เห็นกูรูและหมอดูทำนายทายทัก ว่าปี 2567 จะเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงการเมืองขนานใหญ่
บางคนถึงขนาดบอกว่าจะพลิกขั้ว จะสลายขั้ว จะถอนรากถอนโคน ฯลฯ
แต่ผมมีความเห็น ดังต่อไปนี้
1. ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ หรือจะผิดหวังอย่างไรเราก็ต้องยอมรับผลการเลือกตั้งใหญ่ล่าสุด
พรรคก้าวไกล สส.มากสุด แต่รวมเสียงข้างมากไม่ได้ ตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ เพราะพรรคการเมือง สส. สว. และประชาชนส่วนใหญ่ไม่เอาด้วยกับการจะแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 รวมถึงการประกาศจะจัดวางพระราชสถานะและพระราชอำนาจของสถาบันพระมหากษัตริย์ ตามคำอภิปรายของแคนดิเดตนายกฯ หัวหน้าพรรคก้าวไกลในขณะนั้น
พรรคเพื่อไทยจับมือกับขั้วรัฐบาลลุงตู่เดิม คือ พรรคภูมิใจไทย รวมไทยสร้างชาติ และพลังประชารัฐ จัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ
รัฐบาลนำโดยนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน บริหารประเทศมาจนถึงปัจจุบัน
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัย โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นองคมนตรี
2. การเมืองปี 2567 จะพลิกขั้วไปจากปัจจุบัน หรือไม่?
การพลิกขั้วไปจากปัจจุบัน ก็หมายความว่า พรรคก้าวไกลพลิกมาเป็นรัฐบาล ซึ่งจะเป็นเช่นนั้นได้ พรรคเพื่อไทยต้องหันไปจับมือกับก้าวไกล
ผมคิดว่า โอกาสมีน้อยมากครับ
ต่อให้มีเหตุการณ์ที่ทำให้นายกฯ เศรษฐาต้องลาออกหรือยุบสภา ก็คงจะเลือกลาออก มากกว่ายุบสภา
หากนายกฯลาออก ต้องเลือกนายกฯกันใหม่ ก็คงมาจากขั้วปัจจุบัน ตกลงกันว่าจะให้เป็นนายกรัฐมนตรี
เพราะถ้าพรรคเพื่อไทยหมุนกลับไปจับกับก้าวไกล นอกจากจะเป็นการฆ่าตัวตายแล้ว ยังจะเป็นการนำตระกูลชินวัตรกลับอยู่บนปากเหวหายนะที่สุดยิ่งกว่าสมัยปี 2549
การที่ขั้วรัฐบาลปัจจุบัน จะจับมือกันทำงาน ดูแลเศรษฐกิจปากท้อง ประคับประคองบ้านเมืองให้เดินต่อไปข้างหน้า โดยฟังเสียงท้วงติงของสังคม ปรับเปลี่ยนนโยบายให้เข้ารูปเข้ารอย สานต่อโครงการที่ดีๆ แก้ไขเรื่องที่ติดขัด ใช้ความเป็นรัฐบาลพลเรือนเข้ามาจัดการต่อยอดระบบโครงสร้างพื้นฐาน ดูแลสถานการณ์บ้านเมืองให้มั่นคงแข็งแรง ในสถานการณ์สงครามและภูมิรัฐศาสตร์โลกที่เปราะบาง ย่อมจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติส่วนรวมมากกว่า
3. ก้าวไกลจะอ่อยเพื่อไทย ขอร่วมเป็นรัฐบาล สำเร็จหรือไม่?
พรรคก้าวไกลยังคงทอดไมตรี ทอดสะพาน หรืออ่อยพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอด ว่าพร้อมร่วมรัฐบาล
ไล่ตั้งแต่ท่าทีและมุมมองของนายธนาธรก่อนหน้านี้ จนถึงบทบาทของ สส.พรรคก้าวไกล ในฐานะฝ่ายค้านแบบครึ่งบกครึ่งน้ำ
ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลเปลือยตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าเป็นพรรคการเมืองที่ไม่ตรงปก ทำงานไม่เป็น เล่นกับกระแสโซเชียลอย่างเดียว
เป็นลักษณะของเซเลบ หรืออินฟลูฯ ไม่ใช่บทบาทของพรรคการเมืองที่จะมาบริหารประเทศชาติได้อย่างแท้จริง
อาจหวือหวา ดูสะใจ ด้วยวาทกรรม การสร้างภาพ การทำกราฟิก การตัดต่อคลิปสั้น การปั่นกระแสอวยกันเองของเครือข่ายแนวร่วมในโลกโซเชียล
แต่ยังขาดวุฒิภาวะ ความแม่นยำ ความถูกต้องในข้อมูลความจริง
ตัวอย่างล่าสุด ในการอภิปรายงบประมาณ
สส.ก้าวไกลเอาข้อมูลการคาดการณ์สถานการณ์การเงินแบบเลวร้ายที่สุดของ กฟผ.มาอภิปรายในสภา โดยไม่ระบุให้ชัดเจนว่าเป็นข้อมูลคาดการณ์เก่า ตั้งแต่ ต.ค. 2566
พูดจาฉะฉานว่า กฟผ. มีสถานะเงินสดต่ำมาก โดยมีแนวโน้มตามกราฟิกที่นำมาแสดงว่าตั้งแต่เดือนมกราคม 2567 กฟผ. จะมีกระแสเงินสดเหลือเพียง 39,234 ล้านบาท และลดลงเรื่อยๆ ถึงขั้นมีกระแสเงินสดเหลือแค่ 10,000 กว่าล้านบาท โดยเฉพาะเดือนกรกฎาคม ตุลาคม และธันวาคม 2567 จะไปถึงขั้นกระแสเงินสดติดลบ แถมยังมีหนี้สินที่ต้องชำระให้ ปตท. อีกหลายหมื่นล้านบาท
รัฐมนตรีพลังงาน คุณพีระพันธ์ุ ชี้แจงข้อมูลจริงภายหลังว่า
ณ สิ้นปี 2566 กฟผ. มีเงินสดคงเหลือจริงประมาณ 91,000 ล้านบาท
ไม่ใช่ 63,623.6 ล้านบาท ตามที่ปรากฏในตารางคาดการณ์ที่ สส.ก้าวไกลนำมาแสดง
กฟผ. มีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นจากที่คาดการณ์ไว้ตามตารางที่นำมาแสดงเกือบ 15,000 ล้านบาท เช่น กำไรจากการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นประมาณ 4,000 ล้านบาท กำไรจากการรับงานภายนอกองค์กรประมาณ 1,000 ล้านบาท กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนประมาณ 2,600 ล้านบาท ต้นทุนลดลงจากการบริหารจัดการประมาณ 5,000 ล้านบาท และกำไรจากรายได้อื่นๆ ประมาณ 2,100 ล้านบาท เป็นต้น
“ข้อมูลจริง” ณ สิ้นปี 2566 กฟผ. มีเงินสดในมือประมาณ 91,000 ล้านบาท จึงเป็นไปไม่ได้ที่ ณ เดือนมกราคม 2567 เพียงหนึ่งเดือนให้หลังกระแสเงินสดของ กฟผ.ก่อนหักค่าใช้จ่ายจะเหลือเพียง 39,234 ล้านบาท ตาม “ข้อมูลคาดการณ์” ที่นำมาแสดง
มาตรฐานทางการเงินของ กฟผ. จะต้องคงสถานะเงินสดไม่ให้ต่ำกว่า 60,000 ล้านบาท หากเมื่อใดมีแนวโน้มว่าจะลดต่ำลงกว่ามาตรฐานนี้ กฟผ. จะดำเนินการแก้ไขสถานการณ์ทันที และที่ผ่านมา กฟผ. ก็ดำเนินการตามนี้จึงเป็นไปไม่ได้ในความเป็นจริงที่สถานะการเงินจริงของ กฟผ. ในปี 2567 จะลดลงเรื่อยๆ จนถึงขั้นติดลบในเดือนกรกฎาคม ตุลาคม และธันวาคม 2567 ตาม “ข้อมูลคาดการณ์” ที่นำมาแสดง
ยิ่งกว่านั้น ตามข้อมูลจริง กฟผ. ชำระหนี้เดิมที่มีกับ ปตท. หมดสิ้นแล้วตั้งแต่มกราคม 2566 ณ วันนี้ กฟผ.จึงไม่มีหนี้สินอะไรกับ ปตท. อีก
สำหรับปี 2567 ล่าสุด กฟผ. คาดการณ์ว่าจะนำส่งเงินรายได้ประจำปี 2567 ให้รัฐประมาณ 20,000 ล้านบาท ลดลงจากปี 2566 ประมาณ 16.6666% ไม่ใช่จะนำส่งรายได้เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ถึง 65% จาก 17,142 ล้านบาท เป็น 28,386 ล้านบาท ตาม “ข้อมูลคาดการณ์” ที่นำมาพูดอีกเช่นกัน ฯลฯ
ประเทศไม่ใช่สนามเด็กเล่นที่จะให้พรรคที่ถูกแฉรายวัน “วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร” แล้วจำนนด้วยหลักฐาน เข้ามาบริหารประเทศ
สารพัดเรื่องที่ถูกจับโป๊ะ ว่าปั่นกระแสผิดพลาด หรือโกหก เช่น วัคซีนเทพ ไฮเปอร์ลูป แซะสถาบันด้วยเฟคนิวส์ แก้มาตรา 112 ทหารมีไว้ทำไม หาเสียงด้วยนโยบายที่ทำไม่ได้จริง (ไม่ต่างกับอีกหลายพรรค) พิธาบริหารธุรกิจน้ำมันรำข้าวสำเร็จหรือล้มเหลวกันแน่ โกหกเพื่อเกาะกระแสกี่ครั้งกี่เรื่องแล้ว ฯลฯ
ถ้าพรรคเพื่อไทยยอมกลับไปเอาพรรคก้าวไกล ก็เท่ากับฆ่าตัวตายทางการเมือง ยอมไปเป็นผ้าเช็ดเท้าให้พรรคก้าวไกล ยอมให้พรรคก้าวไกลขี่คอ ตีกินพื้นที่คะแนนนิยมทางการเมืองจนหมดสิ้น
ที่สำคัญ พรรคเพื่อไทยยังจะได้ชื่อว่าเป็นเสมือน “ลิงหลอกเจ้า” เล่นการเมืองกลับกลอกไปมา ผู้มีอำนาจตัวจริงของเพื่อไทยจะต้องเผชิญชะตากรรมที่แสนทารุณอย่างที่สุดในชีวิตทั้งตระกูล
4.กรณี น.ช.ทักษิณ ชินวัตร
หลังได้รับพระราชทานอภัยลดโทษ เหลือจำคุก 1 ปี
ไม่ว่าจะอย่างไร น.ช.ทักษิณ ก็คงจะได้กลับไปอยู่บ้านภายในปีนี้ (โทษจำคุก 1 ปี)
ถ้าทำตามระเบียบใหม่ฯ ก็คงภายในเดือนนี้ (ม.ค.)
ถ้ารอจนก.พ. ก็เข้าเกณฑ์พักโทษ
หรือถ้าดำเนินไปตามปกติ ก็คงจะพ้นโทษราวๆ เดือน เม.ย. 2567
พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ 2560 ออกยุค สนช. เปิดช่องทางให้มีการคุมขังนอกเรือนจำเอาไว้ เป็นหลักการกว้างๆ ที่ต้องมีกฎกระทรวงและระเบียบตามมา มิให้ขัดกฎหมาย ขัดหลักนิติรัฐ และรัฐธรรมนูญ
กลับปรากฏว่า กฎกระทรวงกำหนดสถานที่คุมขัง 2563 (โดยรัฐมนตรียุติธรรมสมศักดิ์) วางกฎกระทรวงให้อยู่ที่บ้านได้
ระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง 2566 ในยุครัฐบาลเพื่อไทย ล่าสุด กำหนดรายละเอียดในทางปฏิบัติไว้อย่างไม่รัดกุม
จะมีใครต้องรับผิดชอบ ก็คงต้องว่าตามระบบตรวจสอบ และกระบวนการยุติธรรม
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับการเลือกปฏิบัติช่วยเหลือ น.ช.ทักษิณ ระหว่างรับโทษ ก็ต้องรับผิดชอบ ต่อสู้คดีไปตามปกติเช่นกัน ว่าปล่อยให้ทักษิณไปนอนรพ.ตำรวจ ชั้น 14 เกิน 120 วันได้อย่างไร ถูกต้องตามกฎระเบียบหรือไม่ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่?
ส่วนคดีอื่นๆ เช่น คดี ม.112 ที่อดีตอัยการสูงสุดเคยสั่งฟ้องไว้ ทักษิณก็ต้องไปต่อสู้คดีต่อไปตามปกติ
5. คดีนักการเมือง กลุ่มการเมือง ฯลฯ
เดือนแรกของปี 2567 ก็มีคดีให้จับตาหลายคดี อาทิ
คดียิ่งลักษณ์ย้ายถวิล เปลี่ยนศรี เอื้อญาติ ศาลฎีกาฯยกฟ้อง อัยการสูงสุดจะอุทธรณ์หรือไม่? รู้กันภายใน ม.ค.นี้
คดีศาลปกครองสูงสุด เรียกค่าสินไหมทดแทนจำนำข้าวจากยิ่งลักษณ์ 35,000 ล้าน ศาลปกครองกลางยกคำร้อง รอศาลปกครองสูงสุดเร็วๆ นี้
คดีพันธมิตร ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษา กรณีชุมนุมที่สนามบิน ท่าอากาศยานดอนเมืองและท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ คดีแรก ชุด 1 ฟังคำพิพากษา 17 ม.ค. 2567, คดีที่สอง ชุด 2 ฟังคำพิพากษา 29 มี.ค. 2567
คดีนายพิธา หุ้นสื่อ ศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัย 24 ม.ค.นี้
คดีนายพิธาและพรรคก้าวไกล หาเสียงนโยบายแก้หรือเลิก ม.112 ขัดรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัย 31 ม.ค.นี้
คดี 112 ของมายด์ แกนนำม็อบสามนิ้วอีกคน ล่าสุด ศาลนัดอ่านคำพิพากษา 31 ม.ค. 2567 นี้
คดี 112 ของแอมมี่ นักร้องแนวร่วมม็อบสามนิ้ว จากกรณีเผาพระบรมฉายาลักษณ์เพื่อจาบจ้วงลบหลู่ดูหมิ่นสถาบัน ล่าสุด ศาลอาญานัด 15 ม.ค. 2567
คดีอาญา 112 ของนายธนาธร เพนกวิน เบญจา กรณีโจมตีใส่ร้ายสถาบันเรื่องวัคซีน ก็ใกล้จะมีคำพิพากษาของศาลแล้ว (ก่อนหน้านี้ สส.ไอซ์โดนคุก 6 ปี มีปมบิดเบือนใส่ร้ายสถาบันเรื่องวัคซีนด้วย) ฯลฯ
ความหวังว่า จะออกกฎหมายนิรโทษกรรม คดี 112 ก็ริบหรี่ เพราะไร้เหตุผลรองรับ เป็นการเอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้องชัดเจน แถมสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เปิดทำประชาพิจารณ์ ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมฯ ของก้าวไกล ปรากฏว่า มีผู้เห็นด้วย ให้การรับรองเพียง 28.37%
ขณะที่ผู้ไม่เห็นด้วย ไม่ให้การรับรองมีสูงถึง 71.32%
ยังไม่นับคดีอาญาของแกนนำคณะก้าวหน้าอีกหลายคดี? คดีรุกป่าของนายธนาธร พี่สาว และแม่ อัยการจะยื่นฟ้องใครบ้าง อย่างไร?
โดยสรุป การเมืองปี 2567
ผมมองว่า การเมืองปี 2567 อำนาจรัฐยังคงอยู่กับขั้วปัจจุบันต่อไป ประคับประคองสถานการณ์ และประนอมอำนาจ ปรับนโยบายตามสถานการณ์
ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแบบพลิกขั้วสุดโต่ง หากแม้นจะมีการปรับ ครม.หรือเปลี่ยนตัวนายกฯ ก็น่าจะยังคงอยู่ในขั้วปัจจุบัน
สันติสุข มะโรงศรี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี