ที่สุด “พรรคก้าวไกล”ก็ยื่นร่างพระราชบัญญัติ นิรโทษกรรมคดีการเมืองเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร โดยสาระนั้นเสนอให้นิรโทษกรรม ประชาชนทุกคนที่ถูกดำเนินคดีจากการแสดงออกและแสดงความคิดเห็นทางการเมืองด้วยการบิดเบือนกฎหมายของผู้มีอำนาจ นับตั้งแต่วันที่ 20 พฤษภาคม 2557 ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะ ผบ.ทบ. ประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร การนิรโทษกรรมจะไม่มีผลรวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐผู้ใช้อำนาจภายใต้บังคับบัญชาของคณะผู้ก่อการ

เกณฑ์การพิจารณาผู้ที่จะได้รับการนิรโทษกรรม ต้องกระทำโดยคณะกรรมการที่ประกอบด้วยตัวแทนภาคประชาชนและนักวิชาการด้านกฎหมายและสิทธิมนุษยชนที่มีองค์รวมทั้งสิ้น 9 คน

คณะกรรมการสามารถพิจารณาขยายการคืนความยุติธรรมไปก่อนหน้าปี’57 และกำหนดเกณฑ์สำหรับการกลั่นกรองคดีดังกล่าวได้ เพื่อสะสางความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นในสังคมก่อนหน้าปี’57 และเพื่อให้ประเทศเดินหน้าได้โดยไม่ละเลยการคืนความยุติธรรมในอดีต ผู้ที่อยู่ในเกณฑ์ที่จะได้รับนิรโทษกรรม มีสิทธิที่จะเลือกไม่รับการนิรโทษกรรมได้

ที่น่าสมเพชก็คือ คนรุ่นใหม่ในพรรคก้าวไกลมิใช่หรือ ที่สร้างชุดข้อมูลความคิดด้วยข้อมูลเท็จ ประดิษฐ์วาทกรรมสนตะพายกลุ่มกิจกรรมการเมืองที่มีแต่นักเรียนนิสิตนักศึกษาให้ออกมาชูสามนิ้ว ตามแนวคิดของผู้นำจิตวิญญาณศาสดากล่าวหาใส่ร้ายบิดเบือนจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาในขณะที่หนุ่มสาวคนรุ่นใหม่ในพรรคกลับหลังม็อบซุกอยู่ในร่มผ้าราวไรโลน ลงถนนสร้างจลาจลในเมือง แถมประกาศขอระดมทุนช่วยเหลือ ไม่ต้องหวั่นถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะจะใช้ตำแหน่งทางการเมืองประกันตัวอุปกรณ์การเกษตรที่โดนสนตะพายเหล่านั้นให้ออกมาเคลื่อนไหวซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ก่อนอื่นผู้เสนอกฎหมายช่วยตอบทีว่า สาระสำคัญในร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ที่ประดิษฐ์วาทกรรมเคาะกะลาว่าด้วยคดีการเมืองนั้น ตลอด 8-9 ปีของรัฐบาลคสช.ต่อด้วยประชาธิปไตยของ “ลุงตู่-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนที่ 29 ภายหลังปฏิวัติสยาม” มีเหตุการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นจนวุ่นวายสร้างความเสียหายในชีวิตและทรัพย์สินของบ้านเมืองกระนั้นหรือ

เท่าที่เห็นที่อ่านสื่อภาษาไทยออกดูสื่อโทรทัศน์ เป็น เห็นแต่นักเลือกตั้งชังชาติ นักการเมืองเสียชาติเกิดผลิตชุดความคิดด้วยข้อมูลเท็จ จนอุปกรณ์การเกษตรที่มีชีวิตหายใจได้เห่าหอนเป็นถูกผลักออกมาบนถนนใช้ชุดความคิดเท็จนั้นก่อคดีอาญา ในขณะที่นักการเมืองเสียชาติเกิด และนักเลือกตั้งชังชาติแอบหลังม็อบด้วยความขลาดกลัวบ้างด้วยความเตี้ยของร่างกายบ้างซุกราวไรโลนในร่มผ้าเยาวชนชายหญิง อาจจะมีบ้างที่เขายกย่องเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไร้สามัญสำนึกบางตัวหิวแสง เลยโดนดำเนินคดีอาญามาตรา 112 เช่นกัน

ยังจำได้หรือไม่พระราชบัญญัตินิรโทษกรรมสุดซอยของพรรคเพื่อไทยก่อวีรกรรมอะไรไว้บ้างนอกจากได้ “เอกบุรุษกู้วิกฤตชาติอย่าง ลุงตู่ - พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” แล้ว

ปฏิบัติการชังชาตินี้เข้าทาง “ขบวนการนอกชาติ” ที่ออกมาเผือกโก่งตูดผายลมกระพือหลักสิทธิมนุษยชนราวกับว่าสังคมไร้ขื่อไร้แปไม่มีหลักยุติธรรมในประเทศในการปกครองหลอกให้ดม บอกว่า..นี่คือ “กลิ่นหอมความเจริญ” ที่อาจจะคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นสุราเสรีที่พิษณุโลก
กลิ่นคาวน้ำกามหลังจากมอมเหล้าหลอกพาขึ้นคอนโดมิเนียมที่เมืองฟ้าอมรฯและที่ปราจีนบุรี

ไม่รู้ว่านี้ใช่เหตุที่ “พรรคก้าวไกล”ซึ่งได้โอกาสให้จัดตั้งรัฐบาล แล้วประสบความล้มเหลว เพราะยึด “โมเด็มปฏิรูปสถาบัน, แก้ไข/ยกเลิกมาตรา 112 (ปฏิรูป เท่ากับ ล้มล้าง ตามคำวินิจฉัยศาลรธน.)”

แต่ที่น่าสนใจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันคือการเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมคดีการเมือง อย่างไรคือคดีการเมือง การยื่นมือเข้ามาแทรกแซงวุ่นวายกิจการภายในของ“แอมเนสตี้ : องค์การพัฒนาเอกชนที่มีจุดประสงค์“ในการค้นคว้าและดำเนินการป้องกันและยุติการทำร้ายสิทธิมนุษยชน และเพื่อแสวงหาความยุติธรรมสำหรับผู้ที่ถูกละเมิดสิทธิ” ไม่ว่าด้วยเหตุมีพรรคการเมืองสามานย์ในระบอบประชาธิปไตย หรือนักการเมืองเสียชาติเกิดสนตะพายให้เข้ามาวุ่นวายกับกิจการภายในก็ตาม เป็นความถูกต้องชอบธรรมอย่างนั้นหรือ

การจะปล่อยตัวผู้ที่ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 เหล่านั้นออกมายั้วเยี้ยเพ่นพ่านในที่สาธารณะก่อเหตุวุ่นวายแบบเดิมๆ จนนักลงทุนตปท.ขาดความเชื่อมั่น ปล่อยออกมาเพื่อ??... ผลประโยชน์ของใคร

หรือเพียงต้องการให้กลิ่นความเจริญแบบก้าวไกลคละคลุ้งสังคมไทยอย่างนั้นหรือ