ก่อนหน้าอภิปรายงบประมาณ 2567 ในวงเงินประมาณ 3.4 ล้านล้านบาท พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นแกนนำรัฐบาลประกาศล่วงหน้าห้ามอภิปรายพาดพิงถึงทักษิณ ชินวัตร ผู้ได้สมญานามนักโทษเทวดาที่เสวยสุขอยู่ในวิมาน “รอยัลสวีท” ชั้น 14 ที่มีนางฟ้าพยาบาล ปรนนิบัติพัดวี ยี่สิบสี่ชั่วโมง
ฟังอภิปรายงบประมาณอยู่สองวันพบว่าไม่มี สส.คนไหนในสภาทั้ง 500 คน กล้าฝืนคำประกาศิตพรรคเพื่อไทยในทางตรงกันข้ามคำว่า “ทักษิณ” ถูกพาดพิงในระหว่างการอภิปราย ในมิติยกย่องเทิดทูน “เป็นนักสร้างสันติภาพ และ เป็นผู้มีคุณูปการที่ทำให้คนไทยไม่กลายเป็นคนไข้อนาถา จากโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค” แน่นอนมีฝ่ายค้านอภิปรายเลียบเคียงบ้าง ก็ทำได้เพียงใช้โวหารเปรียบเปรย กระนั้นก็ตามยังถูกประท้วงขัดขวางโดย สส.พรรคเพื่อไทย ผู้ยึดถือ ทักษิณเป็นสรณะ เช่น..
..ช่วงที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายถึงงบประมาณกรมราชทัณฑ์ของกระทรวงยุติธรรมว่าตนสนับสนุนหากจะนำเงินไปยกระดับควบคุมผู้ต้องขัง ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล และหลักสิทธิมนุษยชน โปร่งใส ไม่เลือกปฏิบัติ โดยมีสถานที่เป็นเรือนจำ และ ทัณฑสถาน ครอบคลุมผู้ต้องขัง 2.8 แสนคนทั่วประเทศ ถ้ารัฐบาลดำเนินการเป็นไปตามวัตถุประสงค์
“ผมมีคำถามว่ารัฐบาลในฐานะผู้ใช้งบประมาณ ได้บริหารโครงการตามวัตถุประสงค์ โปร่งใสไม่เลือกปฏิบัติต่อผู้ต้องขัง 2.8 แสนคนหรือไม่ เพราะมีข้อเคลือบแคลงเกิดขึ้นในสังคมว่าทำไมรัฐบาลปล่อยให้นักโทษบางคนเข้าคุกทิพย์มาแล้วกว่า 120 วัน แต่ยังไม่เคยติดคุกจริงแม้แต่วันเดียว” นายจุรินทร์ อภิปรายถึงตอนนี้
...นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม สส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วง โดยกล่าวว่า ตนไม่คิดว่า นายจุรินทร์ อดีตรัฐมนตรีลากออกไปนอกประเด็น สไตล์เก่าๆ ตนไม่เห็นด้วยที่จะนำเรื่องข้างนอกเข้ามาสู่สภา
“ผมรู้ว่าคนที่นายจุรินทร์ กำลังพูดถึงคือ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ถูกกลั่นแกล้งไปอยู่เมืองนอก 17 ปี แต่ต้องเข้าใจว่าทุกครั้งที่ขออนุญาต มีใบรับรองจากอธิบดี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง” นายครูมานิตย์ เป็นผู้พาดพิงทักษิณเองโดยไม่ต้องออกจากปากฝ่ายค้าน แถมยังกล่าวว่า น.ช.ทักษิณ ถูกกลั่นแกล้ง ทั้งๆ ที่ศาลตัดสินเด็ดขาดโทษจำคุก 8 ปีในความผิดทุจริต และ น.ช.ทักษิณเอง ก็สารภาพผิดไว้ในฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษแล้ว
ด้าน พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ลุกขึ้นอภิปรายตอบโต้ในสภาถึงประเด็นที่สงสัยว่า ทำไม น.ช.ทักษิณ รักษาตัวในโรงพยาบาลเกิน 120 วัน และมีทีท่าจะอยู่นอกคุกต่อไม่มีกำหนดว่า เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และกฎกระทรวงตลอดถึงระเบียบกรมราชทัณฑ์ทุกประการ รมต.ทวียังกล่าวย้ำว่า ราชทัณฑ์ไม่ใช่สถานที่ทรมานคน เจ็บป่วยก็ไปรักษา และกล่าวด้วยว่า “ผมมองว่าท่านทักษิณเป็นนักสร้างสันติภาพ แม้ก่อนหน้านี้ท่านจะมองว่าไม่เห็นด้วยกับการยึดอำนาจ”
ไม่เป็นเรื่องแปลกที่ พ.ต.อ.ทวี อดีตผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอบต.) สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มอง“ทักษิณ” เป็นนักสร้างสันติภาพ พ.ต.อ.ทวี อาจมองต้นเหตุของความรุนแรงที่เกิดขึ้นในจังหวัดชายแดนใต้ที่ทำให้คนตายไปแล้วกว่าเจ็ดพันคนในห้วงเวลา 20 ปีที่ผ่านมา ต่างจากมุมมองของนายชวน หลีกภัย ที่มองว่า “เป็นผลจากนโยบายเชิงกระจอกและเป็นผลจากนโยบายใช้วิธีการนอกหลักนิติธรรม”
ในหนังสือกระทู้ถาม นายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 27 ธันวาคม 2566 เรื่องครบรอบ 20 ปีปล้นค่ายทหาร ในจังหวัดนราธิวาส วันที่ 4 มกราคม 2547 ที่ทหารเสียชีวิตสี่นาย อาวุธปืนชนิดต่างๆ หายไป 400 กว่ากระบอก ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความรุนแรงรอบใหม่ นายชวน ตั้งกระทู้ถามนายกรัฐมนตรี 5 ข้อ เช่นผู้ที่ปล้นอาวุธปืนค่ายปิเหล็งเป็นโจรกลุ่มไหน อาวุธที่ปล้นไปใช้ในการก่อความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนใต้หรือไม่ ได้ตามอาวุธคืนมาแล้วจำนวนเท่าไหร่ ฯลฯ
และในข้อที่ 4 กระทู้ นายชวนถามว่า “โดยการปล้นอาวุธปืนในวันที่ 4 มกราคม 2547 นี้ เป็นการปล้นอาวุธปืนครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ (ปล้นอาวุธนอกภาวะสงคราม) เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก ขอถามว่า ได้ศึกษาถึงสาเหตุที่เกิดขึ้นในครั้งนี้หรือไม่ หากมี ขอทราบรายงานการศึกษาดังกล่าว ข้อ 5 เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกโดยนโยบายมาตรการใด ขอให้ตอบในราชกิจจานุเบกษา..
จะเห็นได้ว่ากระทู้ถาม นายชวน เน้นถามว่า “ได้ศึกษาถึงสาเหตุของเกิดเหตุการณ์หรือไม่ และมีนโยบายมาตรการใดป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก” ซึ่งเป็นการถามราวเน้นย้ำประเด็น ที่นายชวนเคยบรรยายให้ นักศึกษาฟังว่า เหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นในจังหวัด ชายแดนใต้สาเหตุจากให้นโยบายผิดพลาดที่นำไปสู่การอุ้มหายอุ้มฆ่า และทรมาน ซึ่งย้อนแย้งกับคำพูดที่ว่า“เป็นนักสร้างสันติภาพ” และหากรัฐมนตรีทวีได้ศึกษานโยบายสงครามยาเสพติดที่มีคนถูกฆ่าตายกว่า 2,500 ศพกับคำพูดที่ว่า “ถ้าจะมีผู้ค้ายาตายไปบ้าง ก็เป็นเรื่องปกติ บางทีถูกยิงตายแล้ว ต้องถูกยึดทรัพย์ด้วย ผมคิดว่าเราต้องเหี้ยมพอกัน เรื่องยาเสพติดเป็นเรื่องสำคัญอันตรายต่อความมั่นคงของชาติที่เราต้องทำสงครามสู้รบให้แตกหัก และ
เป็นเรื่องจำเป็นที่มีการบาดเจ็บบ้าง ที่อยู่ของขบวนการค้ายาเสพติดจึงมีอยู่ 2 ที่ คือถ้าไม่ไปคุก ก็ไปวัด” นโยบายที่สั่งด้วยวาจา น่าจะย้อนแย้งกับการมองว่า “เป็นนักสร้างสันติภาพ”
นอกจากนั้น นายรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายถึงเหตุการณ์ปล้นอาวุธปืนในค่ายปิเหล็ง ด้วยว่า บัดนี้รู้แล้วว่าโจรที่ปล้นค่ายทหารเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2547 เป็นกลุ่มบีอาร์เอ็น นอกจากนั้นนายรอมฎอน ยังอภิปรายถึงข้อบกพร่องการแก้ปัญหาความรุนแรงในจังหวัดชายแดนใต้
แต่น่าเสียดายที่นายรอมฎอน ตัดตอนอภิปรายถึงความผิดพลาดในการแก้ปัญหาจำกัดห้วงเวลาเก้าปีที่ผ่านมา ราวกับจะเน้นให้เห็นความผิดพลาดในรัฐบาลก่อนหน้า โดยไม่กล้าพูดถึงรัฐบาล ที่เป็นต้นเหตุของความเลวร้ายที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2547 และสิ่งที่ สส.ก้าวไกลกล่าวปิดท้ายคือ “เรียกร้องให้รื้อฟื้นคดีตากใบ ที่มีคนตายแปดสิบกว่าศพ นี้เป็นที่ยืนยันว่าทั้ง สส.รัฐบาล และ สส.ฝ่ายค้านไม่กล้าอภิปรายให้กระทบกระเทือนถึงผู้นำรัฐบาลในเวลานั้น (ปี 2547)
นอกจาก รัฐมนตรียุติธรรม ที่ยกให้ น.ช.ทักษิณ เป็น นักสร้างสันติภาพ แล้ว ยังมีสส.เพื่อไทยอย่างน้อยห้าคน ที่อภิปรายยกย่องเทิดทูลทักษิณ อาทิ สส.ชญาภา สินธุไพร ผู้อภิปรายงบประมาณกระทรวงสาธารณสุขว่า ในปี 2567 กระทรวงสาธารณสุขได้รับจัดสรรงบประมาณ 165,726.2 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2566 จำนวน 13,462.3 ล้านบาท คิดเป็น 8.84% หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 9% และเมื่อศึกษาดูรายละเอียดแล้วพบว่า งบประมาณที่เพิ่มขึ้นถูกจัดสรรเพื่อรองรับนโยบายรัฐบาลที่ต้องการยกระดับ 30 บาทรักษาทุกโรค
สส.ชญาภา อภิปรายว่า นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค #ถือกำเนิดในสมัยรัฐบาล ดร.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนโยบายที่ประสบความสำเร็จ และพลิกโฉมระบบสาธารณสุของประเทศไทย ทำให้ประชาชนมีหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ส่งผลให้คนไทยทั้งประเทศเข้าถึงบริการที่มีมาตรฐาน โดยไม่ต้องล้มละลายจากการเจ็บป่วย เพราะการเจ็บป่วยไม่ควรมีใครเป็นผู้ป่วยอนาถา
สรุปว่าคำประกาศิตของพรรคเพื่อไทยที่ห้ามไม่ให้พาดพิงถึงทักษิณ (ในแง่ลบ) สัมฤทธิผลเกินความคาดหมาย เพราะนอกจากไม่ได้ยินคำอภิปรายในทางร้ายแล้ว ตรงกันข้ามคำอภิปรายจากรัฐมนตรี และสส.หลายราย ทำให้ทักษิณ กลายเป็นนักสร้างสันติภาพ ทักษิณมีคุณูปการต่อสังคมไทยผู้ริเริ่มนโยบายทำให้คนไทยไม่เป็นคนไข้อนาถา ในทัศนะของ สส.รัฐบาลและฝ่ายค้านบางคน
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี