วันจันทร์ ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / บ้านเกิดเมืองนอน
บ้านเกิดเมืองนอน

บ้านเกิดเมืองนอน

สิริอัญญา
วันอังคาร ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567, 02.00 น.
การเมือง...เบื้องหลังพระสมเด็จ (25)

ดูทั้งหมด

  •  

พระสมเด็จที่วังหลวงสร้างและมีผลต่อเนื่องทั้งทางการเมืองและทางพระเครื่องมากที่สุดรุ่นหนึ่งก็คือรุ่นเฉลิมพระปรมาภิไธย จปร. ที่สร้างขึ้นราวปีพ.ศ. 2411 หลังฉลองพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 1 ปี และมีต้นแบบมาจากพระสมเด็จวังหลัง

วังหลังได้ร่วมสร้างพระสมเด็จในโอกาสฉลองพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 1 ปีใน พ.ศ. 2511 ด้วย เป็นแต่ว่าช่วงเวลานั้นไม่มีกรมพระราชวังหลังแล้ว เพราะนับแต่กรมพระราชวังหลังได้สิ้นพระชนม์ในสมัยรัชกาลที่ 3 ก็มิได้สถาปนาเชื้อพระวงศ์พระองค์ใดขึ้นเป็นที่กรมพระราชวังหลังเลย และมิได้มีการสถาปนาตลอดมา จึงเป็นอันสิ้นสุดกรมพระราชวังหลังตั้งแต่บัดโน้น


เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสวยราชย์ จึงไม่มีกรมพระราชวังหลัง บรรดาลูกหลานและบริษัทบริวารทั้งหลายก็กระสานซ่านเซ็น ไปรับราชการอยู่ในที่ต่างๆ ทั้งในวังหลวง วังหน้า สำนักสมเด็จเจ้าพระยา และกรมอื่นๆ ด้วยสภาพเช่นว่านี้จึงทำให้ฐานะของเชื้อสายกรมพระราชวังหลังเดิมไม่ได้มีความมั่งคั่งเหมือนดั่งแต่ก่อน แต่กระนั้นก็ยังมีน้ำใจร่วมถวายความจงรักภักดีคือร่วมสร้างพระสมเด็จในมหามงคลสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 เสวยราชย์ครบ 1 ปี

เนื่องจากฐานะทางการเงินไม่ได้มั่งคั่งจึงไม่มีทางที่จะแสวงหามวลสารสำคัญเหมือนกับพระสายวัด สายวัง หรือสายอื่นๆ ได้ การทำพระสมเด็จที่ง่ายที่สุดคือการทำเป็นโลหะที่มีแบบแล้วก็หล่อเอา โดยใช้แบบพระประธานวัดระฆัง และเท่าที่ปรากฏก็ชัดเจนว่าพระสมเด็จที่สายวังหลังสร้างมีเพียงรุ่นเดียวเท่านั้นคือรุ่นที่หล่อจากโลหะ โดยช่างบ้านช่างหล่อเป็นผู้ออกแบบ ถือเอาแบบพิมพ์พระประธานวัดระฆังเป็นแบบหลัก

เนื่องจากเป็นพระสายวังอีกสายหนึ่ง ดังนั้นจึงมีการทำพิเศษเพิ่มเติมคือพระสายวังหลังรุ่นนี้ได้ลงรักปิดทองด้านหน้า และลงรักฝังมุกด้านหลัง โดยใช้มุกจากเวียดนามซึ่งมีราคาถูกกว่ามุกจากเมืองจีนแต่คุณภาพของเนื้อมุกนั้นหยาบและกระด้างกว่า

ทางเชื้อสายกรมพระราชวังหลังคงได้ช่างย่านบ้านพรานนก บ้านช่างหล่อ ในการลงรักฝังมุก ดังนั้นฝีมือจึงหยาบกว่าฝีมือของกรมช่างสิบหมู่ของวังหลวงหรือวังหน้ามากมาย

ลักษณะเด่นพิเศษของพระสมเด็จสายวังหลังคือด้านหลังองค์พระที่ลงรักฝังมุกนั้นมีองค์ประกอบสองส่วน คือลวดลายซึ่งมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด และมีอักษรย่อ จปร. ซึ่งเป็นแบบใหม่ที่ทำขึ้นเป็นครั้งแรก ดังนั้นพระสายวังหลังจึงมีด้านหลังองค์พระแตกต่างจากสายอื่น คือลงรักฝังมุกเวียดนาม ฝีมือหยาบมุกด้าน ลวดลายสี่เหลี่ยมก็หยาบมาก จุดเด่นอยู่ตรงที่ตราพระปรมาภิไธย จปร. ที่ปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรก

เพราะแต่ก่อนมานั้นสัญลักษณ์ของสมเด็จพระมหากษัตริย์มักนิยมใช้ตราสัญลักษณ์อย่างอื่น เช่น ช้าง ถุงเงิน ตราแผ่นดิน ตราพระเกี้ยว หรือกระทั่งตราพระมหาพิชัยมงกุฎอันเป็นตราพระราชลัญจกรในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวไม่เคยปรากฏว่ามีตราเป็นตัวหนังสือมาก่อนเลย

แต่ดูเหมือนว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 อาจมีพระราชดำริเป็นการภายในที่มีพระราชประสงค์จะใช้ตัวหนังสือเป็นตราสัญลักษณ์แทนให้เป็นแบบอย่างยุโรป จึงเคยพบการใช้อักษรย่อ จจ. แทนตราพระปรมาภิไธยมาก่อน ดังนั้น
เมื่อพระสมเด็จสายวังหลังปรากฏขึ้นและวางอักษร จปร. เป็นตราพระปรมาภิไธยเป็นจุดเด่น ว่ากันว่าเป็นที่ต้องพระทัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นที่ยิ่ง

เป็นไปได้ว่าสอดคล้องกับพระราชประสงค์ที่จะเปลี่ยนตามพระปรมาภิไธยให้เป็นตัวอักษรและรูปแบบ จปร. ที่วังหลังได้ออกแบบไว้ด้านหลังพระสมเด็จนั้นสวยสง่างาม อาจจะมีลักษณะเป็นสากลในยุคนั้นจึงเป็นที่ต้องพระทัย

และเมื่อมีพระราชนิยมต้องพระทัยในลักษณะนี้ ความก็ทราบไปยังบรรดาข้าราชการขุนนางและเชื้อพระวงศ์ทั้งหลายด้วย โดยเฉพาะความชัดเจนแห่งพระราชนิยมนั้น

เพราะช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาที่ทางวังหลวงกำลังตกลงว่าจ้างเมืองจีนสร้างเครื่องเคลือบดินเผารูปแบบต่างๆ จำนวนมาก ทั้งถ้วยโถโอชามจานแจกันและอื่นๆ มีลักษณะเป็นเครื่องลายคราม ว่ากันว่ามีพระราชกระแสให้กระทรวงวังใช้ตรา จปร. แบบเดียวกันกับตรา จปร. ด้านหลังพระสมเด็จวังหลังเป็นตราสัญลักษณ์ของเครื่องเคลือบดินเผาทั้งหมด

ดังนั้นพระราชนิยมดังกล่าวจึงเป็นที่ทราบและฮือฮากันโดยทั่วไป และเป็นธรรมดาของระบอบการปกครองในสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมี
พระราชนิยมไปในทางใด กระแสนิยมก็จะเป็นไปในทางนั้น

ต่อมาปรากฏว่าเมื่อการว่าจ้างทำเครื่องเคลือบดินเผาสำเร็จจัดส่งเข้ามาที่สยามแล้วก็ได้ใช้ในงานพระราชพิธีต่าง ๆเป็นประจำ และได้พระราชทานบางชิ้นแก่เชื้อพระวงศ์และขุนนางข้าราชการ ตลอดจนทูตต่างประเทศด้วย จึงทำให้ตราพระปรมาภิไธย จปร. ดังกล่าว แม้ว่ายังมิได้ประกาศใช้เป็นทางการ แต่ก็เป็นที่รู้กันทั่วไปว่าเป็นตราพระปรมาภิไธยกึ่งทางการเป็นปกติแล้ว

เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชนิยมเช่นนั้น กระทรวงวังซึ่งกำลังทำพระสมเด็จหลายเนื้อและมวลสารหลายชนิด จึงได้นำแบบด้านหลังพระสมเด็จวังหลังมาเป็นแบบด้านหลังพระสมเด็จวังหลวงที่ทำขึ้นด้วย

แต่เนื่องจากกรมช่างสิบหมู่ของกระทรวงวังนั้นมีฝีมือช่างจัดจ้านนัก ดังนั้นแม้ว่าจะใช้มุกเวียดนามซึ่งเป็นมุกด้าน ราคาถูกกว่ามุกเมืองจีน แต่ฝีมือแกะสลักก็ประณีตกว่าพระสมเด็จวังหลังมากมายนัก

ลายรูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดด้านหลังพระและตราพระปรมาภิไธย จปร. ด้านหลังองค์พระก็งดงามเด่นชัดคมกริบ และน่าสังเกตว่าสีขาวของมุกเวียดนามที่ใช้ทำพระรุ่นนี้มีสีออกไปทางสีเหลือง ซึ่งต้องถือว่าเป็นมุกที่มีราคาสูงกว่ามุกที่มีสีขาว เพราะเป็นมุกที่เกิดและเติบโตในระดับน้ำลึกระดับกลางจึงทำให้มีสีแกมเหลือง และมุกสีเหลืองก็คือมุกที่เกิดและเติบโตในระดับน้ำเดียวกันนี้

ดังนั้นสีของมุกของพระสมเด็จวังหลวงรุ่นนี้ ทั้งลวดลายสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด และลายตราพระปรมาภิไธย จปร. แม้เป็นมุกเวียดนามแต่ก็มีสีออกแกมเหลืองคมชัดงดงามเป็นพิเศษ

หลังจากนั้นอีกหลายปีจึงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ใช้ตราพระปรมาภิไธย จปร. เป็นตราพระปรมาภิไธยประจำรัชกาล โดยประดับพระมหาพิชัยมงกุฎไว้ด้านบน และเป็นต้นแบบของตราพระปรมาภิไธยที่ใช้ตัวอักษรสามตัวประกอบพระมหาพิชัยมงกุฎมาจนถึงปัจจุบันนี้

พระสมเด็จวังหลัง ด้านหลังจะระบุ พ.ศ. 2411 และพระสมเด็จวังหลวงรุ่นนี้ก็ระบุ พ.ศ. 2411 ไว้ด้านหลังเช่นเดียวกัน ทั้งที่สร้างขึ้นหลังการครองราชสมบัติ 2 ปีแล้ว ก็พอเห็นเจตนาได้ชัดว่าเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งการฉลองครองสิริราชสมบัติ 1 ปีเช่นเดียวกัน

เซียนพระบางคนเข้าใจผิดกล่าวว่าพระรุ่นนี้เป็นพระปลอม โดยอ้างเอาเวลาที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ใช้ตราพระปรมาภิไธย จปร. เป็นหลัก ซึ่งมีขึ้นในราว พ.ศ. 2427 และอ้างว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้ตราพระปรมาภิไธย จปร. ในปี พ.ศ. 2411 จึงชี้ว่าเป็นพระปลอม แท้จริงเป็นความเข้าใจผิด เพราะลายพระปรมาภิไธยดังกล่าวต้นแบบคือพระสมเด็จวังหลัง ส่วนของวังหลวงนั้นทำเลียนแบบของวังหลังในปี พ.ศ. 2412 และเป็นช่วงหลังจากการทำเครื่องลายครามที่มีตรา จปร. ดังกล่าวแล้ว จึงถือได้ว่าเป็นต้นแบบของตราพระปรมาภิไธยที่มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ใช้ในภายหลัง โดยเพิ่มเติมพระมหาพิชัยมงกุฎประดับไว้ด้านบน ดังที่ปรากฏแบบอย่างมาจนถึงปัจจุบันนี้

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
12:10 น. ‘วิโรจน์’พร้อมยกมือให้‘นายกฯชั่วคราว’เพื่อผ่าน‘งบ 69’ แลกเงื่อนไขสิ้นปี‘ยุบสภา’
12:07 น. คอนเสิร์ตนั่งใกล้ 'เจ เจตริน'สุดมันส์! เซอร์วิสแฟนสุดฟิน! ใกล้ระยะประชิดตัว
12:03 น. รัฐบาลเตือนคนไทยอย่าเป็นนิมินีต่างชาติ ฝ่าฝืนมีโทษทั้งจำทั้งปรับ
12:00 น. ยังรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น'ใบเตย'เปิดใจโรคซึมเศร้ารุมเร้า'ดีเจแมน'ให้กำลังใจ
11:55 น. 80แต่ยังไหว! ‘มูเซเวนี’ลั่นพร้อมลงชิงเก้าอี้ปธน.‘ยูกันดา’อีกสมัย หากชนะจะครองอำนาจยาว4ทศวรรษ
ดูทั้งหมด
ปิดตำนาน156ปี! 'กษัตริย์ชาร์ลส์'ประกาศปลดระวาง'รถไฟหลวง' สมาชิกราชวงศ์ไปใช้รถไฟปกติแทน
หมอดังเผยเคยไม่เข้าใจ 'เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์' ทรงงานแม้พระอาการประชวร ก่อนป่วยมะเร็งเองจึงซึ้งพระทัย
บิ๊กเนม'ปชป.'ร่วมวงเพียบ!! 'คุณหญิงกัลยา'ตั้ง'พรรคไทยก้าวใหม่' พร้อมตั้ง'สุชัชวีร์'นั่งหัวหน้าฯ
'เท้ง'แย่แล้ว!! เจอขบวนรถทัวร์แห่คอมเมนต์แจกพยัญชนะไทยฉ่ำ!!
ชวนให้คิด! 'หมอพรทิพย์'โพสต์ 'นายกฯตระกูลชิน'กับระบบการเมืองไทย
ดูทั้งหมด
นักการเมิอง มนุษย์ประเภทไหน
ทางออกที่ไม่มีใครได้อะไรเต็ม 100% แต่ประเทศชาติไม่ตกหุบเหววิกฤต
บุคคลแนวหน้า : 7 กรกฎาคม 2568
บทบรรณาธิการ 7 กรกฎาคม 2568
งกครองโลก (2)
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

‘วิโรจน์’พร้อมยกมือให้‘นายกฯชั่วคราว’เพื่อผ่าน‘งบ 69’ แลกเงื่อนไขสิ้นปี‘ยุบสภา’

รัฐบาลเตือนคนไทยอย่าเป็นนิมินีต่างชาติ ฝ่าฝืนมีโทษทั้งจำทั้งปรับ

กระตุก‘รมว.วัฒนธรรม’ ปมคืนโบราณวัตถุให้เขมร อย่าโยงประเด็นการเมือง

80แต่ยังไหว! ‘มูเซเวนี’ลั่นพร้อมลงชิงเก้าอี้ปธน.‘ยูกันดา’อีกสมัย หากชนะจะครองอำนาจยาว4ทศวรรษ

‘ชูศักดิ์’รับหารืออำนาจ‘รักษาการนายกฯ’จริง โยนถามเลขากฤษฎีกาปมยุบสภา-ตั้งรมต.ใหม่

'อิ๊งค์'ยิ้มแย้ม เข้าทำเนียบ ร่วมประชุมคกก.จัดงานเฉลิมพระเกียรติ ในฐานะ รมว.วธ.

  • Breaking News
  • ‘วิโรจน์’พร้อมยกมือให้‘นายกฯชั่วคราว’เพื่อผ่าน‘งบ 69’ แลกเงื่อนไขสิ้นปี‘ยุบสภา’ ‘วิโรจน์’พร้อมยกมือให้‘นายกฯชั่วคราว’เพื่อผ่าน‘งบ 69’ แลกเงื่อนไขสิ้นปี‘ยุบสภา’
  • คอนเสิร์ตนั่งใกล้ \'เจ เจตริน\'สุดมันส์! เซอร์วิสแฟนสุดฟิน! ใกล้ระยะประชิดตัว คอนเสิร์ตนั่งใกล้ 'เจ เจตริน'สุดมันส์! เซอร์วิสแฟนสุดฟิน! ใกล้ระยะประชิดตัว
  • รัฐบาลเตือนคนไทยอย่าเป็นนิมินีต่างชาติ ฝ่าฝืนมีโทษทั้งจำทั้งปรับ รัฐบาลเตือนคนไทยอย่าเป็นนิมินีต่างชาติ ฝ่าฝืนมีโทษทั้งจำทั้งปรับ
  • ยังรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น\'ใบเตย\'เปิดใจโรคซึมเศร้ารุมเร้า\'ดีเจแมน\'ให้กำลังใจ ยังรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น'ใบเตย'เปิดใจโรคซึมเศร้ารุมเร้า'ดีเจแมน'ให้กำลังใจ
  • 80แต่ยังไหว! ‘มูเซเวนี’ลั่นพร้อมลงชิงเก้าอี้ปธน.‘ยูกันดา’อีกสมัย หากชนะจะครองอำนาจยาว4ทศวรรษ 80แต่ยังไหว! ‘มูเซเวนี’ลั่นพร้อมลงชิงเก้าอี้ปธน.‘ยูกันดา’อีกสมัย หากชนะจะครองอำนาจยาว4ทศวรรษ
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

บ้านเกิดเมืองนอน : 30 พฤศจิกายน 2567

บ้านเกิดเมืองนอน : 30 พฤศจิกายน 2567

30 พ.ย. 2567

ยิ่งลักษณ์จะกลับไทยก่อนสงกรานต์ปีหน้าหรือไม่

ยิ่งลักษณ์จะกลับไทยก่อนสงกรานต์ปีหน้าหรือไม่

26 พ.ย. 2567

ทรัมป์อาจชวดนั่งทำเนียบขาว

ทรัมป์อาจชวดนั่งทำเนียบขาว

23 พ.ย. 2567

อย่าหวังความเปลี่ยนแปลงจากชัยชนะของทรัมป์

อย่าหวังความเปลี่ยนแปลงจากชัยชนะของทรัมป์

19 พ.ย. 2567

ที่ดินอัลไพน์-เขากระโดง...ชนวนระเบิดสองพรรค

ที่ดินอัลไพน์-เขากระโดง...ชนวนระเบิดสองพรรค

16 พ.ย. 2567

ต้องร่วมกันพิทักษ์ความศักดิ์สิทธิ์ของความยุติธรรม

ต้องร่วมกันพิทักษ์ความศักดิ์สิทธิ์ของความยุติธรรม

12 พ.ย. 2567

โลกหลังทรัมป์คืนทำเนียบขาว

โลกหลังทรัมป์คืนทำเนียบขาว

9 พ.ย. 2567

ชัยชนะของจีนในเวทีต่างประเทศ

ชัยชนะของจีนในเวทีต่างประเทศ

5 พ.ย. 2567

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved