ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร ตรวจสอบวิทยานิพนธ์ของ ดร.ณัฐพล ใจจริง
พบว่า มีการบิดเบือน แต่งเติมเนื้อหาเกินกว่าข้อมูลหลักฐานที่อ้างอิง และส่วนที่แต่งเติมนั้นเป็นการกล่าวให้ร้ายพาดพิงให้เกิดความเข้าใจผิดร้ายแรงต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย
และเป็นแกนเนื้อหาที่บรรดาแนวร่วมม็อบ 3 นิ้ว สส. ก้าวไกล ฯลฯ นำวิทยานิพนธ์และหนังสือไปอ้างอิงต่อเพื่อบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์จนถึงปัจจุบัน
คงจำได้ ช่วงนั้น มีนักวิชาการ 279 คน ลงชื่อปกป้องนายณัฐพล และกล่าวหมิ่นแคลนการตรวจสอบของ ศ.ดร.ไชยันต์ว่ามีอคติ
1. ปรากฏว่า คดีที่นายณัฐพลฟ้องร้องดำเนินคดีฐานหมิ่นประมาทกับ ศ.ดร.ไชยันต์นั้น ศาลยกฟ้อง
ศ.ดร.ไชยันต์ ไม่มีความผิดที่ออกมาเปิดโปง ชำแหละวิทยานิพนธ์ดังกล่าว
ศาลชี้ด้วยว่า จำเลยเป็นหัวหน้าโครงการงานวิจัยและดำเนินการวิจัยผลงานต่างๆ ของนักวิชาการจนตรวจพบจุดบกพร่องในวิทยานิพนธ์ของโจทก์ และจำเลยแจ้งไปยังบัณฑิตวิทยาลัยจนมีคำสั่งระงับเผยแพร่วิทยานิพนธ์ฉบับดังกล่าวแล้วตั้งแต่ปี 2562 แต่โจทก์กลับนำเนื้อหาที่มีจุดบกพร่องดังกล่าวไปพัฒนาเขียนเป็นหนังสือและมีการตีพิมพ์เผยแพร่สู่สาธารณชน จำเลยในฐานะประชาชนทั่วไปย่อมมีสิทธิตรวจสอบว่าเนื้อหาในบทความ หรืองานเขียนดังกล่าวถูกต้องหรือไม่ แม้ไม่มีหน้าที่โดยตรงในการตรวจสอบวิทยานิพนธ์ของโจทก์ หรือแม้แต่จำเลยไม่ได้รับผลกระทบจากเนื้อหาในวิทยานิพนธ์หรือบทความและหนังสือของโจทก์ก็ตาม
ยิ่งกว่านั้นในฐานะที่จำเลยเป็นนักวิชาการซึ่งมีประสบการณ์และความรู้ความเชี่ยวชาญในการตรวจสอบวิทยานิพนธ์ระดับบัณฑิตศึกษา เมื่อจำเลยตรวจสอบแหล่งอ้างอิงโดยมีศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ จันทรวงศ์ มาเบิกความสนับสนุนถึงว่าจำเลยได้ทำการตรวจสอบตามหลักวิชาการแล้ว
ปรากฏว่า ไม่มีข้อความที่โจทก์เขียนจากแหล่งอ้างอิง อีกทั้งมีแต่การตีความข้อความเห็นโดยไม่มีข้อเท็จจริงที่มีอยู่จริง อันมีลักษณะที่จำเลยเห็นว่าเป็นการบิดเบือน จำเลยย่อมมีสิทธิทางวิชาการ หรือโต้แย้งและนำเสนอต่อสาธารณชนได้ไม่ว่ารูปแบบใด เช่น สื่อออนไลน์ เว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชั่น เฟซบุ๊กและให้ประชาชนทั่วไปได้ทราบข้อความอีกด้าน
อีกทั้ง เพื่อความเป็นธรรมต่อบุคคลที่โจทก์กล่าวถึงในผลงาน โดยเฉพาะผู้ที่ล่วงลับไปแล้วและไม่มีโอกาสโต้แย้งหรือให้ข้อเท็จจริงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น
และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพื่อความเป็นธรรมต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งโจทก์เขียนถึงโดยไม่ปรากฏแหล่งอ้างอิง
การโพสต์ข้อความของจำเลยตามฟ้องนับว่าจำเลยได้กระทำหน้าที่ของบุคคลในฐานะปวงชนชาวไทยในการพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 50 (1) รวมทั้ง นับได้ว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรม ติชมด้วยความเป็นธรรมอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำได้ ปรากฏตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 (1) (3)
จำเลยไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทตามฟ้อง ข้อต่อสู้ของจำเลยฟังขึ้น ข้อเท็จจริงอื่นนอกจากนี้ไม่จำต้องวินิจฉัย
2.ศ.ดร.ไชยันต์ ได้โพสต์ถามหาสำนึกทางวิชาการของผู้เกี่ยวข้อง ระบุว่า
“เรียนท่านอาจารย์วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิด้านมาตรฐานจริยธรรมการวิจัยแห่งวงการวิชาการไทยที่เคารพอย่างสูง
ผมขอเรียนถามท่านว่า ท่านมีความเห็นอย่างไรกับวิทยานิพนธ์ ปริญญาเอก ที่ได้ประเมินระดับดีมาก แต่มีปัญหาเรื่อง data fabrication และ data falsification มากมาย ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตของเยาวชนที่หลงเชื่อและออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างสุดโต่ง ผิดกฎหมายร้ายแรง และอาจเสียอนาคตได้
ใครต้องรับผิดชอบครับ ?
พวกเราที่เป็นนักวิชาการ ใช่ไหมครับ ?
แล้วนักวิชาการทั้งไทยและเทศ 279 คนที่เข้าชื่อคัดค้านไม่ให้ตรวจสอบวิทยานิพนธ์ฉบับนั้นหละครับ?...”
คำถามนี้ น่าจะส่งไปถึง 279 รายชื่อที่เคยกล่าวด้อยค่าการตรวจสอบของ ดร.ไชยันต์ด้วยอย่างยิ่ง
3. ขอบันทึกไว้เป็นข้อมูลต่อไป
279 นักวิชาการและวิชาชีพอื่น ที่ร่วมลงชื่อในจดหมายเปิดถึงนายกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อ้างเสรีภาพทางวิชาการ นำมาปกป้องนายณัฐพล โดยอ้างว่ามีความผิดพลาดเพียงประการเดียว คือ กรณีปั้นแต่งความเท็จในวิทยานิพนธ์ว่า สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร แทรกแซงการเมืองโดยเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี
ความจริง ดร.ไชยยันต์เปิดโปงกว่า 30 จุดที่มีปัญหา และเป็นประเด็นสำคัญ เพราะเกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย
ที่เลวร้าย คือ โจมตี ดร.ไชยันต์ถึง “...อคติส่วนตัวและความแตกต่างของอุดมการณ์ทางการเมืองของผู้ตรวจสอบ”
279 รายชื่อที่อ้างความเป้นนักวิชาการ ร่วมกันเรียกร้องให้ ยุติการตรวจสอบ!!!
279 ชื่อนั้น อาทิ ศ.ดร.เกษียร เตชะพีระ, ศ. (พิเศษ) ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ,ศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์, ศ.ดร.โสรัจจ์ หงศ์ลดารมภ์, ศ.ดร.อรรถจักร์ สัตยานุรักษ์, รศ.ดร.จักรกริช สังขมณี, ดร.ธำรงศักดิ์ เพชรเลิศอนันต์, รศ.ดร.ประภาสปิ่นตบแต่ง, ดร.ปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี, ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์, ดร.พิชิตลิขิตกิจสมบูรณ์, ดร.ยุกติ มุกดาวิจิตร, ดร.วิศรุต พึ่งสุนทร, ดร.สิริพรรณ นกสวน สวัสดี, ดร. สมชาย ปรีชาศิลปะกุล, ดร.อนุสรณ์ อุณโณ, ดร.ทัศนัย เศรษฐเสรี, ผศ.ธีรวัฒน์ ขวัญใจ, ดร.บุญเลิศ วิเศษปรีชา, ดร.ประจักษ์ ก้องกีรติ, ดร.เข็มทองต้นสกุลรุ่งเรือง, ปิยนุช โคตรสาร Amnesty International Thailand,นายสุชาติ สวัสดิ์ศรี, สุชาดา จักรพิสุทธิ์, นายสุณัย ผาสุข นักวิจัยอาวุโส Human Rights Watch ฯลฯ
น่าสังเกตว่า เกือบทั้งหมด ล้วนมีหรือเคยมีท่าทีสนับสนุนหรือเป็นแนวร่วมกับม็อบ 3 นิ้วทั้งสิ้น
บุคคลในคราบนักวิชาการเหล่านี้ จะแสดงความกล้าหาญทางจริยธรรม อย่างไร
เมื่อความจริงปรากฏชัดแจ้งว่า ศ.ดร.ไชยันต์ตรวจสอบพบข้อบกพร่องร้ายแรงมากกว่าประเด็นเดียว และล้วนแต่เป็นจุดที่มีประเด็นสำคัญที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
ถ้าไม่ถือทิฐิในทางผิดๆ อย่างน้อยก็สมควรกล่าวคำขอโทษต่อ ศ.ดร.ไชยันต์
และเคารพในความจริง ไม่ใช่แอบหนุนการปั้นแต่งเรื่องเพื่อโจมตีให้ร้ายสถาบัน
มิใช่ดื้อเงียบ ปกป้องพวกเดียวกันเอง โดยไม่สนใจข้อมูลข้อเท็จจริง
คนเป็นบัญฑิต ถ้าผิด แล้วยอมรับผิด ก็ยังนับว่าเป็นบัญฑิต
แต่ถ้าอ้างเป็นนักวิชาการ แล้วไม่ยอมรับความจริง ไม่ยอมรับผิด ก็จะเรียกว่า“โจราวิชาการ”
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี