหัวหน้าองค์กรที่มีความมุ่งมั่น เด็ดเดี่ยวในการรักษารากเหง้าของตนก็นับว่ามีทรัพยากรบุคคลขององค์กรที่แสนประเสริฐ แต่องค์กรใดขาดแคลนบุคลากรที่มีอุปนิสัยเช่นที่ว่านี้ ก็นับว่าเป็นองค์กรที่ใกล้จะล่มสลายหรือสูญพันธ์ุไปในอนาคต

เปรียบเทียบการรักษาการแข่งขันฟุตบอลประเพณีของโรงเรียนชายล้วนทั้งสี่แห่ง คือโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย โรงเรียนเทพศิรินทร์ โรงเรียนอัสสัมชัญ และโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ที่มีชื่อกล่าวขานในสนามฟุตบอลจตุรมิตรสามัคคี กับการแข่งขันฟุตบอลประเพณี ระหว่างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกับมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง (ปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์) นับว่ามีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ที่ชัดเจนมากที่สุดคือตัวผู้บริหารสถาบันการศึกษา และตัวของบรรดาสมาชิกของสถาบันการศึกษา 


สาธารณชนได้ประจักษ์แล้วว่าผู้บริหารของโรงเรียนที่ร่วมเป็นจตุรมิตร และสมาชิกของเหล่าจตุรมิตรต่างพยายามรักษาเกมการแข่งขันฟุตบอลประเพณีของตนไว้ด้วยความสามารถ แต่สำหรับผู้บริหารของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หาได้แสดงความจริงใจที่จะเก็บรักษาการแข่งขันฟุตบอลประเพณี ระหว่างมหาวิทยาลัยทั้งสองไว้ไม่ดังความจริงปรากฏชัดต่อสาธารณชนไปแล้ว

กำเนิดของฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ มีมาตั้งแต่ 2477 กิจกรรมสร้างเสริมความสัมพันธ์ระหว่างนิสิตนักศึกษาของมหาวิทยาลัยทั้งสองนับเป็นสีสันและการร่วมกันทำงานระหว่างผู้ศึกษาในมหาวิทยาลัยทั้งสองแห่งที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมอย่างหนึ่ง แม้อาจจะมีผู้คนบางส่วนรู้สึกหมั่นไส้ และแสดงอาการรำคาญบ้างก็ตาม แต่ถึงกระนั้นเกมการแข่งขันฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ก็ยังคงดำรงมาได้ถึงประมาณช่วงก่อนเกิดเหตุโรคโควิด-19แพร่ระบาด แล้วหลังจากนั้นฟุตบอลประเพณีฯ ก็เงียบหายไป จนราวกับว่าจะไม่มีการจัดแข่งขันอีก ทั้งนี้ ในความเป็นจริงนั้น ในบางปีที่มีเหตุไม่สมควรจัดงาน คณะกรรมการจัดงานก็มีความเห็นพ้องต้องกันว่าให้งดการจัดแข่งขัน โดยเฉพาะในช่วงปีที่ประเทศไทยมีสภาวะของความโกลาหลเนื่องจากการเมือง และในช่วงที่ประเทศไทยตกอยู่ในสภาวะความโศกเศร้าจากการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของสังคม 

จึงเห็นได้ว่า คณะกรรมการจัดงานฟุตบอลประเพณีฯ ได้พยายามดูความเหมาะสมในการจัดงานเป็นสำคัญ โดยไม่ฝืนจัดงานในช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม แต่ทว่าในระยะหลังๆ มานี้ คณะกรรมการจัดงานฟุตบอลประเพณีฯ ดูเสมือนว่าเกรงกลัวอิทธิพลของคนบางกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มที่อ้างว่าเป็นคนรุ่นใหม่ เมื่อคนกลุ่มดังกล่าวส่งเสียงคัดค้านเชิงข่มขู่ ก็ปรากฏว่าทั้งคณะผู้ร่วมจัดงาน และผู้บริหารมหาวิทยาลัย รวมถึงสมาชิกของมหาวิทยาลัยทั้งสอง ต่างก็เกิดอาการหวาดหวั่น จนไม่กล้าจัดงานต่อไป ทั้งๆ ที่ไม่มีเหตุอันควรใดๆ ให้ต้องยุติการจัดการแข่งขันฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ (การเรียกชื่อการแข่งขันฟุตบอลประเพณีฯ ถือหลักว่าปีใดมหาวิทยาลัยแห่งใดเป็นเจ้าภาพ ก็จะนำชื่อมหาวิทยาลัยนั้นนำหน้าชื่ออีกมหาวิทยาลัย ไม่มีการผูกขาดนำหน้าชื่อมหาวิทยาลัยแห่งใดแห่งหนึ่งนำหน้าชื่อมหาวิทยาลัยที่ร่วมแข่งขัน) 

ย้อนกลับไปที่ความเป็นมาของฟุตบอลประเพณีฯ จะพบว่าเป็นกิจกรรมที่เกิดขึั้นจากความตกลงร่วมกันระหว่างนิสิตจุฬาฯกับนักศึกษาของธรรมศาสตร์ โดยงานฟุตบอลประเพณีฯ เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อ 2477 โดยมีมูลเหตุจากความคิดร่วมกันของเพื่อนนักเรียนกลุ่มหนึ่งที่เคยเรียนที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย แล้วได้แยกย้ายไปศึกษาต่อที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง โดยอาศัยแนวคิดการแข่งขันเรือประเพณีระหว่างมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดกับมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ แต่ด้วยความที่ผู้ริเริ่มคิดการแข่งขันฟุตบอลประเพณีฯ เป็นนักฟุตบอลจากสวนกุหลาบฯ ก็จึงคิดเห็นร่วมกันว่าสมควรจะจัดแข่งขันฟุตบอลตามความถนัด โดยมีความเห็นตรงกันว่าจะใช้เกมฟุตบอลเป็นตัวสร้างสรรค์ความร่วมมือกันระหว่างมหาวิทยาลัยทั้งสอง และเพื่อให้ผู้ศึกษาในมหาวิทยาลัยทั้งสองได้ร่วมกันสร้างสรรค์สาธารณประโยชน์ให้สังคมไปพร้อมๆ กัน เมื่อตกลงเบื้องต้นกันได้แล้ว ก็นำเรื่องเสนอต่อผู้บริหารมหาวิทยาลัย ซึ่งผู้บริหารมหาวิทยาลัยทั้งสองก็สนับสนุนความคิดของนิสิตนักศึกษา โดยการแข่งขันครั้งแรก เกิดจากมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์ฯส่งหนังสือเชิญจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเข้าร่วมงาน โดยครั้งแรกจัดแข่งขันที่ท้องสนามหลวง วันที่ 4 ธันวาคม 2477 แล้วขายบัตรเข้าชมราคา 1 บาท นำเงินไปบริจาคสมาคมปราบวัณโรค ซึ่งเป็นโรคติดต่อร้ายแรงที่สุดโรคหนึ่งของประเทศในยุคนั้น ดังนั้น การแข่งขันฟุตบอลประเพณีฯ จึงมีธรรมเนียมปฏิบัติคือนำรายได้จากการจัดงานไปบริจาคองค์กรสาธารณกุศล อาทิ สภากาชาดไทย ทุนอานันทมหิดล และช่วยเหลือเพื่อบรรเทาสาธารณภัยอื่นๆ เช่น ช่วยเหลือผู้ประสบเหตุอัคคีภัย และเพื่อใช้สำหรับเป็นทุนการศึกษาของนิสิตนักศึกษาที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ จนกระทั่งเมื่อปี 2521 เป็นต้นมา จึงได้ทูลเกล้าฯ ถวายเงินโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย

การแข่งขันฟุตบอลประเพณีฯ ในยุคแรกไม่มีกิจกรรมใดๆ ในระหว่างการแข่งขัน เนื่องจากใช้สนามหลวงเป็นที่แข่ง ไม่มีอัฒจันทร์สำหรับนั่งชม โดยการแข่งขันใน
ปีแรกนั้นมีเฉพาะนิสิตนักศึกษาร่วมแข่ง แต่มาในปีที่ 2-3 จึงมีอาจารย์ของมหาวิทยาลัยทั้งสองร่วมลงแข่งด้วยบ้าง แต่เป็นส่วนน้อย โดยการแข่งขันในครั้งที่ 2-4 ได้ย้ายไปแข่งที่สนามของสวนกุหลาบฯ จนกระทั่งการแข่งขันครั้งที่ 5 ปี 2481 จึงได้ย้ายไปจัดที่สนามกีฬาแห่งชาติ ที่ปทุมวัน แล้วใช้สนามกีฬาแห่งชาติเป็นที่แข่งขันเรื่อยมา ยกเว้นในปีที่สนามกีฬาฯ ปิดซ่อมแซมก็ย้ายไปแข่งขันที่สนามกีฬาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 

การแข่งขันฟุตบอลประเพณีฯ ในยุคต่อๆ มามีกิจกรรมต่างๆ นานามากมาย เน้นทั้งด้านฟุตบอล และการบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ และมีกิจกรรมที่เน้นสีสันภายในมหาวิทยาลัย เช่น คัดเลือกผู้อัญเชิญพระเกี้ยวและธรรมจักร คัดเลือกเชียร์ลีดเดอร์ คัดเลือกดรัมเมเยอร์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมที่สาธารณชนเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดคือ ขบวนล้อเลียนการเมือง การแปรอักษรบนอัฒจันทร์

ฟุตบอลประเพณีฯ จัดครั้งล่าสุดเมื่อปี 2563 แล้วเว้นวรรคการจัดงานไป โดยมีมูลเหตุสำคัญคือการแพร่ระบาดของโควิด-19 และผสมกับการจงใจคัดค้านการแข่งขันฟุตบอลประเพณีฯ โดยคนบางกลุ่ม ที่มีเจตนาแอบแฝง โดยอ้างเอาเรื่องความไม่เท่าเทียมมาคัดค้านการจัดงาน ซึ่งก็ดูเสมือนว่าการจงใจคัดค้านขัดขวางการจัดงานฟุตบอลประเพณีฯ จะได้ผล เนื่องจากผู้บริหารของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะยอมจำนนต่อกลุ่มผู้คัดค้านโดยดุษณี ในขณะเดียวกันสมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ และสมาคมนักศึกษาเก่าธรรมศาสตร์ฯ ก็ดูเสมือนว่านิ่งดูดาย และไม่พยายามจะจัดงานตามปกติ 

สาธารณชนเห็นว่าผู้คัดค้านงานฟุตบอลประเพณีฯ อ้างโดยยกข้อโกหกเรื่องการบีบบังคับให้นิสิตต้องแบกเสลี่ยงอัญเชิญพระเกี้ยว ซึ่งอ้างว่าเป็นการกดขี่ และแสดงความไม่เท่าเทียมกัน นอกจากนั้นยังอ้างโดยโกหกว่า การคัดเลือกเชียร์ลีดเดอร์ของมหาวิทยาลัยคือการกระทำของกลุ่มอภิสิทธิ์ชน ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงนั้น ไม่มีการบีบบังคับให้นิสิตต้องช่วยกันแบกเสลี่ยง แต่เป็นเรื่องที่เกิดจากความเต็มใจกระทำโดยนิสิตที่ต้องการมีส่วนร่วมกับกิจกรรมของมหาวิทยาลัย และเป็นเรื่องแห่งความภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมประวัติศาสตร์ของมหาวิทยาลัย ส่วนเรื่องเชียร์ลีดเดอร์ ก็ไม่ใช่เรื่องการแบ่งแยกชนชั้น หรือเรื่องอภิสิทธิ์ชนใดๆ เพราะมีกระบวนการคัดเลือกโดยเน้นความโปร่งใส และไม่ได้บีบบังคับให้นิสิตต้องนำตัวไปสมัครเป็นเชียร์ลีดเดอร์

กลับไปที่เรื่องความตั้งใจรักษาการแข่งขันฟุตบอลจตุรมิตรฯ โดยผู้บริหารโรงเรียน โดยเฉพาะโรงเรียนเทพศิรินทร์ และความร่วมมือร่วมใจรักษาการแข่งขันฟุตบอลจตุรมิตรฯ โดยนักเรียนสวนกุหลาบฯ และนักเรียนเทพศิรินทร์ และนักเรียนของกรุงเทพคริสเตียนฯ และอัสสัมชัญ จนทำให้การแข่งขันฟุตบอลจตุรมิตรฯ ดำเนินต่อไปจนเสร็จสิ้นสมบูรณ์แม้จะมีความพยายามก่อเหตุปั่นป่วนการแข่งขันเป็นระยะๆ ก็ตาม แต่เหล่าชาวจตุรมิตรฯ ต่างร่วมใจรักษาประเพณีของตนเองไว้ด้วยความภาคภูมิใจ 

ที่นี้ลองกลับไปดูเรื่องฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ บ้าง ต้องย้ำว่าสาธารณชนพบว่าผู้บริหารมหาวิทยาลัยทั้งสองแห่งนิ่งเฉย นิ่งดูดายกับงานประเพณีของมหาวิทยาลัย ส่วนสมาชิกประชาคมของมหาวิทยาลัยทั้งสองก็ทำเสมือนนิ่งดูดายไม่ต่างกัน ซึ่งทำให้มีเสียงวิพากษ์ว่า แม้แต่เด็กนักเรียนของจตุรมิตรฯ ยังพยายามรักษาประเพณีของตนไว้ แต่เหตุไฉนผู้บริหารมหาวิทยาลัยเก่าแก่ที่สุดอันดับหนึ่งและสองของประเทศไทยกลับดูดายในเรื่องสำคัญนี้ 

อย่าลืมว่า การแข่งขันฟุตบอลประเพณีฯ นับเป็นประเพณีสำคัญอย่างหนึ่งของทั้งจุฬาฯ และธรรมศาสตร์ เป็นการแสดงออกซึ่งมุมมองต่อสังคมและการเมืองในทัศนคติของปัญญาชน โดยเฉพาะขบวนล้อเลียนการเมือง และการแปรอักษรซึ่งสะท้อนปัญหาของสังคมได้เป็นอย่างดี ขอย้ำว่า ขบวนล้อเลียนการเมือง และการแปรอักษรคือเสน่ห์ของฟุตบอลประเพณีฯ และต้องระลึกไว้ด้วยว่าในการแข่งขันฟุตบอลประเพณีฯ ปี 2495 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นองค์ประธานในการแข่งขัน

การแปรอักษรในงานฟุตบอลประเพณีฯ เริ่มต้นจากนิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ สวมเสื้อสีน้ำเงินแล้วแปรอักษรเป็นตราพระเกี้ยวบนพาน โดยมีพื้นเป็นเสื้อสีชมพู แล้วหลังจากนั้นเป็นต้นมา การแปรอักษรในงานฟุตบอลประเพณีฯ ก็พัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ จนในปี 2503 ได้แปรอักษรเป็นพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูู่หัว รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เป็นครั้งแรก

ย้ำว่าฟุตบอลประเพณีฯ เป็นงานที่ไม่ได้เน้นเพียงกิจกรรมสนุกสนานของนิสิตนักศึกษาของมหาวิทยาลัยทั้งสองเท่านั้น แต่ยังมีสิ่งเป็นประโยชน์ต่อสังคมอีกมากมาย ดังนั้น ชาวประชาคมของมหาวิทยาลัยทั้งสอง และผู้บริหารมหาวิทยาลัยจึงสมควรจะช่วยกันพิทักษ์รักษากิจกรรมนี้ไว้ ไม่สมควรจะแสดงความขี้ขลาดหวาดหวั่นจนหัวหดลืมความถูกต้องที่จำเป็นต้องรักษาไว้ แล้วปล่อยให้ผู้ไม่หวังดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และมีใจคิดล้มล้างงานฟุตบอลประเพณีฯ กระทำการได้ตามอำเภอใจ โดยไม่นำพาต่อความถูกต้องและดีงามของงานประเพณีที่มีอายุยาวนาน

รอดูว่าปี 2567 จะมีงานฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬาฯ หรือไม่ แต่ได้ยินข่าวว่าจะมีการแข่งขัน โดยการแข่งขันครั้งหน้าเป็นวาระที่ธรรมศาสตร์เป็นเจ้าภาพจัดงาน

ฟุตบอลประเพณีฯ เป็นประเพณีที่มหาวิทยาลัยทั้งสองต้องเก็บรักษาไว้ เพราะเป็นกิจกรรมที่เน้นให้เกิดความร่วมมือทำงานร่วมกันระหว่างสมาชิกของทั้งสองมหาวิทยาลัย เป็นการสืบสานประเพณี และเน้นความสามัคคีในการร่วมจัดงาน 

ขอชาวจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและชาวมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จงร่วมมือร่วมใจร่วมกันจัดงานฟุตบอลประเพณีฯ ให้ยั่งยืนสืบต่อไป โดยไม่ต้องให้ความสนใจว่าผู้บริหารมหาวิทยาลัยทั้งสองจะมีความกล้าหาญในการธำรงรักษาประเพณีสำคัญนี้ไว้หรือไม่ก็ตาม เพราะเกียรติภูมิและศักดิ์ของมหาวิทยาลัยทั้งสองนั้น มีมากกว่าผู้ดำรงตำแหน่งอธิการบดี และนายกสมาคมนิสิตเก่าจุฬาฯ และนายกสมาคมนักศึกษาเก่าธรรมศาสตร์ฯ อย่างไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้แม้แต่น้อย

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
11:28 น. จับSexCreatorหนุ่มลาวเปิดกลุุ่มลับ-อนาจารเด็ก
11:15 น. วิจารณ์แซ่ด!‘สองหมอใหญ่โยงคดีชั้น 14 จ่อได้เลื่อนขั้น
11:11 น. 'นฤมล'สั่งสอบข้อเท็จจริง'ครูกาญจนบุรี'ร้องขอความเป็นธรรม หลัง ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด
11:07 น. 'ราชัน'มาตามนัด!ได้4ทีมสุดท้ายสโมสรโลก
11:05 น. 'ธนกร'ห่วงต่อรองภาษีทรัมป์จี้รบ.เตรียมแผนสำรอง
ดูทั้งหมด
ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 1 กรกฎาคม 2568
ปิดตำนาน156ปี! 'กษัตริย์ชาร์ลส์'ประกาศปลดระวาง'รถไฟหลวง' สมาชิกราชวงศ์ไปใช้รถไฟปกติแทน
'เท้ง'แย่แล้ว!! เจอขบวนรถทัวร์แห่คอมเมนต์แจกพยัญชนะไทยฉ่ำ!!
บิ๊กเนม'ปชป.'ร่วมวงเพียบ!! 'คุณหญิงกัลยา'ตั้ง'พรรคไทยก้าวใหม่' พร้อมตั้ง'สุชัชวีร์'นั่งหัวหน้าฯ
‘ทักษิณ‘ พร้อมลูกสาว ’เอม พินทองทา‘ เดินทางออกจากศาลอาญา หลังสืบพยานนัดแรก คดี ม.112
ดูทั้งหมด
ต้องเลือกตั้งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญหรือ
บุคคลแนวหน้า : 6 กรกฎาคม 2568
ชีวิตประจำวันของผม-การทำงาน
หน้าต้องทนสูงมาก จึงทำแบบนี้ได้
วิวาทะ ว่าด้วย‘อภิปรายไม่ไว้วางใจ’
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

จับSexCreatorหนุ่มลาวเปิดกลุุ่มลับ-อนาจารเด็ก

'ราชัน'มาตามนัด!ได้4ทีมสุดท้ายสโมสรโลก

'ธนกร'ห่วงต่อรองภาษีทรัมป์จี้รบ.เตรียมแผนสำรอง

ยิปซีพยากรณ์ดวงรายวัน ประจำวันอาทิตย์ 6 กรกฏาคม 2568

พบศพ! 'อดีตปลัดอำเภอ'อืดคาเก๋ง ชาวบ้านเห็นจอดรถแง้มประตูไว้3วัน

รบ.คิกออฟ ‘WebD’แพลตฟอร์ม AI สกัดเว็บผิดกฎหมาย กวาดล้างเพิ่มกว่า 70% ทำงานได้เร็วกว่าเจ้าหน้าที่ถึง 31.5 เท่า

  • Breaking News
  • จับSexCreatorหนุ่มลาวเปิดกลุุ่มลับ-อนาจารเด็ก จับSexCreatorหนุ่มลาวเปิดกลุุ่มลับ-อนาจารเด็ก
  • วิจารณ์แซ่ด!‘สองหมอใหญ่โยงคดีชั้น 14 จ่อได้เลื่อนขั้น วิจารณ์แซ่ด!‘สองหมอใหญ่โยงคดีชั้น 14 จ่อได้เลื่อนขั้น
  • \'นฤมล\'สั่งสอบข้อเท็จจริง\'ครูกาญจนบุรี\'ร้องขอความเป็นธรรม หลัง ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด 'นฤมล'สั่งสอบข้อเท็จจริง'ครูกาญจนบุรี'ร้องขอความเป็นธรรม หลัง ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด
  • \'ราชัน\'มาตามนัด!ได้4ทีมสุดท้ายสโมสรโลก 'ราชัน'มาตามนัด!ได้4ทีมสุดท้ายสโมสรโลก
  • \'ธนกร\'ห่วงต่อรองภาษีทรัมป์จี้รบ.เตรียมแผนสำรอง 'ธนกร'ห่วงต่อรองภาษีทรัมป์จี้รบ.เตรียมแผนสำรอง
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

ต้องเลือกตั้งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญหรือ

ต้องเลือกตั้งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญหรือ

5 ก.ค. 2568

ทายาท (อสูร) การเมืองไทย

ทายาท (อสูร) การเมืองไทย

29 มิ.ย. 2568

อยู่เพื่อทำลายประเทศไทย

อยู่เพื่อทำลายประเทศไทย

22 มิ.ย. 2568

แพทองธาร : ความเจริญ-ความวิบัติของประเทศไทย

แพทองธาร : ความเจริญ-ความวิบัติของประเทศไทย

15 มิ.ย. 2568

อย่ารักชาติแบบศาสตราจารย์ไร้สาระบางจำพวก

อย่ารักชาติแบบศาสตราจารย์ไร้สาระบางจำพวก

8 มิ.ย. 2568

งบประมาณฯ ผลาญชาติ???

งบประมาณฯ ผลาญชาติ???

1 มิ.ย. 2568

แพทองธารไปอังกฤษ ไปพบยิ่งลักษณ์???

แพทองธารไปอังกฤษ ไปพบยิ่งลักษณ์???

25 พ.ค. 2568

ทิดแย้ม ไร่ขิง ปัญหาบนยอดภูเขาน้ำแข็ง

ทิดแย้ม ไร่ขิง ปัญหาบนยอดภูเขาน้ำแข็ง

18 พ.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved