ด้วยความวัวยังไม่ทันหาย ความควายก็เข้ามาแทรกครั้งแล้วครั้งเล่า หมายความว่ามีเรื่องราวเดือดร้อนเกิดขึ้น ยังไม่ทันจะแก้ไขหรือจัดการให้สงบดีก็เกิดมีเรื่องใหม่ซ้อนขึ้นมาอีก กลายเป็น 2 เรื่องขึ้นในคราวเดียว
อธิบาย วิถีชีวิตของคนไทยในชนบทเกิดคดี ความเกี่ยวกับวัวควายเป็นประจำ เนื่องจากวัวควายมักไปเหยียบย่ำหรือทำความเสียหายแก่พืชผลการเกษตรอยู่เป็นประจำในยามที่ไม่ “สนตะพายเป็นอุปกรณ์การเกษตร” เป็นเหตุให้เจ้าของไร่เจ้าของสวนทะเลาะวิวาทกับเจ้าของวัวควายจนเกิดเป็นคดีขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่ามิจบสิ้น
กระบือจึงถูกเปรียบเทียบเป็นความโง่เขลาเข้าใจยาก ถูกแดกดันกับผู้ไร้การศึกษาขาดสามัญสำนึกไม่มีวุฒิภาวะ
แต่ไม่ว่าจะความวัวหรือความควายมันคือตัวตนพฤติปฏิบัติพฤติการณ์ของตนเองอย่างนั้นมิใช่หรือ
ความจริงเรื่องที่จะกล่าวถึงนี้มันสมควรที่จะถูกหยิบยกขึ้นมาพิจารณาดำเนินการหลังจาก “องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ”มีมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 ให้ “พิธาคิโอ/พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล เมื่อครั้งเป็น “หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตตนายกรัฐมนตรี” และสมาชิกพรรคเคลื่อนไหวหาเสียงด้วยการนำเสนอ แก้ไข/ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112
คำวินิจฉัยกระจ่างแจ้งชัดเจนในการใช้เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพถึงพฤติกรรมพฤติการณ์ล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์ พยายามแยกสถาบันพระมหากษัตริย์ออกจากสถาบันชาติ ทว่า “คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ก็หนังหนาความรู้สึกช้าเพิ่งจะมี “มติเอกฉันท์” เสนอเรื่องพร้อมความเห็นให้ “ศาลรัฐธรรมนูญ” สั่งยุบพรรคก้าวไกล และให้ตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค ตามมาตรา 92(1) และ (2) ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560
จากนี้“ศาลรัฐธรรมนูญ”จะประพฤติราว“สุกรไม่กลัวน้ำร้อน” พิจารณารับเรื่องร้อง วินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกลหรือไม่อย่างไร
สังคมไทยคงไม่ลืมเกมการเมืองของ “ท่านผู้ทรงเกียรติพรรคก้าวไกล” ที่เสนอ “ญัตติด่วนตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาขอบเขตอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญและขอบเขตอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติ”เสมือนการปรามการตีปลาหน้าไซ ... เขียนเสือให้วัวกลัว”อย่างไรอย่างนั้น
ชะตากรรม “ท่านผู้ทรงเกียรติพรรคก้าวไกล”จะประสบผลกรรมเช่นไรคงรอเวลาไม่เกิน 60-90 วันอย่างแน่นอน ในขณะที่ “นักการเมืองสายพันธุ์นี้ปากกล้าขาสั่นหมอบคลานเข้าหาประชาชนหวังสนตะพายให้ออกมากดดันวิจารณญาณของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญให้เบี่ยงเบนออกมาในทางบวกแก่ตนเอง ทั้งที่ก่อนหน้านั้นปากกล้าว่ามั่นใจยุบพรรคก้าวไกลก็ตั้งพรรคการเมืองใหม่ ประชาชนก็สนับสนุนอย่างที่เคยทำมาแล้วในอดีต “พรรคอนาคตใหม่”ที่เอาเปรียบคู่ต่อสู้ทำนิติกรรมอำพรางเงินกู้ ถูกจับได้ก็อาศัยวาทกรรมบ่ายเบี่ยงเป็นการกลั่นแกล้งทางการเมืองสังคมไทยมองพฤติกรรมพฤติการณ์ท่านผู้ทรงเกียรติสายพันธุ์นี้อย่างไร ยังจะเชื่อมั่นสมควรให้การสนับสนุนต่อไปอย่างนั้นหรือ
เราศรัทธาความยุติธรรม แต่ความยุติธรรมนั้นต้องกำเนิดตามข้อเท็จจริง ไม่ใช่เพราะวาทกรรมประดิษฐ์จากความรอบรู้ด้วยเล่ห์เหลี่ยมทางการเมือง
เรารักหมา เพราะหมาจงรักภักดีและซื่อสัตย์ต่อนายต่อผู้มีบุญคุณของมัน แม้ “หมา/สุนัขจะเป็นเดรัจฉาน(สิ่งมีชีวิตซึ่งแตกต่างไปจากพรรณไม้ ส่วนมากมีความรู้สึกและเคลื่อนไหวย้ายที่ไปได้เอง, ความหมายที่ใช้กันเป็นสามัญหมายถึง สัตว์ที่ไม่ใช่คน) ไม่รักนักการเมือง เพราะหมาซื่อสัตย์ ส่วนนักการเมืองฉ้อฉล
ถ้าสนามการเมืองกลายเป็นพื้นที่ผันเงินหลวงเป็นเงินส่วนตัว เป็นพื้นที่ฟอกตัวของพวกทำผิดกฎหมาย เป็นพื้นที่สร้างอำนาจของคนกระสันอำนาจ เป็นพื้นที่ให้คนโง่และโลภทำลายประเทศชาติ
เพราะถ้าเป็นเยี่ยงนี้ ประเทศไทยไม่จำเป็นต้องมีนักการเมืองก็ได้
นี่คือปณิธานที่หาญมุ่งหมายผดุงยุติธรรมอันสดใส
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี