ทักษิณ ชินวัตร ยื่นขออภัยโทษ ประเด็นนี้เป็นสิ่งที่วิญญูชนตั้งคำถามว่า ทักษิณขออภัยโทษเพื่ออะไร ทั้งๆ ที่ผ่านมานั้น ได้รับพระราชทานอภัยโทษแล้ว ก็เห็นว่าทักษิณจะยอมรับโทษ
แน่นอนว่าทักษิณคือผู้นำจิตวิญญาณของคนในพรรคเพื่อไทย และสมาชิกพรรคเพื่อไทยกลุ่มที่ยังคลั่งไคล้ไหลหลงวาทกรรมของทักษิณ แต่แน่นอนว่าก็ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่เคยเป็นสาวกของทักษิณ แต่ปัจจุบันคนเหล่านี้กลับเนื้อกลับตัวและกลับใจไม่สนับสนุนทักษิณอีกต่อไป เพราะรู้เช่นเห็นชาติได้เห็นเนื้อแท้ของทักษิณแล้ว ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีกลุ่มของจตุพร พรหมพันธุ์
คราวนี้มาย้อนดูสถานการณ์ภายในพรรคเพื่อไทย ก็จะพบว่าทรุดลงตลอดเวลา แล้วที่สำคัญคือสาวกของทักษิณได้ตีตัวออกห่างกันไม่เว้นแต่ละวัน จนอาจจะกล่าวได้ว่าอาการการเมืองของพรรคเพื่อไทยในขณะนี้สุดจนอาจจะเข้าสู่สภาวะวิกฤต และถึงขั้นมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการเลือกตั้งครั้งหน้าเหลืออยู่ไม่ถึง 40 คน
แน่นอนว่าทักษิณยอมกลับเข้ามาติดคุกในครั้งนี้ก็เพราะเขาเชื่อว่าเขาจะอยู่ในคุกไม่นาน และที่สำคัญอย่าลืมว่า ทักษิณเป็นคนถือโชคลางมาก ทักษิณเชื่อว่าการเข้าไปอยู่ในคุก คือการตกอยู่ในสภาพอัปมงคล แต่ทั้งนี้ทักษิณลืมคิดไปว่าเขาได้ก่อความผิดคดีอาญาไว้มากมาย และที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือเขาคิดว่าเขาจะหนีคุกได้ตลอดชีวิต แต่ในเมื่อทักษิณเข้าคุกก็ถึงทำให้ตกในสภาพนักโทษ
อย่าลืมว่านักโทษก็คือนักโทษ ต่อให้นักโทษคนนั้นเคยเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีผู้ยิ่งใหญ่ ที่มีความอลังการมากสักเพียงใดก็ตาม แต่ในข้อเท็จจริงเขาก็คือคนคุก ที่ต้องติดคุกเพราะคดีอาญา เมื่อทักษิณเข้าคุกลิ่วล้อบริวารที่เคยห้อมล้อมแห่แหนทักษิณมาก่อน ก็ค่อยๆ หลบลี้หนีหน้าไปทีละคนสองคน จนล่าสุดอาจจะกล่าวได้ว่าทักษิณเหลือลิ่วล้อบริวารอยู่เพียงน้อยนิด
ภาพแท้จริงที่ปรากฏคือนักการเมืองและหัวคะแนนที่เคยประกาศว่าจงรักภักดีกับทักษิณก็หนีหายไปเป็นจำนวนมาก สส.พรรคเพื่อไทยหลายคนก็หลบลี้หนีหายไป หลายคนประกาศโดยนัย ว่ามันจบแล้วครับนาย แต่บางคนก็ไม่ได้ประกาศชัดเจน แต่ก็หนีหน้าไปเช่นกัน พูดได้เลยว่าคนที่เคยประกาศว่าภักดีต่อทักษิณก็หันหลัง สะบัดก้นให้ทักษิณ เพราะเห็นว่าเรือที่ชื่อพรรคเพื่อไทยกำลังจะจมลงในอนาคตอันใกล้ ดังนั้นคนพวกนี้จึงเข้าไปอยู่กับเรือของพรรคการเมืองใหม่ที่มีอนาคตสดใสกว่า นั่นคือพรรคภูมิใจไทย หรือไม่ก็พรรคกล้าธรรม
ทักษิณพยายามจะยึดกลุ่มอำนาจรัฐไว้ในมือของตนเองให้จงได้ และเขายังหลงเชื่อว่าเขาจะยึดกลุ่มอำนาจรัฐไว้ได้ตลอดไป เพราะฉะนั้น เขาจึงส่งน้องสาว น้องเขย ลูกสาว รวมถึงคนที่เขาคิดว่าเป็นบริวารเข้าไปกินตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่สุดท้ายความจริงก็ปรากฏชัดเจนว่าความฝันของทักษิณพังทลายลงจนไม่มีเหลือ
สิ่งที่ช่วยยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยกำลังจะล่มสลายก็คือผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดศรีสะเกษ เขตห้า ซึ่งปรากฏว่าผู้สมัครจากพรรคภูมิใจไทยเอาชนะผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยได้อย่างขาดลอย ซึ่งความพ่ายแพ้ครั้งนี้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อจิตใจของทักษิณ
ทักษิณไม่เคยคิดว่าตัวเองจะพ่ายแพ้ เพราะยังลุ่มหลงและเพ้อฝันว่าเขาคือผู้มีบุญคุณต่อประเทศไทย เขาสร้างความเจริญให้กับประเทศไทย และเขาก็เพ้อฝันว่าเขาคือผู้ทำให้เศรษฐกิจไทยเจริญอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน แต่ต้องบอกนั่นคือความฝันซึ่งทักษิณยังคงปักใจจะเชื่อต่อไป ทั้งที่มันคือภาพลวงตา
มีคนตั้งคำถามว่าทักษิณฉลาดจริงหรือ หรือว่าจริงๆ แล้วทักษิณเป็นคนที่ไม่ฉลาด แต่สร้างภาพเองฉลาดล้ำลึก จนทำให้ประเทศไทยมีความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ว่านั่นคือผลพลอยได้จากสภาพเศรษฐกิจโลกที่กำลังเติบโตในช่วงที่ทักษิณได้เป็นนายกรัฐมนตรีของไทย เพราะฉะนั้นกระแสความเจริญเติบโตของโลกจึงส่งผลบวกให้กับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยตามมา แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ฝีมือของทักษิณ เพราะมันเป็นเพียงความบังเอิญและเป็นเรื่องของโชคช่วยเท่านั้น
สิ่งหนึ่งที่ทักษิณน่าจะต้องสำเหนียกให้จงหนักก็คือบัดนี้บุคคลซึ่งเคยเป็นแกนนำของพรรคเพื่อไทยในเขตภาคอีสานต่างทยอยออกจากพรรคเพื่อไทยแล้วเข้าไปซบพรรคการเมืองอื่น ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือกุ่ย ชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ แกนนำคนสำคัญของพรรคเพื่อไทยในเขตจังหวัดอุบลราชธานี ที่ประกาศลาออกจากพรรคเพื่อไทยแล้วเข้าไปอยู่กับ ธรรมนัส พรหมเผ่า หัวหน้าพรรคกล้าธรรม
แต่ถึงกระนั้นอดีตคนของพรรคเพื่อไทยก็ยังคงเล่นเกมตบตาพรรคเพื่อไทยไปวันๆ โดยบางคนอ้างว่าผู้ที่ออกไปร่วมงานกับพรรคการเมืองอื่น เป็นเพราะต้องการแสดงฝีมือเพื่อช่วยเหลือพี่น้องชาวบ้านที่ประสบปัญหาความอดอยากยากแค้น
ที่นี่หันมามองภายในเขตกรุงเทพฯบ้าง ก็จะพบว่า พลพรรคที่เคยสนับสนุนพรรคเพื่อไทยต่างก็ทยอยลาออกไปอยู่กับพรรคอื่น เช่น สมาชิกสภากรุงเทพที่เคยสังกัดพรรคเพื่อไทย จำนวนหนึ่งก็ลาออกจากเพื่อไทย
แน่นอนว่าทักษิณอาจจะยังมีสาวกหลงเหลืออยู่บ้าง แต่ก็ต้องยอมรับว่าสาวกที่หลงเหลืออยู่นั้นไม่สามารถจะไปอยู่กับใครได้ เพราะพรรคการเมืองอื่นไม่สามารถยอมรับสาวกของทักษิณได้ ต้องขออนุญาตไม่กล่าวถึงชื่อสาวกทักษิณโดยตรง แต่ก็เชื่อว่าผู้อ่านคอลัมน์ต้องนึกหน้าออกทันทีว่าใครคือสาวกรุ่นดั้งเดิมของทักษิณที่ยังหลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน
สิ่งที่เป็นความจริงที่สุดก็คือสถานการณ์ของพรรคเพื่อไทยในขณะนี้เลวร้ายมาก ต่อให้ทักษิณยอมเล่นละครติดคุก แล้วต้องยอมให้คนที่อ้างว่าเป็นอดีตภรรยาของทักษิณ คือหญิงอ้อ-พจมาน ดามาพงศ์ ออกมาเล่นบทสั้นๆ ด้วยการประกาศว่า สู้ สู้ นะคะ แต่ก็ไม่สามารถจะช่วยให้พรรคเพื่อไทยพลิกฟื้นกลับมายืนได้อย่างเข้มแข็งเหมือนเดิม
แน่นอนที่สุดว่าทักษิณในวันนี้คือคนคุก แต่เขาจะไม่ยอมอยู่ในคุกจนครบกำหนดที่ศาลตัดสินเขาจะต้องออกจากคุกให้ได้ไม่ว่าจะด้วยกลวิธีใดก็ตาม และเขาก็ไม่แคร์ด้วยว่าการที่เขาจะออกจากคุกนั้นจะทำให้สังคมตั้งคำถามเชิงลบกับเขาหนักหนาสาหัสสักเพียงใดเพียงเพราะเขามั่นใจว่าหากเขาอยู่ในคุกต่อไปพรรคเพื่อไทยก็จะพบกับการอวสานอย่างแน่นอน
ด้วยเหตุนี้ทักษิณจึงต้องบากหน้าขอพระราชทานอภัยโทษอีกครั้ง เพราะนี่เป็นเสมือนไพ่ใบสุดท้าย ในชีวิตการเมืองทักษิณ โดยมีข้ออ้างว่าแล้วแต่พระมหากรุณาธิคุณของพระเจ้าแผ่นดิน
ทักษิณได้ออกจากคุกเมื่อไร หรือจะต้องติดคุกจนครบคำพิพากษาของศาลฎีกาฯ ก็เป็นสิ่งที่วิญญูชนกำลังเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด แต่ถ้าหากสิ่งที่ทักษิณจะกระทำต่อไปในอนาคต ส่อสะท้อนให้เห็นถึงความไม่ชอบมาพากลไม่โปร่งใส ก็รับรองได้ว่าไม่มีวิญญูชนคนไหนยินยอมให้ทักษิณได้รับอภิสิทธิ์มากมายเหมือนอย่างเช่นที่เคยได้รับมาก่อน
เพราะฉะนั้นต่อให้ทักษิณพยายามจะใช้เล่ห์เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ ก็จะต้องถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดว่า ทักษิณใช้ความได้เปรียบเพื่อเอาเปรียบสังคมอย่างที่เคยเป็นมาหรือไม่ ต่อให้ทักษิณไม่อยากอยู่ในคุกมากสักเพียงใด แต่สังคมไทยก็ต้องจับตามองว่ามีกลไกพิเศษอะไรช่วยให้ทักษิณได้รับอภิสิทธิ์มากมายเหนือมนุษย์ทั่วไปในสังคมไทย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี