เห็นข่าวแชร์คลิปอดีตนักร้องสาวชื่อดัง...

เชิญชวนประชาชนเข้ามาร่วมโครงการปลดหนี้ โดยเอาคนที่อ้างว่าเข้าร่วมแล้วปลดหนี้ได้ตั้งแต่หลักหมื่น ไปจนถึงหลายล้านบาทมาชักชวนจูงใจ

ผู้คนเริ่มสงสัยว่า เอ๊ะ ไปทำกิจกรรมอะไรกัน?

ขายสินค้าอะไร?

มีการให้หาสมาชิกหรือไม่?

แล้วมีรายได้จากค่าสมาชิก หรือค่าส่วนแบ่งจากสมาชิกใหม่หรือไม่? ฯลฯ

อย่าลืมว่า ที่ผ่านมา เคยมีกรณีคนดัง ทำโครงการเชิญชวนร่วมธุรกิจ หรือร่วมลงทุน หรือร่วมกิจกรรมในหลายลักษณะ แต่สุดท้ายเนื้อในก็คือ “แชร์ลูกโซ่”

แม่ข่ายต้องติดคุกติดตะรางกันหัวโต

หลายคน ยังไม่ได้ออกจากคุกจนถึงวันนี้

ประชาชนจำนวนไม่น้อยที่หลงเชื่อ ก็ตกเข้าไปอยู่เครือข่าย สูญเสียเงินทองทรัพย์สินกันจำนวนมากไปเสียแล้ว

เมื่อปลายปีที่แล้วนี้เอง คดีแชร์ลูกโซ่ยูฟันฯ ศาลฎีกาเพิ่งจะพิพากษาคดีถึงที่สุดไปหมาดๆ

พิพากษาจำคุกแม่ข่ายยูฟันระดับสูง คนละ 12,255 ปี !!!

แต่ให้จำคุกจริง 20 ปี กลุ่มเกย์นทีและแม่ข่ายยูฟันฯ พิพากษาให้ร่วมชดใช้ 356 กว่าล้านบาท ให้แก่ผู้เสียหาย 2,451 คน 

ถือเป็นอีกหนึ่งอุทาหรณ์เตือนสติ

1. คดีแชร์ลูกโซ่ยูฟันสโตร์ เป็นเครือข่ายที่สร้างความฮือฮา เพราะมีคนดังในแวดวงสังคมเป็นแม่ข่ายด้วย

แรกๆ ก็นำเสนอหน้าฉากว่าเป็นการค้าขายการลงทุนที่ถูกกฎหมาย

จำเลยหลัก อาทิ นายอภิชณัฏฐ์ แสนกล้า นายนที ธีระโรจนพงษ์  หรือเกย์นที

ถูกดำเนินคดีความผิดฐานร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ 2556 พ.ร.บ.ขายตรงและการตลาดแบบตรง 2545 ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ตาม พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน 2527 ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550

เหตุเกิดช่วง 25 ต.ค.2556-18 มิ.ย.2558 บริษัท ยูฟัน สโตร์ จำกัด ชักชวนบุคคลเข้าร่วมเครือข่ายในการประกอบธุรกิจน้ำผลไม้และสมุนไพร กับเครื่องสำอางผิวหน้า ทำให้ประชาชนหลงเชื่อว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนจากการหาผู้เข้าร่วมเครือข่าย แต่กลับหลอกลวงให้ร่วมลงทุน

2. ศาลชั้นต้นชี้ว่า แม่ข่ายร่วมกับพวกทำงานเป็นขั้นตอน ชักชวนให้ผู้เสียหายมาร่วมลงทุนการประกอบธุรกิจของบริษัทยูฟัน ไม่ได้เน้นการจำหน่ายสินค้าขายตรงตามที่แจ้งไว้

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จากพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบตรวจสอบสถานที่ตั้งของบริษัทยูฟันฯ ในแต่ละแห่ง พบเป็นเพียงห้องเช่า

สอบถามพยานไม่พบการซื้อขายสินค้าตามที่บริษัทกล่าวอ้าง

แต่ใช้การซื้อขายสินค้าออนไลน์อำพรางการกระทำที่แท้จริงคือ การขายหน่วยการลงทุน ยูโทเคน ที่ไม่ได้รับการรับรองตามกฎหมาย แต่บริษัทอ้างว่าเป็นสกุลเงินมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ คล้ายกับการลงทุนหุ้น แต่ได้ผลตอบแทนเร็วกว่า และมีมูลค่าสูงกว่า และหากมีการหาสมาชิกต่อเพิ่มจะได้ผลตอบแทนร้อยละ 7 - 12 ของเงินที่สมาชิกใหม่นำมาลงทุนใหม่

โดยมีพฤติการณ์นำเงินหมุนเวียนจากสมาชิกเก่ามาจ่ายให้สมาชิกใหม่

แต่ที่ผู้ร่วมลงทุนบางส่วนระบุไม่รู้สึกว่าตัวเองได้รับความเสียหาย เห็นว่าผู้เสียหายกลุ่มนี้เป็นกลุ่มแม่ข่ายที่ได้รับค่าตอบแทนจากการชักชวนสมาชิกจำนวนมาก

หลักฐานของจำเลยทั้ง 43 คน ไม่สามารถหักล้างพยานโจทก์ได้

จำเลยมีความผิดตามฟ้อง ให้ลงโทษทุกกรรมเรียงกระทงความผิดพิพากษา

ศาลชั้นต้นพิพากษา ให้จำคุกจำเลยที่ 1, 2, 4, 6, 11, 12, 13 ฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชนซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักสุด 2,451 กระทงๆ ละ 5 ปี เป็นเวลารวม 12,255 ปี และให้จำคุกอีกคนละ 10 ปี ฐานร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุกสูงสุดตามกฎหมาย 50 ปี

ให้จำคุกจำเลยที่ 7 ฐานกู้ยืมเงินฯ 2,451 กระทงๆ ละ 5 ปี เป็นเวลารวม 12,255 ปี, ให้จำคุก 10 ปี ฐานร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ,จำคุกอีก 2 ปี ฐานร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุกสูงสุดตามกฎหมาย 50 ปี

พร้อมกับให้ปรับ บริษัท ยูเทรดดิ้ง จำกัด จำเลยที่ 42 ฐานกู้ยืมเงินฯ 2,451 กระทง กระทงละ 500,000 บาท และให้ปรับฐานร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ อีก 200,000 บาท รวมปรับเป็นเงินทั้งสิ้น 1,225,700,000 บาท

จำเลยคนอื่นๆ ก็จำคุกลดหลั่นกันไปตามโทษานุโทษ (ยกฟ้องจำเลยที่ไม่ใช่ตัวหลัก 21 คน)

และให้แม่ข่ายและพวกร่วมกันคืนเงินจำนวน 356,211,209 บาทให้แก่ผู้เสียหายทั้ง 2,451 คน ตามจำนวนที่แต่ละคนถูกฉ้อโกงไป พร้อมให้ชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ให้กู้ยืม หรือวันสุดท้ายที่ให้กู้ยืม หรือวันสุดท้ายของเดือนที่ให้กู้ยืม และให้ริบทรัพย์สินที่เป็นเงินสดของกลางด้วย

3. ต่อมา ศาลอุทธรณ์ ตรวจสำนวนประชุมหารือกันแล้วเห็นว่า อุทธรณ์ของจำเลยบางส่วนฟังขึ้น

จึงพิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 7 คงมีความผิด จำนวน 2,451 กระทงๆ ละ 5 ปี คนละ 12,255 ปี ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และ จำคุกอีก 2 ปี ฐานร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จ แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุกสูงสุดตามกฎหมาย 20 ปี (ยกฟ้องฐานร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ)

แต่ยังคงมีความผิด โทษฐานร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน

สุดท้าย ให้จำคุกสูงสุดตามกฎหมาย 20 ปี (เดิมศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกสูงสุด 50 ปี)

4. สุดท้าย ศาลฎีกาพิพากษา

โดยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยที่อ้างว่า โจทก์ไม่มีผู้เสียหายทาง สคบ.จึงไม่มีสิทธิแจ้งความ และพนักงานสอบสวนก็ไม่มีอำนาจสอบสวนโดยชอบด้วยกฎหมาย เห็นว่าคดีรับฟังได้ข้อยุติว่า ทาง สคบ.ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนจึงได้เข้าไปตรวจสอบ และพบว่า บ.ยูฟัน ลงทะเบียนว่าเป็นผู้ประกอบการขายตรง แต่ไม่ได้มีสินค้าตามที่ระบุไว้ ดังนั้น การกระทำดังกล่าวจึงเป็นความผิดต่อรัฐ ไม่ต้องมีผู้เสียหายมาร้องโดยตรงก็ได้เพราะกฎหมายให้อำนาจกับทาง สคบ. คุ้มครองผู้บริโภค

ด้านตำรวจได้เข้ามาสอบสวนและพิสูจน์ได้ว่า บ.ยูฟันฯมีส่วนร่วมกับอาชญากรรมข้ามชาติ และการฉ้อโกงประชาชน จนกระทั่งจับกุมผู้กระทำผิดได้ และ บ.ยูฟัน ได้รับเงินที่หลอกลวงจากประชาชนไป คำพิพากษาของศาลล่างทั้ง 2 ชอบแล้ว

ศาลฎีกาพิพากษาแก้ ในส่วนของอัตราดอกเบี้ยที่ให้จำเลยชดใช้คืนแก่ผู้เสียหาย ให้สอดคล้องกับกฎหมายใหม่

นอกจากที่ศาลฎีกาแก้ ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คือโทษอาญาให้จำคุกจำเลยที่เป็นแม่ข่ายยูฟันฯ คนละ 20 ปี

5. ปัจจุบัน จำเลยที่เป็นแม่ข่ายยูฟันฯ ยังคงติดคุก รับโทษตามคำพิพากษาของศาล

มีคนที่มีหน้ามีตาในสังคม มีชื่อเสียงรวมอยู่ด้วย

ถือเป็นอุทาหรณ์ เป็นบทเรียนสำหรับใครก็ตามที่คิดรวยทางลัด

มีพฤติกรรมสร้างเครือข่ายเพื่อผลประโยชน์ทางการเงินที่ขับเคลื่อนด้วยการไปชักจูงประชาชนให้หลงเชื่อว่าจะได้รวยเร็วรวยลัดกันเช่นนี้

เอาความโลภ เอาความอยากได้เงิน อยากปลดหนี้ ดึงดูดประชาชนเข้ามาเป็นสมาชิกกันมากๆ

สุดท้าย ก็ไม่รอด

กรณีล่าสุด เครือข่ายของนักร้องสาวชื่อดังนั้น สคบ.สามารถเข้าไปตรวจสอบได้เลย ไม่ต้องรอคนไปร้อง (ตามแนวทางคำพิพากษาศาลฎีกา)

เพื่อป้องกันมิให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนและสังคมในวงกว้างซ้ำรอยอีก

สารส้ม