วันอาทิตย์ ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / คิดด้วยพลเมือง (See-Think-Cen')
คิดด้วยพลเมือง (See-Think-Cen')

คิดด้วยพลเมือง (See-Think-Cen')

วันพุธ ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2566, 02.00 น.
นางงาม กับ รัฐเผด็จการ : ลาตินอเมริกาไม่ได้มีแค่นางงาม แต่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ของการเปลี่ยนแปลง

ดูทั้งหมด

  •  

“Hola Universo, Hola El Salvador, Soy Anntonia Porsild con mucho orgullo, representando Tailandia.” หลายคนที่เป็นแฟนนางงามสามารถท่องประโยคดังกล่าวได้อย่างคล่องปากเพื่อเป็นการส่งเสียงเชียร์แก่ แอนโทเนีย โพซิ้ว ตัวแทนจากประเทศไทยในการประกวดนางงามจักรวาล Miss Universe 2023 แม้ปีนี้ประเทศไทยจะไม่ได้มง 3 ตามที่คาดหวังไว้ ทางผู้เขียนนั้น ยินดีเป็นอย่างยิ่งกับ Miss Nicaragua หรือ Sheynnis Palacios สำหรับตำแหน่ง Miss Universe 2023  

สำหรับผู้เขียน สิ่งที่น่าสนใจในการประกวดครั้งนี้ คือ ท่าทีของรัฐบาลนิการากัวที่มีต่อ Miss Nicaragua 2023 ทั้งก่อนและหลังการประกวดซึ่งแสดงให้เห็นว่า Sheynnis  มีส่วนสำคัญในการปลุกกระแสมวลชนหรือ Active Citizen ในนิการากัวเป็นอย่างมาก จากเวทีประกวดเพื่อความบันเทิงและสรรเสริญความสวยงามของเหล่าผู้ประกวดได้กลายเป็นการจุดประกายครั้งสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงในประเทศนิการากัว  


ดังนั้น ในบทความนี้ ผู้เขียนขอนำทุกท่านไปรู้จักพลวัตทางการเมืองของลาตินอเมริกาที่มีการเปลี่ยนแปลงจากเผด็จการไปสู่การมีประชาธิปไตย โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศนิการากัวซึ่งเป็นประเทศที่ยังคงอยู่ภายใต้รัฐบาลอำนาจนิยมมานานกว่าหลายทศวรรษ  

 เผด็จการทหารในลาตินอเมริกาช่วงสงครามเย็น

 หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง การพัฒนาทางการเมืองของประเทศด้อยพัฒนา หรือ กำลังพัฒนามีการพัฒนาทางการเมืองผ่านการใช้ “อำนาจปืน” เป็นเครื่องมือหลักในการได้มาซึ่งอำนาจรัฐ (สุรชาติ บำรุงสุข, 2561, 24) ทำให้ผู้นำในประเทศเหล่านี้เป็นผู้นำในลักษณะนักการเมืองในเครื่องแบบ(Politician in uniform) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสงครามเย็นผู้นำในหลายประเทศใช้โอกาสในช่วงของความขัดแย้งทางความคิดเพื่อสร้างความชอบธรรมให้แก่รัฐบาลของตนและทำการปราบปรามคอมมิวนิสต์ อีกทั้ง ผู้นำเหล่านี้มีความเชื่อในพลังอำนาจของอาวุธหรือ “กระสุนปืน (Bullet)” มากกว่าเชื่อใน “บัตรเลือกตั้ง (Ballot)” (แม้ว่าหลายคนจะเคยได้ยินประโยควรรคทองจากประธานาธิบดี Lincoln ที่ว่า “บัตรเลือกตั้งแข็งแรงกว่ากระสุนปืน”แต่สำหรับผู้นำเผด็จการเหล่านี้เขาเชื่อในกระสุนปืนมากกว่า)  

การควบคุมรัฐด้วยอาวุธทำให้ประเทศผ่านพ้นจากวิกฤตทางการเมืองในช่วงสงครามเย็นไปได้ ดังนั้น ในทศวรรษที่ 1950 ถึง 1960 เป็นช่วงเวลาที่รัฐเผด็จการหรือประเทศผู้นำทหารมีความเข้มแข็งและวางรากฐานอย่างฝังรากลึกในกลุ่มประเทศลาตินอเมริกา อีกทั้ง ปัจจัยภายนอกอย่าง สหรัฐฯ ในช่วงสงครามเย็นได้ช่วยเสริมสร้างเกราะอันแข็งแกร่งแก่เผด็จการทหารโดยสหรัฐฯ เข้าแทรกแซงในภูมิภาคนี้ตั้งแต่ทศวรรษที่ 1820 ผ่านการประกาศนโยบายภายใต้คำแถลงการณ์มอนโร หรือ ลัทธิมอนโร(Monroe Doctrine 1823) เพื่อป้องกันการแทรกแซงจากมหาอำนาจยุโรปมายังภูมิภาคลาตินอเมริกาที่เปรียบเสมือน
หลังบ้านของสหรัฐฯ  

อย่างไรก็ตาม เมื่อสิ้นสุดสงครามเย็น ประเทศเผด็จการในลาตินอเมริกาได้เผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ซึ่งนำไปสู่การเปลี่ยนผ่านเป็นประชาธิปไตยอีกครั้ง (Redemocratization) เนื่องจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียตซึ่งเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของการสิ้นสุดความขัดแย้งทางอุดมการณ์ได้ส่งผลกระทบโดยตรงกับสถาบันทหารทั่วโลกในขณะนั้น  

กองทัพหรือรัฐบาลทหารในหลายๆ ประเทศได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ในการปกป้องประเทศจากภัยคอมมิวนิสต์ ดังนั้น เมื่อสงครามเย็นยุติลง สหรัฐฯ ได้ยกเลิกการสนับสนุนต่อรัฐบาลทหารและกองทัพในประเทศกำลังพัฒนา ทำให้ความชอบธรรมในการสร้างความมั่นคงเพื่อปราบปรามและป้องกันคอมมิวนิสต์จึงหมดไปเช่นเดียวกัน อีกทั้ง รัฐบาลอำนาจนิยมในช่วงทศวรรษที่ 1980 ไม่มีความสามารถมากพอที่จะบริหารเศรษฐกิจประเทศจึงนำไปสู่วิกฤตเศรษฐกิจขึ้นในหลายประเทศกำลังพัฒนา ทำให้พันธมิตรพลเรือนของกองทัพอย่างกลุ่มธุรกิจและชนชั้นกลางหันมาสนับสนุนภาคประชาสังคมที่ต้องการโค่นล้มระบอบอำนาจนิยม  

อย่างไรก็ตาม เราไม่สามารถการันตีได้ว่าระบอบประชาธิปไตยในลาตินอเมริกาจะมั่นคงและถาวรได้ แม้ว่า ในช่วงทศวรรษที่ 1990 หลายประเทศในลาตินอเมริกามีการเลือกตั้งและรัฐบาลเผด็จการได้หายไปในภูมิภาคนี้ แต่ประเทศเหล่านี้ได้เผชิญกับปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคมเป็นอย่างมากตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทำให้อำนาจเผด็จการกลับหวนสู่อำนาจในประเทศเหล่านี้อีกครั้ง   

การหวนกลับมาของเผด็จการในนิการากัว  

ในช่วงสงครามเย็น นิการากัวเป็นหนึ่งในประเทศที่อยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลอำนาจนิยมที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ จนกระทั่งเกิดการปฏิวัติคิวบา ทำให้เกิดการประท้วงเพื่อต่อต้านรัฐเผด็จการของประธานาธิบดี Anastasio Somoza ที่ปกครองนิการากัวมายาวนานถึง 43 ปี (ค.ศ. 1936-ค.ศ. 1979) ของชนชั้นแรงงาน ชาวนา นักเรียน และชนชั้นกลางในนิการากัว และท้ายที่สุด เหตุการณ์ดังกล่าวนำไปสู่สงครามกลางเมืองในนิการากัวและการปฏิวัติที่นำโดยกลุ่ม Left-Wing อย่าง Sandinista
(Sandinista National Liberation Front (FSLN) 

ในช่วงเวลานั้นเอง เป็นช่วงเวลาของการเปลี่ยนถ่ายระหว่างขั้วอำนาจเก่าไปสู่ขั้วอำนาจใหม่ ผ่านการปกครองประเทศโดยกลุ่ม FSLN หรือ พรรค FSLN (ต่อมา FSLN ได้กลายเป็นพรรคการเมืองในระบบรัฐสภาของนิการากัว) ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหภาพโซเวียตและคิวบา แม้ในการขึ้นมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของ Daniel Ortega จากพรรค FSLN จะมาจากการเลือกตั้ง แต่การเลือกตั้งดังกล่าว เต็มไปด้วยการคอร์รัปชันและถือว่าเป็นการเลือกตั้งที่ไม่เป็นธรรมกับพรรคอื่นๆ ที่ลงสมัคร ทำให้การปกครองของนิการากัวในเวลานี้เป็นเพียงแค่การเปลี่ยนกลุ่มอำนาจเผด็จการเท่านั้น  

หลังจากสิ้นสุดสงครามเย็น แรงสนับสนุนจากภายนอกต่อพรรค FSLN ได้หายไปพร้อมกับการล่มสลายของสหภาพโซเวียต นำมาสู่การเลือกตั้งในปี 1990 นิการากัวได้ประธานาธิบดีคนใหม่ในรอบ 11 ปี ในช่วงเวลานั้นเอง นิการากัวได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ ผ่านการทำข้อตกลงทางการค้า CAFTA-DR ทำให้เศรษฐกิจของนิการากัวดีขึ้นไปพร้อมกับการเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตย แต่ประตูที่เปิดออกไปสู่ประชาธิปไตยถูกปิดลงอีกครั้ง เนื่องจากเกิดการคอร์รัปชันในการเมืองท้องถิ่น และความแตกแยกทางสังคมในช่วงเวลาดังกล่าวเปิดโอกาสให้ Daniel Ortega กลับเข้าสู่สนามการเมืองและชนะการเลือกตั้งอีกครั้งใน ค.ศ. 2006 และกลายมาเป็นประธานาธิบดีจนถึงปัจจุบัน  

ในช่วงเวลาตั้งแต่ 2006 จนถึงปัจจุบัน ทางรัฐบาลได้เปิดโอกาสให้มีการเลือกตั้งตามวาระ แต่ประธานาธิบดี Ortega ชนะการเลือกตั้งทุกครั้ง เนื่องจากการเลือกตั้งในแต่ละครั้งเป็นการเลือกตั้งที่ไม่เป็นธรรมและมีการจำคุกของหัวหน้าฝ่ายค้านหลายคนในช่วงเวลาที่มีการเลือกตั้ง อีกทั้ง ฝ่ายรัฐบาลได้ใช้อำนาจทางทหาร ตำรวจ เข้าควบคุมพฤติกรรมและความคิดของประชาชนโดยตลอดมา จนทำให้เกิดการประท้วงขึ้นหลายครั้งในนิการากัว  

จุดตกต่ำขั้นสุดของประชาธิปไตยในนิการากัวเกิดขึ้นในค.ศ. 2017 เมื่อประธานาธิบดี Ortega แต่งตั้งภรรยาของเขาเป็นรองประธานาธิบดี และเข้าควบคุมระบบการคลังทั้งหมดของประเทศ ทำให้ประชาชนไม่พอใจเป็นอย่างมากจนนำมาสู่การประท้วงครั้งยิ่งใหญ่ในปีต่อมา การประท้วงในปี 2018 นำไปสู่โศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ เนื่องจากรัฐใช้ความรุนแรงในการปราบปรามหรือควบคุมฝูงชนทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 350 ราย และมีผู้ต้องขังทางการเมืองมากมาย ซึ่งในการประท้วงครั้งนี้ Sheynnis Palacios ได้เข้าร่วมการประท้วงดังกล่าวเช่นกัน  

เมื่อ Miss Universe กลายเป็นสัญลักษณ์ของความหวัง 

หลังจากการประกวดนางงามจักรวาลจบลง กระแสนางงามได้กลายเป็นที่ถูกพูดถึงอีกครั้ง โดยสำนักข่าวต่างประเทศ The Guardian รายงานว่า Karen Celebertti เจ้าของแฟรนไชส์ Miss Nicaragua และลูกสาว ไม่สามารถเดินทางกลับประเทศนิการากัวได้เนื่องจากถูกจัดอยู่ในบุคคลที่ห้ามเข้าประเทศ ส่วน Sheynnis ตอนนี้ยังไม่ได้เดินทางกลับประเทศ เนื่องจาก Sheynnis ได้ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้ดำรงตำแหน่งนางงามจักรวาลอยู่ที่สหรัฐฯ และยังไม่ได้รับการยืนยันจากรัฐบาลนิการากัวเรื่องของการห้ามไม่ให้ Sheynnis เข้าประเทศ  

อย่างไรก็ตาม หลังจาก Sheynnis ได้รับตำแหน่ง Miss Universe 2023 ประชาชนในประเทศนิการากัวพากันออกมาเฉลิมฉลองบนท้องถนนเป็นจำนวนมาก โดยการเฉลิมฉลองดังกล่าวไม่ได้เป็นเพียงแค่การสรรเสริญความงดงามของนางงามที่ได้รับมงกุฎ แต่เป็นการเฉลิมฉลองให้กับความหวังเพียงเล็กน้อยที่จะจุดประกายให้ประเทศนิการากัวกลับมาเป็นประชาธิปไตยอีกครั้ง  

ผู้คนที่ออกมาเดินขบวนเฉลิมฉลองชัยชนะในตำแหน่งนางงามจักรวาลนั้น ได้เปรียบเทียบว่า Sheynnis เป็นตัวแทนของความหวังและแสงสว่างในประเทศ เนื่องจากในช่วงของการแข่งขัน ได้มีการปล่อยภาพ Sheynnis ในขณะเดินขบวนประท้วงครั้งใหญ่ในปี 2018 อีกทั้ง ประชาชนนิการากัวบางส่วนเชื่อว่า เสื้อคลุมสีน้ำเงินและชุดราตรีสีขาวที่ Sheynnis สวมใส่ระหว่างแข่งขันเป็นการอ้างอิงถึงสีของธงชาติที่เป็นสีที่ถูกห้ามหลังจากการประท้วงในปี 2018  แม้ว่าในช่วงเวลาของการแข่งขันจนถึงปัจจุบัน Sheynnis ไม่ออกมาพูดถึงประเด็นการเมืองใดๆ 

Sheynnis ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของ ความหวัง (Hope) และการไม่ยอมจำนน (Defiance) ของชาวนิการากัว ชัยชนะของ Sheynnis ได้จุดประกายความหวังต่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไปสู่ประชาธิปไตย และกลายเป็นคลื่นใต้น้ำที่รอวันปะทุเพื่อต่อสู้กับเผด็จการ  

การเป็น Active Citizen ของ Sheynnis ทำให้รัฐบาลเผด็จการเกิดความกระสับกระส่าย เนื่องจากรัฐบาลกลัวว่าชัยชนะของ Sheynnis ในครั้งนี้จะปลุกกระแสการประท้วงต่อต้านรัฐบาล
ให้กลับมาอีกครั้ง แม้ในตอนนี้จะยังไม่มีการประกาศใดๆ จากรัฐบาลต่อกรณีห้ามเข้าประเทศดังกล่าว แต่ระหว่างการแข่งขันสื่อของรัฐบาลได้ใช้ถ้อยคำเสียดสี Sheynnis หลายต่อหลายครั้ง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเกลียดชังของสื่อฝ่ายรัฐบาลที่มีต่อ Sheynnis

 ดังนั้น เสียงของพลเมืองที่ตื่นรู้เป็นสิ่งที่เผด็จการในหลายประเทศหวาดกลัวมาตลอด แม้ว่าผู้ส่งเสียงจะมีเพียงแค่หนึ่งคน ก็สามารถจุดประกายให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมได้เช่นเดียวกับภาพของ Sheynnis

การเคลื่อนไหวหรือการลุกฮือของภาคประชาชนเป็นปัจจัยสำคัญในการโค่นล้มรัฐบาลอำนาจนิยมดังเช่นในอดีต เมื่อประชาชนยังคงมีหวังและส่งเสียงแห่งความหวังนั้นออกมา ประชาธิปไตยสามารถหวนหลับมาสู่ภูมิภาคนี้ได้อีกครั้ง

 ท้ายที่สุด การเป็นพลเมืองตื่นรู้เป็นพลังสำคัญในการเปลี่ยนแปลงในทุกภาคส่วนของสังคม เพียงแค่ประชาชนทุกคนตระหนักถึงความยิ่งใหญ่ของเสียงของตนเอง ความหวังของการเปลี่ยนแปลงสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ เมื่อประชาชนได้ใช้เสียงของตนเองอย่างถูกต้อง

 

ศรันย์ชนก ลิมวิสิฐธนกร

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
12:33 น. ฝุ่นตลบ! ‘ครม.แพทองธาร2’พลิก สะพัด‘ภูมิธรรม’แหกโค้งซิว‘มท.1’ ชง‘อิ๊งค์’ควบกลาโหม
11:54 น. ไล่‘งูเห่า’ออกไป! ‘ไทยสร้างไทย’แฉคนอยากเป็นรมต.ปล่อยข่าว สยบลือร่วมรัฐบาล
11:43 น. ‘อิ๊งค์’ระทึก! จับตา‘ศาลรัฐธรรมนูญ’สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่‘นายกฯ’หรือไม่
11:22 น. ‘คณะรวมพลังแผ่นดิน’เช็ค‘อนุสาวรีย์ชัยฯ’ จัดม็อบไล่อิ๊งค์-’ชวนติด#28 มิถุนามาแน่
11:05 น. ‘สหรัฐฯ’ส่งเครื่องบินทิ้งบอมบ์3โรงงานนิวเคลียร์‘อิหร่าน’
ดูทั้งหมด
ค้นพบ'พญาครุฑ'130ล้านปี สัตว์เลื้อยคลานบินได้ ตัวแรกของไทยในภาคอีสาน
(คลิป) เอาแล้ว! 'พล.ท.ภราดร' ฟันโช๊ะ ได้เห็นอวสาน 2 ตระกูล ปม 'ไทย-กัมพูชา' แน่ๆ
‘ยูเอ็น’ยังกังวล! รายงานชี้‘กัมพูชา’หลายเมืองกลายเป็นแหล่งซ่องสุม'โจรออนไลน์'
'กัมพูชา'สั่งลงดาบ! เพิกถอนใบอนุญาต2สำนักข่าวดัง ฐานละเมิดจริยธรรม-กฎหมายสื่อ
'อิ๊งค์'ทำสำเร็จ!! ทำให้ประชาชนรู้สึกว่า นายกฯคือภัยคุกคามต่อประเทศ
ดูทั้งหมด
รายงาน ทีดีอาร์ไอ ฉบับที่ 212 พฤษภาคม 2567-ความเหลื่อมล้ำด้านสุขภาพของประเทศไทย
ยังร่วมรัฐบาลผลาญชาติต่อไป
‘พ่อ’ นายกฯ
บุคคลแนวหน้า : 22 พฤษภาคม 2568
อยู่เพื่อทำลายประเทศไทย
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ไล่‘งูเห่า’ออกไป! ‘ไทยสร้างไทย’แฉคนอยากเป็นรมต.ปล่อยข่าว สยบลือร่วมรัฐบาล

เช็กโผ ครม. 'แพทองธาร 2' ใครเข้าใหม่-ใครหลุด หลังไร้ 'ภูมิใจไทย'

‘นิด้าโพล’เผยผลสำรวจพบปชช.ไม่เอา‘เอ็นเตอร์เทนเมนต์-กาสิโน’

'อั้ม'ช่วยชาติ! ส่งโซลาร์เซลล์ผลิตไฟฟ้า มอบให้ฐานทหารสุรินทร์

‘พลังของพลัง’ 40 ปี ปตท.สผ. พลังเพื่อประเทศและคนไทย

สาวไทยผีพนันปอยเปต! หมดตัวจำนำพาสปอร์ต ปีนลวดหนามชายแดนกลับไทย

  • Breaking News
  • ฝุ่นตลบ! ‘ครม.แพทองธาร2’พลิก สะพัด‘ภูมิธรรม’แหกโค้งซิว‘มท.1’ ชง‘อิ๊งค์’ควบกลาโหม ฝุ่นตลบ! ‘ครม.แพทองธาร2’พลิก สะพัด‘ภูมิธรรม’แหกโค้งซิว‘มท.1’ ชง‘อิ๊งค์’ควบกลาโหม
  • ไล่‘งูเห่า’ออกไป! ‘ไทยสร้างไทย’แฉคนอยากเป็นรมต.ปล่อยข่าว สยบลือร่วมรัฐบาล ไล่‘งูเห่า’ออกไป! ‘ไทยสร้างไทย’แฉคนอยากเป็นรมต.ปล่อยข่าว สยบลือร่วมรัฐบาล
  • ‘อิ๊งค์’ระทึก! จับตา‘ศาลรัฐธรรมนูญ’สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่‘นายกฯ’หรือไม่ ‘อิ๊งค์’ระทึก! จับตา‘ศาลรัฐธรรมนูญ’สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่‘นายกฯ’หรือไม่
  • ‘คณะรวมพลังแผ่นดิน’เช็ค‘อนุสาวรีย์ชัยฯ’ จัดม็อบไล่อิ๊งค์-’ชวนติด#28 มิถุนามาแน่ ‘คณะรวมพลังแผ่นดิน’เช็ค‘อนุสาวรีย์ชัยฯ’ จัดม็อบไล่อิ๊งค์-’ชวนติด#28 มิถุนามาแน่
  • ‘สหรัฐฯ’ส่งเครื่องบินทิ้งบอมบ์3โรงงานนิวเคลียร์‘อิหร่าน’ ‘สหรัฐฯ’ส่งเครื่องบินทิ้งบอมบ์3โรงงานนิวเคลียร์‘อิหร่าน’
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

จีนกระจุก เทากระจาย: มอง ‘ทุนจีนเทา’ ที่กลืนกลายอยู่ในสังคมไทยผ่านมุมมองสังคมวิทยา

จีนกระจุก เทากระจาย: มอง ‘ทุนจีนเทา’ ที่กลืนกลายอยู่ในสังคมไทยผ่านมุมมองสังคมวิทยา

18 มิ.ย. 2568

องค์กรย้อนแย้งลักลั่นและเกมผักชีโรยหน้าในดินแดนมัชฌิมา

องค์กรย้อนแย้งลักลั่นและเกมผักชีโรยหน้าในดินแดนมัชฌิมา

11 มิ.ย. 2568

การแจ้งเบาะแส เทคโนโลยี และการแก้คอร์รัปชัน

การแจ้งเบาะแส เทคโนโลยี และการแก้คอร์รัปชัน

28 พ.ค. 2568

เมื่อผู้หญิงเผชิญหน้ากับคอร์รัปชัน : ความไม่เท่าเทียมทางเพศในมิติที่สังคมไทยมองข้าม

เมื่อผู้หญิงเผชิญหน้ากับคอร์รัปชัน : ความไม่เท่าเทียมทางเพศในมิติที่สังคมไทยมองข้าม

21 พ.ค. 2568

เลือกตั้งเทศบาล 68 : ประชาชนร่วมสร้างความโปร่งใสในการเลือกตั้งได้อย่างไรบ้าง

เลือกตั้งเทศบาล 68 : ประชาชนร่วมสร้างความโปร่งใสในการเลือกตั้งได้อย่างไรบ้าง

14 พ.ค. 2568

The Corruption ระบบแท้ คนเก๊: วิเคราะห์ปัญหาคอร์รัปชันที่ประเทศไทยไม่มีทางแก้?

The Corruption ระบบแท้ คนเก๊: วิเคราะห์ปัญหาคอร์รัปชันที่ประเทศไทยไม่มีทางแก้?

30 เม.ย. 2568

การกลับคืนสู่อำนาจของทรัมป์: ผลกระทบต่อกระแสความคิดและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

การกลับคืนสู่อำนาจของทรัมป์: ผลกระทบต่อกระแสความคิดและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

23 เม.ย. 2568

สงกรานต์เป็นเทศกาลแห่งความสุขของใครกันแน่

สงกรานต์เป็นเทศกาลแห่งความสุขของใครกันแน่

16 เม.ย. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved