เมื่อสถาปนากรมพระราชวังบวรวิไชยชาญแล้ว ขณะนั้นการบูรณะพระธาตุพนมวังหน้าเสร็จสิ้นสมบูรณ์ และพระสมเด็จรุ่นสองแผ่นดินก็ได้จัดทำขึ้นครบถ้วนสมบูรณ์ดีแล้ว จึงกราบบังคมทูลตั้งการพิธีมหาพุทธาภิเษก เป็นพิธีหลวงใหญ่สุดนับตั้งแต่สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์เพื่อทำการปลุกเสกพระสมเด็จรุ่นสองแผ่นดินนั้น
เหตุที่ได้ชื่อว่าการพิธีมหาพุทธาภิเษกทั้งที่การปลุกเสกพระเครื่องแต่โบราณมาจะเรียกแต่เพียงว่าพิธีพุทธาภิเษก คือ การปลุกเสกมวลสารทั้งหลายให้เป็นพระแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่เรียกเป็นพิธีมหาพุทธาภิเษกก็เพราะถือว่าเป็นการใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สถาปนากรุงรัตนโกสินทร์อย่างหนึ่ง และตัวพิธีเองก็เป็นพิธีใหญ่มาก ไม่เคยปรากฏมาก่อน
การตั้งการพิธีมหาพุทธาภิเษกครั้งนี้ก็เพื่อจะแก้เคล็ดจากอาเพศที่พระธาตุพนมวังหน้าพังทลายลงเพื่อประสงค์ที่จะให้พระบรมราชจักรีวงศ์ได้ยืนยงสถาพรต่อไปจนพ้นเวลา 150 ปี นับตั้งแต่มีการวางหลักเมืองกรุงเทพฯ ซึ่งมีคำพยากรณ์ว่าราชวงศ์จักรีจะตั้งอยู่ได้เพียง 150 ปี การที่พระธาตุพนมวังหน้าพังทลายลงก็ถือว่าเป็นอาเพศ เป็นคำเตือน จัดเป็นนานาวิการที่ผู้ชำนาญการนิมิตและลางทั้งหลายเห็นเป็นอันตรายที่จะต้องป้องกันแก้ไข ซึ่งเป็นการต้องใจของบรรดาพระบรมวงศานุวงศ์ ตลอดไปถึงองค์สมเด็จพระมหากษัตริย์ นั่นอย่างหนึ่ง
อีกประการหนึ่ง เนื่องจากการพิธีนี้เป็นพิธีใหญ่มาก มีการนิมนต์พระเกจิอาจารย์สำคัญทั่วประเทศมาทำพิธีพุทธาภิเษก โดยฝ่ายสงฆ์นั้นมีเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เป็นประธาน ส่วนฝ่ายฆราวาสมีกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญเป็นองค์ประธาน
การพิธีมหาพุทธาภิเษกนี้จึงถือได้ว่าเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) เป็นเจ้าภาพฝ่ายสงฆ์และเป็นเจ้าพิธีโดยตรง ดังนั้นจึงนอกจากมีพระเกจิอาจารย์สำคัญจากทั่วประเทศมาร่วมการปลุกเสกแล้ว เจ้าประคุณสมเด็จจึงสั่งให้ตั้งอาสนะเปล่าไว้สองที่ แล้วเข้าฌานสมาบัติเชิญหลวงปู่ทวด วัดช้างให้และหลวงปู่เทพโลกอุดรให้มาร่วมพิธีมหาพุทธาภิเษกในครั้งนี้ด้วย
ว่ากันว่าในระหว่างพิธีมหาพุทธาภิเษกนั้น อาสนะเปล่าสองที่ที่ตั้งไว้ได้บังเกิดเงาลางๆ เป็นพระภิกษุสงฆ์ชราสองรูปร่วมพิธีมหาพุทธาภิเษกด้วย
อันหลวงปู่ทวดนั้นเป็นพระมหาเถราจารย์ตั้งแต่ครั้งสมัยสมเด็จพระเอกาทศรถแห่งกรุงศรีอยุธยา ซึ่งเป็นที่นับถือของเจ้าประคุณสมเด็จมาตั้งแต่ครั้งออกธุดงค์ไปทางใต้ ซึ่งว่ากันว่าไปถึงวัดช้างให้ และเป็นที่มาของการสร้างพระหลวงปู่ทวดโดยเจ้าประคุณสมเด็จด้วย ซึ่งหลวงปู่ทวดนั้นแม้ท่านดับขันธ์ไปตั้งแต่ยุคกลางอยุธยา แต่เจ้าประคุณสมเด็จก็ทราบว่ามิได้ดับสูญหายไปไหนยังคงแผ่บารมีปกป้องคุ้มครองชาวภาคใต้ให้เป็นที่ประจักษ์อยู่เนืองๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ชาวบ้านวัดพะโคะชาวบ้านอำเภอระโนด และชาวบ้านแถววัดช้างให้ต่างก็ได้สัมผัสและรู้เห็นกันเป็นประจำ
เช่น บางครั้งมีโรคอหิวาต์ระบาดใหญ่ โดยเฉพาะในช่วงยุคสงครามโลกครั้งที่สอง ชาวบ้านอำเภอระโนดที่กำลังเก็บเกี่ยวข้าวก็เห็นพระสงฆ์รูปหนึ่งปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า เหาะลอยละลิ่วไปตลอดคาบสมุทรสทิงพระ หลังจากนั้นโรคอหิวาต์ก็หายไป
หรือเมื่อครั้งที่มีพายุใหญ่ที่แหลมตะลุมพุก มีผู้คนเสียชีวิตนับพันคน เหตุการณ์ในครั้งนั้นชาวบ้านแถวบ้านนางเหล้า บ้านวัดสน ซึ่งใกล้กับวัดพะโคะกำลังเก็บเกี่ยวข้าวอยู่ ก็เห็นดวงไฟดวงใหญ่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าทางด้านวัดพะโคะลอยวนเวียนอยู่ทั่วทั้งบาง จากนั้นพายุใหญ่ที่มีข่าวแต่ต้นว่าจะพัดเข้าที่คาบสมุทรสทิงพระก็ผ่านพ้นเลยไป
เพราะเหตุนี้ชาวภาคใต้ตั้งแต่จังหวัดสงขลาตลอดไปถึงจังหวัดปัตตานีจึงมีความเชื่อเหมือนกันว่าแม้หลวงปู่ทวดจะดับขันธ์ไปร่วม 400 ปีแล้ว แต่ท่านยังไม่ไปไหนยังปกป้องคุ้มครองลูกหลานอยู่จนถึงปัจจุบันนี้
ส่วนหลวงปู่เทพโลกอุดรนั้น เป็นพระมหาเถระที่ไม่มีใครรู้ว่าเป็นใครมาจากไหนและมีประวัติเป็นมาอย่างไร แต่บรรดาผู้รู้ตลอดแนวชายแดนไทย-พม่า ก็มีความเชื่อเป็นอย่างเดียวกันว่าหลวงปู่เทพโลกอุดรเป็นชื่อเรียกภาษาไทย แท้จริงแล้วท่านเป็นพระอรหันตสาวกในสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้เข้าไปกราบขอพุทธานุญาตพระพุทธองค์ว่าจะไม่ขอนิพพาน แต่จะขอดำรงขันธ์ไว้ตลอดชั่วพุทธันดร 5,000 ปี เพื่อปกป้องดูแลพระพุทธศาสนาให้จีรังยั่งยืนเป็นประโยชน์แก่เหล่าสัตว์ทั้งหลายก็ได้รับพุทธานุญาต และว่ากันว่าท่านคือพระอรหันตสาวกรูปเดียวที่ไม่ได้ปรินิพพานในยุคนั้น และเชื่อกันว่าท่านได้ไปจำพรรษาอยู่ที่เมืองบาดาล และชาวพม่าได้เคารพนับถืออย่างยิ่ง เรียกขานท่านว่าพระมหาเถรอุปคุต
ในประเทศไทยของเราก็เคยมีการทำพระกริ่งที่เรียกว่าพระบัวเข็ม มีรูปพระสงฆ์มีใบบัวคลุมอยู่บนศีรษะ นั่นคือพระมหาเถรอุปคุต และเนื่องจากท่านมิได้ปรินิพพาน ดังนั้นจึงมีเหตุการณ์มากหลายที่มีเหตุการณ์ที่พระภิกษุรูปหนึ่งปรากฏขึ้นช่วยเหลือประชาชนทั้งชาวพม่าและชาวไทยอยู่เสมอๆ ซึ่งทางฝ่ายไทยเรียกท่านว่าหลวงปู่เทพโลกอุดร
เจ้าประคุณสมเด็จก็ทราบกิตติศัพท์และเรื่องราวของหลวงปู่เทพโลกอุดรเป็นอย่างดี ดังนั้นในระหว่างธุดงค์ได้สร้างพระเครื่องเป็นพระผงขึ้นรุ่นหนึ่ง ตั้งสมมุติเป็นหลวงปู่เทพโลกอุดร และแม้ในปัจจุบันนี้ก็ปรากฏข่าวอยู่เนืองๆ ว่าที่นั่นที่นี่ได้ปรากฏพระสงฆ์ชรารูปหนึ่งออกมาช่วยเหลือชาวบ้านชื่อว่าหลวงปู่เทพโลกอุดร
ดังนั้นหลวงปู่เทพโลกอุดรจึงเป็นที่รู้จักของผู้เรืองปัญญาวิชาคมทั้งหลาย และเพราะเหตุนี้พิธีมหาพุทธาภิเษกในครั้งนี้เจ้าประคุณสมเด็จจึงถึงกับลงแรงเข้าฌานสมาบัติอาราธนาทั้งหลวงปู่ทวดและหลวงปู่เทพโลกอุดรมาร่วมพิธีมหาพุทธาภิเษกด้วย
เมื่อทำพิธีมหาพุทธาภิเษกแล้วเสร็จก็มีการนำพระรุ่นสองแผ่นดินเข้าบรรจุกรุ และแจกจ่ายแก่บรรดาขุนนางข้าราชการและพ่อค้าชาวจีนที่มีส่วนร่วมในการจัดทำ ว่ากันว่าจำนวนหนึ่งพ่อค้าชาวจีนได้นำกลับไปที่ประเทศจีน ซึ่งในระยะปัจจุบันนี้ก็มีปรากฏเป็นข่าวการปรากฏของพระรุ่นสองแผ่นดินในประเทศจีนอยู่เนืองๆ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี