จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เดินมาสู่ “ความท้าทาย” ต่อ “เกียรติภูมิ” ทาง “วิชาการ” และความกล้าหาญทางจริยธรรมครั้งสำคัญ
1) นางวิรังรอง ทัพพะรังสี ประธานเครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการปฏิรูปประเทศ ในฐานะนิสิตเก่าคณะรัฐศาสตร์ รุ่น 30 ทำหนังสือถึง นายบัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า
จากกรณีที่เมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2567 ศาลอาญายกฟ้อง ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรณีนายณัฐพล ใจจริง ยื่นฟ้องหมิ่นประมาท เรื่องที่ ศ.ดร.ไชยันต์ ได้วิพากษ์วิจารณ์นายณัฐพล ว่า ใช้ข้อมูลที่ไม่มีอยู่จริงมาอ้างอิงเป็นส่วนหนึ่งในวิทยานิพนธ์และ พยายามบิดเบือนประวัติศาสตร์เพื่อสร้างกระแสความรู้สึกให้ผู้อ่านเกลียดชังสถาบันพระมหากษัตริย์
ข้าพเจ้าได้ทราบข่าวว่า คณะกรรมการสอบสวนของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งมี ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธาน ได้แต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิที่เชี่ยวชาญและเป็นกลาง ขึ้นมาตรวจสอบวิทยานิพนธ์ดังกล่าวตั้งแต่เดือน มีนาคม พ.ศ. 2564 โดยผู้ทรงคุณวุฒิได้ส่งผลการสอบสวนให้ท่านประธานคณะกรรมการฯ เรียบร้อยแล้ว เรื่องดังกล่าวได้ถูกนำเข้าสู่สภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสภาฯ ได้มีมติรับรองผลการสอบสวนวิทยานิพนธ์แล้ว
บัดนี้เวลาได้ผ่านไป 3 ปี จนศาลอาญายกฟ้อง ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร แล้ว แต่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยังไม่มีการประกาศผลการสอบสวนออกมา เพื่อเปิดเผยให้สังคมที่กำลังให้ความสนใจเป็นอย่างมากได้รับทราบ ข้าพเจ้าเห็นว่าเรื่องดังกล่าวมีความสำคัญ เนื่องจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ของประเทศ การเก็บเรื่องที่สำคัญมากเช่นนี้อย่างเงียบโดยไม่ชี้แจงแสดงผล และการที่มีข่าวลือว่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไม่มีอำนาจถอดถอนปริญญาดุษฎีบัณฑิตของนายณัฐพล ใจจริง เนื่องจากไม่มีระเบียบให้ถอดถอนปริญญาในกรณีตกแต่งข้อมูลเท็จ ทำให้มีผู้กล่าวถึงผู้บริหารจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในทางที่เสียหาย ข้าพเจ้าในนามนิสิตเก่า คณะรัฐศาสตร์ รุ่น 30 รู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเรื่องนี้ไม่เพียงทำให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเสื่อมเสียชื่อเสียง และผู้บริหารจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยถูกติฉินนินทา แต่เป็นเรื่องที่ทำให้ประชาชนโดยเฉพาะเยาวชนของชาติเข้าใจสถาบันพระมหากษัตริย์ผิดซึ่งจะมีผลลบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และความมั่นคงของชาติ จึงเป็นเรื่องที่ผู้บริหารจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยควรสำเหนียกให้มาก
เพื่อรักษาไว้ซึ่งเกียรติภูมิและความน่าเชื่อถือในการเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำด้านวิชาการของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเพื่อสืบสานพระปณิธานของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ได้ทรงประดิษฐานให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นสถานศึกษาทางวิชาการและวิชาชีพชั้นสูง
และเพื่อให้เป็นไปตามพระราชบัญญัติจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. 2551 ซึ่งระบุถึงภารกิจหลักของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยว่า เพื่อให้บัณฑิตของมหาวิทยาลัยมี “คุณธรรมกำกับความรู้ เพียบพร้อมด้วยสติปัญญาและจริยธรรม ใฝ่รู้ กอปรด้วยวิจารณญาณ จิตใจเสียสละ และความสำนึกรับผิดชอบต่อส่วนรวม”
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจึงต้องดำเนินการโดยยึดหลัก ความมีคุณธรรมควบคู่ไปกับความเป็นเลิศทางวิชาการ มาตรฐานและคุณภาพทางวิชาการอันเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ การนําความรู้ที่ถูกต้องสู่สังคม ความรับผิดชอบต่อรัฐและสังคม ตลอดจนประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการบริหารที่โปร่งใส เปิดเผยข้อมูลให้สาธารณชนได้รับทราบและสามารถตรวจสอบได้ตามนโยบายการบริหารงานของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยภายใต้แนวคิด “Open to Transparency”
ข้าพเจ้าจึงขอกราบเรียนท่านอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดังนี้
1.ขอให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยมติของคณะกรรมการสอบสวนวิทยานิพนธ์ปริญญาเอก ของนายณัฐพล ใจจริง เรื่อง “การเมืองไทยสมัยรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ภายใต้ระเบียบโลกของสหรัฐอเมริกา (พ.ศ.2491 - 2500)” ให้ข้าพเจ้าและสาธารณชนทราบ
2.ขอทราบว่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ดำเนินการอย่างไรแล้วบ้าง หลังสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้รับรองมติดังกล่าว
3.ถ้ายังไม่ได้ดำเนินการใดๆ ขอทราบว่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จะดำเนินการเมื่อใด และอย่างไร
4.ถ้าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไม่มีอำนาจถอดถอนปริญญาดุษฎีบัณฑิตของนายณัฐพล ใจจริง เนื่องจากไม่มีระเบียบให้ถอดถอนปริญญาในกรณีตกแต่งข้อมูลเท็จ
ข้าพเจ้าขอทราบว่า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจะ “ถอดถอนวิทยานิพนธ์” ของนายณัฐพล ใจจริง แทนได้หรือไม่เนื่องจากการถอดถอนวิทยานิพนธ์ก็น่าจะมีผลต่อวิทยฐานะของนายณัฐพล ใจจริง โดยไม่ต้องถอดถอนปริญญา ข้าพเจ้าจึงขอร้องเรียนให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย “ถอดถอนวิทยานิพนธ์” นั้นโดยเร็วที่สุด แล้วแจ้งให้ข้าพเจ้าและสาธารณชนรับทราบด้วย
5.ถ้าข่าวลือว่าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไม่สามารถถอดถอนปริญญาดุษฎีบัณฑิตของนายณัฐพล ใจจริง เนื่องจากไม่มีระเบียบในเรื่องนี้ เป็นความจริง ข้าพเจ้าขอร้องเรียนให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยปรับปรุงระเบียบจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้รัดกุมและครอบคลุมบทลงโทษเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต
6.ขอทราบนามอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ของนายณัฐพล ใจจริง
จึงกราบเรียนมาเพื่อขอคำตอบทุกข้อภายใน 15 วันตามกฎหมายข้อมูลข่าวสารทางราชการ พ.ศ. 2540
2) เพจเฟซบุ๊ก Chaiyan Chaiyaporn ของ ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร นักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2567 สาขารัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ กับงานวิจัยที่ตอบโจทย์ทางสังคมและการเมืองการปกครอง ผู้ตรวจ พบ “การอ้างอิงคลาดเคลื่อน” ถึง 31 จุด ในวิทยานิพนธ์ “ดีเด่น” หัวข้อ “การเมืองไทยสมัยรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ภายใต้ระเบียบโลกของสหรัฐอเมริกา (พ.ศ. 2491-2500)” ของ ผศ.ดร.ณัฐพล ใจจริง โพสต์ข้อความระบุว่า
“เรียนท่านอาจารย์วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานจริยธรรมการวิจัยแห่งวงการวิชาการไทยที่เคารพอย่างสูง
ผมขอเรียนถามท่านว่า ท่านมีความเห็นอย่างไรกับวิทยานิพนธ์ ปริญญาเอก ที่ได้ประเมินระดับดีมาก แต่มีปัญหาเรื่อง data fabrication และ data falsification
มากมาย ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตของเยาวชนที่หลงเชื่อและออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างสุดโต่ง ผิดกฎหมายร้ายแรง และอาจเสียอนาคตได้
ใครต้องรับผิดชอบครับ? พวกเราที่เป็นนักวิชาการใช่ไหมครับ ? แล้วนักวิชาการทั้งไทยและเทศ 279 คน ที่เข้าชื่อคัดค้านไม่ให้ตรวจสอบวิทยานิพนธ์ฉบับนั้นล่ะครับ?มีชื่อท่าน ศาสตราจารย์ ดร.โสรัจจ์ หงศ์ลดารมภ์ อยู่ใน 279 คนด้วยนี่ครับ ตอนนั้น ท่านคัดค้านและอ้างเสรีภาพทางวิชาการทำไมหรือครับ ? มาบัดนี้ ท่านรีบกลับจุดยืนหลังคำตัดสินของศาลเร็วดีนะครับ (ก็ยังดีที่กลับ) ตกลง ท่านเคยอ่านวิทยานิพนธ์ และจุดบกพร่องที่ผมเคยนำเสนอมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 บ้างไหมครับ ?”
3) เพจเฟซบุ๊ก Arnond Sakworawich ของ ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์ภาพ พร้อมข้อความระบุว่า
“ผมได้ยินมาจากกรรมการสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยท่านหนึ่งมาว่า ผลการสอบโดยนักวิชาการระดับศาสตราจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ ออกมาว่า เป็นวิทยานิพนธ์ที่บิดเบือนข้อมูล ไม่ได้ทำวิจัยจากข้อมูลจริงคือ มีทั้ง Data falsification และ Data fabrication ครับ
แล้วเมื่อนำรายงานผลการตรวจสอบเข้าไปในสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรรมการสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยรับทราบและรับรองผลการตรวจสอบ แต่ไม่กล้าลงมติถอดถอนปริญญาบัตร ของณัฐพล ใจจริง ทั้งๆ ที่ผิดจริยธรรมร้ายแรงทางวิชาการจริงๆ เป็นปัญหาเทคนิคทางกฎหมาย คือ ระเบียบของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เขียนเอาไว้แค่ว่า ถอดถอนปริญญาได้ถ้าลอกมา หรือ Plagiarism แต่ระเบียบไม่ได้เขียนว่า ถ้าตกแต่งข้อมูลหรือปั้นข้อมูลเท็จจะถอดถอนปริญญาบัตรจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยคงไม่คิดว่าจะมีใครกล้าทำผิดจริยธรรมทางวิชาการร้ายแรงเช่นนี้ เลยไม่ได้เขียนระเบียบเอาไว้
เมื่อไม่ได้เขียนระเบียบเอาไว้ให้ชัดเจน ต่อให้กระทำผิดร้ายแรงแค่ไหน กรรมการสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยก็ไม่กล้าลงมติถอดถอนปริญญาบัตรของ ณัฐพล ใจจริง เพราะกรรมการสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คงกลัว ณัฐพล ใจจริง จะไปฟ้องศาลปกครอง
สรุปคือไม่มีกฎหมายจะให้เอาผิด เลยไม่เอาผิด ทั้งๆ ที่ทำผิดเต็มๆ ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ
ถ้าสิ่งที่ผมได้ยินมาเป็นความจริงทั้งหมด ผมก็รู้สึกเสียใจอย่างยิ่งที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อันเป็นที่รักยิ่งของผม ขาดความกล้าหาญทางจริยธรรมในการรักษาจริยธรรมทางวิชาการ ห่วงรักตัวเอง มากกว่าความถูกต้องทางวิชาการ และห่วงรักตัวเองมากกว่าเกียรติภูมิจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไม่กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง
เพราะกลัวจะเจ็บตัว ต้องถือไม้เท้าหรือนั่งรถเข็นไปขึ้นศาลตอนแก่ ผมผิดหวังมากครับ ถ้าสิ่งที่ผมได้ยินมาเป็นความจริงดังนี้แล
จริงๆ หากกรรมการสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จะแก้ปัญหาอย่างกล้าหาญก็แค่ส่งระเบียบของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยให้ศาลตีความว่า สามารถถอดถอนปริญญาบัตรหากวิทยานิพนธ์ มีทั้ง Data falsification และ Data fabrication อันผิดร้ายแรงยิ่งกว่า Plagiarism เสียอีกในทางวิชาการ
ถ้าศาลท่านตีความมาว่าอย่างไร กรรมการสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็แค่ทำตามนั้น ไม่ใช่จะนั่งทับไว้จนตัวเองหมดวาระไปเฉยๆ”
4) นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ในฐานะนิสิตเก่าจุฬาฯรุ่นปี 2512 ได้เขียนจดหมายเปิดผนึก เผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า
“เรียนนายกสภามหาวิทยาลัย และผู้บริหารจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ตามที่ผมและคณะได้เคยทำหนังสือเรียกร้องให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ลงวันที่ 12 มกราคม 2564 ให้ทางบัณฑิตวิทยาลัยและจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตรวจสอบความคลาดเคลื่อนและความไม่ถูกต้อง ของดุษฎีนิพนธ์ของ นายณัฐพล ใจจริง ในหัวข้อเรื่อง การเมืองไทยในสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม การจัดระเบียบโลกของสหรัฐ 2491-2500 นั้น
คณะกรรมการตรวจสอบ ซึ่งขออนุญาตเอ่ยนามสองท่าน คือ ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ และ ดร.สุจิต บุญบงการ ได้ขอให้ผมให้ปากคำผ่านการประชุมทางซูมไปแล้วนั้น บัดนี้ เวลาล่วงเลยมามากพอสมควร และทราบว่า คณะกรรมการได้รายงานผลการสอบให้ทางมหาวิทยาลัยทราบแล้ว
ผมขอเรียกร้องผ่านสื่อเพื่อทวงถามผลการสอบ ซึ่งทางมหาวิทยาลัยเคยรับปากว่า จะแจ้งผลให้ผมทราบในฐานะผู้ร้องเรียน แต่เกรงว่า ทางมหาวิทยาลัยจะลืม เลยขอทวงถามผ่านสื่อโซเชียล และคาดหวังว่า ทางมหาวิทยาลัยจะแจ้งผลการสอบให้ผมได้ทราบ
แม้ทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จะได้พยายามลดความเสียหาย ด้วยการแจ้งไปยังเครือข่ายห้องสมุดให้ระงับการเผยแพร่ แต่ก็ได้มีการตัดตอนบางส่วนของดุษฎีนิพนธ์ไปจัดพิมพ์จำหน่าย
ความเสียหายที่เกิดขึ้น เป็นการบิดเบือนประวัติศาสตร์การเมืองไทย พาดพิงองค์พระประมุข สร้างข้อสงสัยว่า สถาบันจะนำระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์กลับมา ด้วยการให้ผู้สำเร็จราชการเข้าร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อครอบงำการประชุม ซึ่งสร้างความเสียหายให้สถาบันที่ไม่มีโอกาสชี้แจงใดๆ จึงของทวงถามผลการสอบสวนมา ณ ที่นี้”
สรุป : รอดู “ความกล้าหาญทางวิชาการและทางจริยธรรม” ของจุฬาฯ กันครับ ต่อให้ถอดถอนปริญญาของนายณัฐพล ใจจริง ไม่ได้ ก็ต้องกล้าพอที่จะ “ทำลายวิทยานิพนธ์” ที่ไม่ได้มาตรฐานทางวิชาการ ด้วยการแถลงให้สังคมวิชาการและสังคมไทยรับรู้ว่า วิทยานิพนธ์เล่มดังกล่าวใช้ “อ้างอิงทางวิชาการ” ไม่ได้ มีข้อมูลที่เป็นเท็จ แต่งเอง หรือบิดเบือนอย่างไร
เรื่องนี้กระทบต่อ “มาตรฐานการตรวจวิทยานิพนธ์” ของจุฬาฯ แถมเป็น “วิทยานิพนธ์ดีเด่น”อีกต่างหาก ใครรับรอง “ความดีเด่น” ของมัน ออกมาแสดงตัวหน่อยซิ
เรื่องนี้ยังกระทบต่อ “การเรียนรู้ของสังคม” ด้วยการที่เนื้อหาของวิทยานิพนธ์ถูกนำมาตีพิมพ์จำหน่ายในชื่ออื่น ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า สิ่งนี้ต้องถามว่า นายณัฐพล,สำนักพิมพ์ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จะรับผิดชอบต่อสังคมอย่างไร
สถาบันพระมหากษัตริย์ “ถูกใส่ความ” คนรับสารผิดๆ และเชื่อกันไปแล้ว จากวิทยานิพนธ์เล่มนี้ และจากเนื้อหาที่ถูกนำมาตีพิมพ์เป็นหนังสือเล่มจำหน่าย
จุฬาลงกรณ์-มหาวิทยาลัยที่ได้ชื่อมาจากพระนามของ “มหาราช” ของแผ่นดิน จะชำระ “คราบสกปรก” ที่อาบเปื้อนแผ่นดินในครั้งนี้อย่างไร?!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี