อุบัติเหตุรถทัวร์โดยสารประจำทางเสียหลักลงไหล่ทางชนกับต้นไม้ใหญ่ บริเวณถนนเพชรเกษม ฝั่งขาล่องใต้กม.331+450 ด้านซ้ายทาง (ไหล่ทาง) หน้าอุทยานแห่งชาติหาดวนกร ต.ห้วยยาง อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 2566 เวลาประมาณเที่ยงคืนเศษ มีผู้เสียชีวิต 15 ศพ ถือเป็นหนึ่งในอุบัติเหตุใหญ่มีความสูญเสียจำนวนมาก ได้จุดกระแสเรียกร้อง “ยกเลิกรถบัส 2 ชั้น” ขึ้นมาอีกครั้ง เนื่องจากรถประเภทนี้ถูกมองว่าเพิ่มความเสี่ยงสูญเสียมากหากเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุหากคนขับไม่ชำนาญทั้งการควบคุมรถและเส้นทาง
ผศ.ดร.จินดา เจริญพรพาณิชย์ หัวหน้าห้องปฏิบัติการเทคโนโลยียานยนต์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาเครื่องกล สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) อธิบายถึง “จุดอ่อน” ของการใช้รถบัส 2 ชั้นในการเดินทาง มีความเสี่ยงมากกว่ารถบัสชั้นเดียว (หรือชั้นครึ่ง) อาทิ “ตำแหน่งศูนย์ถ่วงที่สูงขึ้น” เนื่องจากระดับความสูงของรถมากขึ้นทำให้มีผลต่อเสถียรภาพในการขับขี่ โดยเฉพาะในทางโค้ง หรือทางชัน
ดังนั้น “การขับขี่ให้ปลอดภัยอาจต้องขับให้ช้ากว่ารถบัสชั้นเดียว” โดยเฉพาะในบางเส้นทางที่มีความโค้งลาดชันมากไม่ควรใช้ นอกจากนี้ “เนื่องจากรถมีขนาดใหญ่ขึ้นน้ำหนักมากขึ้น ก็จะมีผลต่อระบบเบรก” ที่ต้องออกแบบให้เหมาะสมกับน้ำหนักรถ สุดท้ายคือ “ทางออกฉุกเฉิน” เนื่องจากมีพื้นที่เพิ่มขึ้น บรรจุคนได้มากขึ้น การเตรียมทางออกจากตัวรถต้องให้เพียงพอ สามารถหนีออกได้เร็วในขณะฉุกเฉินก็เป็นเรื่องสำคัญ
“มาตรฐานรถโดยสาร 2 ชั้น ที่ปลอดภัย ก็คล้ายกับรถโดยสารชั้นเดียว ชั้นครึ่ง ที่เพิ่มเติมขึ้นมาก็เป็นประเด็นเรื่องเสถียรภาพของการขับขี่ ระบบเบรก ทางออกฉุกเฉิน การทดสอบเสถียรภาพการเอียงของรถ (Tilt Test) ของกรมขนส่งทางบก ก็ช่วยคัดกรอง รถบัสสองชั้นที่มีความปลอดภัยได้ดีทีเดียว โดยการออกแบบรถสองชั้นให้มีเสถียรภาพ และผ่านการทดสอบการเอียงรถ ต้องออกแบบให้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ให้น้ำหนักด้านล่างมาก ด้านบนเบา
นอกจากมาตรฐานตัวรถแล้ว ที่สำคัญคือ การจำกัดความเร็ว (speed limit) ในบางเส้นทาง ต้องบังคับให้วิ่งช้ากว่า เพื่อความปลอดภัย บางเส้นทางที่มีความเสี่ยงควรห้ามใช้รถบัสสองชั้น ควรมีการตรวจสอบข้อมูลความเร็วรถที่ใช้งานจริง(GPS)ในแต่ละเส้นทางอย่างเข้มงวดในส่วนของผู้ขับอาจมีระเบียบให้ต้องผ่านการอบรม การทดสอบ ให้มั่นใจว่าสามารถควบคุมรถได้อย่างปลอดภัย” ผศ.ดร.จินดา กล่าว
ต่อคำถามที่ว่าควรยกเลิกรถบัส 2 ชั้น ทั้งหมดหรือไม่? ผศ.ดร.จินดา ให้มุมมองว่า หากจะยกเลิกทั้งหมดทีเดียวนั้นคงไม่เห็นด้วย แต่เห็นด้วยกับการควบคุมให้มีการใช้อย่างปลอดภัยมากขึ้น ทั้งในส่วนของตัวรถ และการบังคับใช้กฎหมาย ความเร็วในการขับขี่แต่ละเส้นทางอย่างเข้มงวด ควบคุมใบอนุญาตของผู้ขับ อาจยกเลิกเฉพาะเส้นทางมีความเสี่ยงอันตรายจริงๆ เท่านั้น
ขณะที่คำแนะนำถึงผู้ประกอบการเดินรถ เริ่มตั้งแต่การจัดหารถที่ได้มาตรฐาน มีความปลอดภัยสูง ทั้งเรื่องเสถียรภาพ โครงสร้าง ระบบเบรก ทางออกฉุกเฉิน และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ดูแลบำรุงรักษารถ ให้อยู่ในสภาพดีและปลอดภัยเสมอ ในส่วนของคนขับ ควรมีการอบรมการควบคุมรถอย่างถูกต้อง ใช้ความเร็วที่ปลอดภัย อุบัติเหตุจากการขับขี่ส่วนใหญ่นั้นเกิดจากความเร็วสูงเกินไปจนควบคุมไม่ได้
สำหรับผู้โดยสาร ให้เลือกใช้บริการจากผู้ประกอบการหรือให้บริการ ที่สามารถให้ข้อมูลอย่างละเอียดเกี่ยวกับความปลอดภัยในการให้บริการทั้งตัวรถ คุณสมบัติของผู้ขับ และการบริหารจัดการที่ทำให้มั่นใจว่ามีความปลอดภัย ไม่เลือกใช้บริการโดยดูที่ราคาเพียงอย่างเดียว สุดท้าย “หัวใจในการแก้ปัญหาน่าจะอยู่ที่ภาครัฐ” ในการควบคุม กำกับดูแล มาตรฐานตัวรถ การบังคับใช้กฎหมาย ให้เข้มงวดรัดกุม ในทางปฏิบัติควรมีระบบการติดตามดูข้อมูลจากการขับจริงอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะข้อมูลความเร็ว สภาพรถ และคุณสมบัติผู้ขับ จะช่วยให้ลดปริมาณอุบัติเหตุได้
ทางด้าน รศ.ดร.ปรีดา จาตุรพงศ์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมโยธา สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ชี้ 7 ข้อควรระวัง ที่อาจส่งผลให้รถบัสสองชั้นมีความเสี่ยงสูงกว่าต่อการเกิดอุบัติเหตุเมื่อเทียบกับรถโดยสารชั้นเดียว ได้แก่ 1.ความสูงและจุดศูนย์ถ่วง รถสองชั้นมีจุดศูนย์ถ่วงสูงกว่ารถชั้นเดียว ทำให้เสี่ยงพลิกคว่ำได้ง่ายกว่า โดยเฉพาะในช่วงทางเลี้ยวหักศอก หรือเมื่อต้องเดินทางในภูมิประเทศที่ไม่ราบเรียบ
2.ความไวของลม ด้วยโครงสร้างที่สูงขึ้น รถสองชั้นอาจมีความไวต่อลมพัดแรงมากกว่า ซึ่งอาจส่งผลต่อเสถียรภาพและการควบคุม 3.การกระจายน้ำหนักที่เหมาะสม รถโดยสารสองชั้นจำเป็นต้องบรรทุกอย่างระมัดระวังเพื่อให้แน่ใจว่ามีการกระจายน้ำหนักอย่างเท่าเทียมกัน 4.ประสบการณ์และการฝึกอบรมผู้ขับขี่ การขับรถบัสสองชั้นต้องใช้ทักษะและการฝึกอบรมเพิ่มเติมเมื่อเปรียบเทียบกับรถบัสชั้นเดียว ผู้ขับขี่ที่ไม่มีประสบการณ์หรือผ่านการฝึกอบรมไม่เพียงพออาจเสี่ยงต่ออุบัติเหตุได้มากกว่า
5.โครงสร้างพื้นฐานของถนน บางเส้นทางอาจไม่เหมาะสำหรับรถโดยสารสองชั้น เช่น เลนแคบ สะพานต่ำหรือทางลาดชัน การวางแผนเส้นทางที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ 6.สภาพการจราจร ความหนาแน่นของการจราจรที่สูงขึ้นในเขตเมืองอาจทำให้เกิดความท้าทายสำหรับรถโดยสารสองชั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเลี้ยว หรือการเปลี่ยนเลน และ 7.การซ่อมบำรุงอย่างสม่ำเสมอ มีความสำคัญเป็นพิเศษสำหรับรถโดยสารสองชั้นเนื่องจากความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้น การละเลยการบำรุงรักษาอาจนำไปสู่ความล้มเหลวทางกลไกซึ่งส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุได้
ทั้งนี้ ควรหลีกเลี่ยงการใช้รถ 2 ชั้น ในเส้นทางที่มีทางโค้งที่อันตรายและมากเกินไป รวมถึงเส้นทางที่มีโอกาสการเหยียบเบรกบ่อยๆ เช่น ทางขึ้น-ลง ภูเขา หรือทางชันมากๆ เพื่อลดความเสี่ยงจากความผิดพลาดของผู้ขับขี่ที่ไม่ชำนาญ ส่วนการขับขี่บนทางราบตรงสามารถทำได้โดยจำกัดความเร็ว แต่ละที่นั่งต้องมีเข็มขัดนิรภัยที่มีมาตรฐานเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารมีทางออกฉุกเฉินหลายทาง รวมถึงมีประตูหลังคาและประตูด้านข้างด้วย
มีเครื่องดับเพลิงและระบบดับเพลิงอัตโนมัติ ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) ขณะเบรก ควรมีขีดจำกัดน้ำหนักรวมยานพาหนะสูงสุด โดยตั้งค่าเพื่อป้องกันการบรรทุกเกินและรักษาความปลอดภัยบนท้องถนน ใช้เทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงที่อาจรวมถึงระบบเรดาร์หรือกล้อง GPS Tracking : ช่วยให้สามารถตรวจสอบตำแหน่งของรถบัสแบบเรียลไทม์ รวมทั้งระบบสื่อสารฉุกเฉินสำหรับผู้ขับและผู้โดยสาร
“อยากให้เน้นเรื่องการได้รับใบอนุญาตขับขี่ของรถโดยสารสองชั้น ควรมีการผ่านการอบรมและมีการได้รับใบขับขี่ที่เข้มข้นกว่ารถบัสชั้นเดียว เพราะต้องใช้ทักษะและการฝึกอบรมเพิ่มเติมเมื่อเปรียบเทียบกับรถบัสชั้นเดียวซึ่งควรหาเจ้าภาพในการรับผิดชอบในเรื่องนี้ การได้ใบขับขี่ของทุกยานพาหนะควรมีการปรับปรุงการสอบและประเมินให้มีความเข้มข้นและเน้นความปลอดภัยให้มากขึ้น”รศ.ดร.ปรีดา กล่าว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี