ระหว่างวันที่ 15-17 มี.ค. 2567 ที่ผ่านมา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เพื่อติดตามสถานการณ์ปัญหาฝุ่นควันไฟป่าและมลพิษอากาศ พร้อมมอบนโยบายการทำงานและตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่
โดยนายกรัฐมนตรีได้โพสต์ภาพนั่งอยู่ริมแม่น้ำปิงกับปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่และผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 5 หลังร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำกับนายทักษิณ ชินวัตร นักโทษเด็ดขาดที่อยู่ระหว่างการพักโทษในคืนวันที่ 15 มี.ค. 2567 พร้อมระบุว่า “อากาศเชียงใหม่ในช่วงกลางคืนดีกว่าที่คิด”
ขณะเดียวกันยังปรากฏภาพนายกรัฐมนตรีขี่รถจักรยานออกกำลังกายที่อ่างเก็บน้ำห้วยตึงเฒ่า อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ช่วงเย็นวันที่ 17 มี.ค. 2567 โดยที่ไม่สวมใส่หน้ากากป้องกัน ท่ามกลางฝุ่นควันที่ปกคลุมและค่ามลพิษอากาศที่สูงเกินมาตรฐาน อยู่ในระดับที่เริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพและส่งผลกระทบต่อสุขภาพมาต่อเนื่องนานนับเดือนแล้ว ซึ่งสวนทางกับแพทย์และหน่วยงานด้านสาธารณสุข มีการแนะนำและประกาศแจ้งเตือนให้ประชาชนงดกิจกรรมกลางแจ้ง โดยเฉพาะการออกกำลังกาย และหากจำเป็นต้องสวมหน้ากากหรืออุปกรณ์ป้องกัน
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้ระบุผ่านทางโพสต์ในโซเชียลมีเดียถึงเหตุผลที่ไม่ประกาศให้จังหวัดเชียงใหม่เป็นพื้นที่ภัยพิบัติฉุกเฉินในสถานการณ์ที่ค่าฝุ่นสูงว่า เนื่องจากเกรงว่า จะส่งผลกระทบทางลบมากกว่า โดยเฉพาะผลกระทบต่อการท่องเที่ยวที่อาจทำให้เสียนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่จะเดินทางเข้ามา ซึ่งจากกรณีดังกล่าวนี้ทำให้ประชาชนชาวจังหวัดเชียงใหม่จำนวนมากต่างวิพากษ์วิจารณ์ว่า นายกรัฐมนตรี รวมทั้งรัฐบาลและหน่วยงานราชการเป็นห่วงการท่องเที่ยวและธุรกิจ มากกว่าชีวิตของประชาชน อีกทั้งพยายามสร้างภาพมากเกินไป
1) ล่าสุด (19 มี.ค. 2567) รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “Tanuwat Weraphongkamon” โพสต์ภาพตัวเองสวมใส่หน้ากากอุปกรณ์ป้องกันมลพิษอากาศและป้ายที่เขียนข้อความว่า “แจกฟรีหน้ากาก N95” พร้อมเขียนข้อความในโพสต์แสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะถึงนายกรัฐมนตรีในกรณีของสถานการณ์ปัญหาฝุ่นควันของจังหวัดเชียงใหม่ โดยระบุว่า
“...นักท่องเที่ยวมาเชียงใหม่ คนท้องถิ่นจมฝุ่นพิษตาย
ถ้าจะประคับประคองต้องดูแลทั้ง 2 ฝ่ายครับ
ผมขอเสนอแนะท่านนายกรัฐมนตรีแบบนี้ครับ
1. แจกหน้ากาก N95 และให้ความรู้กับประชาชนทุกคน ถ้าทำไม่ได้ขอแจกให้ได้ 80% ของจำนวนประชากร อ้างอิงจากทะเบียนราษฎรได้เลยครับ จำนวนหน้ากากที่แจกต้องคนละไม่น้อยกว่า 90 ชิ้นเพื่อให้เพียงพอใช้ทุกวัน ตลอด 3 เดือน (ด่วนที่สุด)
2. ท่านโปรโมทการท่องเที่ยวมาเลยครับ เต็มที่ ขอเยอะๆ
3. อย่าลืม!!! แก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุด้วย ผมคนเชียงใหม่รอได้ครับ และผมเข้าใจว่ามันต้องใช้เวลา
ขออย่างเดียวครับอย่าไปหลอกชาวโลกว่าอากาศดี มาเที่ยวเชียงใหม่กันเยอะๆ
อากาศไม่ดีคือไม่ดีครับแต่ไม่พูดก็ไม่ผิดครับ…
สมัยนี้โลกมันขับเคลื่อนด้วย Internet ผมรู้ว่าท่านเข้าใจที่ผมพูด
รับอาสาเป็นที่ปรึกษาให้ท่านได้ครับไม่คิดเงินสักบาท ให้เลขาฯ ท่าน Inbox ติดต่อผมมาได้เลย
หวังว่าข้อความนี้ ท่านคงจะได้เห็นสักวันหนึ่ง… ด้วยความเคารพ #ประชาชนคนเชียงใหม่ #safechiangmai #ถึงนายกรัฐมนตรี
ก่อนหน้านี้ เขาก็ได้โพสต์แสดงความคิดเห็นต่อเรื่องฝุ่น PM2.5 กับคุณภาพชีวิตและความเสี่ยงของคนเชียงใหม่หลายข้อความ อาทิ
“ผมในฐานะจิตอาสากลุ่ม Safechiangmai
ขอเรียนทุกท่านเรื่อง PM2.5 จ.เชียงใหม่ที่กำลังทำร้ายประชาชนทุกคน
เรียน ท่านนายกรัฐมนตรีครับ ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดครับ ท่านนายก อบจ.ครับ
ตอนนี้พวกผมตื่นเช้ามาเจ็บหน้าอก หายใจติดขัด แสบคอ ปวดหัว คลื่นไส้ ทรมานมากๆ เลย ขอให้ท่านกรุณาช่วยพวกเราด้วย หรือผมต้องทำหนังสือเข้าไปที่ไหน เพื่อให้มีใครสักคนลงมาช่วยประชาชนก็ขอช่วยบอกบุญผมด้วยนะ ขอบคุณครับ
AQI เช้านี้ เกือบ 300 เฉพาะค่าฝุ่น PM2.5 150+ เสมือนตายทั้งเป็นเลยครับ”
หรือ... “จำให้ขึ้นใจไว้นะประชาชน นโยบายแก้ไข PM2.5 มันก็แค่คำ “หลอกลวง” ไม่มีใครทำเพื่อประชาชนจริงๆ กันสักคน และวันนี้ผมก็ยังคงเชื่อว่า “ไม่มีวันทำได้” RIP เชียงใหม่”
2) วันที่ 17 มีนาคม 2567 นายเศรษฐาทวีสิน นายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กว่า
“จากกรณีที่มีคำถามมาถึงผมว่า ทำไมจึงไม่ประกาศให้ จ.เชียงใหม่ เป็นพื้นที่ฉุกเฉิน ในขณะที่ค่าฝุ่นสูงผมได้รับฟังความคิดเห็น และข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องแล้วครับ เกรงว่าหากประกาศจะส่งผลทางลบมากกว่า เพราะสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนั้นคือ จะกระทบกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เพิ่งฟื้นตัวหลังจากผลกระทบโควิด-19 เพราะนักท่องเที่ยวที่ซื้อประกันมาจากบ้านเขา หากเข้ามาท่องเที่ยวในเขตภัยพิบัติ หรือพื้นที่ฉุกเฉิน ประกันจะไม่คุ้มครองทันที แน่นอนครับว่า จ.เชียงใหม่จะเสียนักท่องเที่ยวที่ตั้งใจมาเที่ยวทั้งระยะสั้น และระยะยาว เราเป็นห่วงกันตรงนี้ครับ
ส่วนเรื่องงบกลางที่รัฐบาลจัดสรรไปที่กรมอุทยานฯกระทรวงทรัพย์ นั้น พร้อมเบิกจ่ายเมื่อวานนี้ (16 มีนาคม)ครับ ผมขอย้ำว่า การจัดสรรงบกลางนี้ เป็นการจัดสรรงบตรงถึงมือพี่น้องอาสาสมัครที่อาสาเข้ามาดูแลเฝ้าระวังไฟป่า ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการจัดสรรงบฯในลักษณะนี้ เพราะเราต้องการจ้างคนในพื้นที่มาดูแลรักษาพื้นที่ของเขาตามโจทย์ของพื้นที่ และงบฯที่ให้ไปมีจำนวนมากกว่างบฯ ฉุกเฉินด้วย
วิธีบริหารจัดการเรื่องฝุ่นมีหลายวิธี รัฐบาลพร้อมรับฟังทุกข้อเสนอแนะ แต่รัฐบาลต้องตัดสินใจเลือกทางที่ดี และมีประสิทธิภาพที่สุดสำหรับพี่น้องประชาชนที่ต้องทำมาหากินด้วยครับ
3) ด้าน ดร.เอ้-สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้โพสต์เฟซบุ๊ก“เอ้ สุชัชวีร์” ว่า
ปัญหา ฝุ่น PM2.5 ที่เชียงใหม่ แก้ได้ด้วย “ภาวะผู้นำ” ความว่า...
“...น่าเสียดายอย่างยิ่ง ท่านนายกฯลงพื้นที่เชียงใหม่ แต่ “ไม่รับฟัง” ปัญหาชาวบ้านและนักวิชาการ เพราะคนในพื้นที่ “รู้จริง” และท่านยังไม่แสดงวิสัยทัศน์ “การแก้ปัญหา” อย่างเอาจริงเอาจังเพียงพอ ทั้งที่นายกรัฐมนตรี มีอำนาจหน้าที่ มีพลัง แก้ไขวิกฤติฝุ่นพิษได้
ผมมั่นใจว่า บทบาทของนายกรัฐมนตรี สามารถแก้ปัญหา “ทุกข์เรื้อรัง” ของชาวเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียงได้ หากท่าน “เอาจริงเอาจัง” กับ 3 เรื่องนี้
1. นายกรัฐมนตรี ต้องจัดการกับ “ผลประโยชน์ทับซ้อน”
“การเผา” เป็นปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อน ของราชการกันเอง ทั้งระหว่างหน่วยงาน ที่ต่างฝ่ายก็ต้องการงบประมาณลงหน่วยงานของตนให้มากที่สุด
และปัญหาผลประโยชน์ของเอกชน มีหลายคนได้ผลประโยชน์จากการที่ป่าหรือไร่ถูกเผา นายกรัฐมนตรีมีอำนาจสูงสุด ถ้าแก้เรื่อง “ประโยชน์ทับซ้อน” ได้ การเผาจะลดลง ฝุ่นก็ลดลง
2. นายกรัฐมนตรี ต้อง “กระจายอำนาจ และงบประมาณ”
การแก้ปัญหาระยะสั้น เพื่อบรรเทาทุกข์ อาจถึงเวลาที่ต้องแก้ปัญหา ด้วย “เงิน” เพราะการให้เงินโบนัสหมู่บ้านไม่เผา โดยกระจายอำนาจหน้าที่ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ดำเนินการได้กับหมู่บ้านที่ไม่เผาเราอาจไม่ถูกใจเรื่องแจกเงิน แต่คุ้มค่ากว่าความเสียหายทางเศรษฐกิจและทางสุขภาพ ที่เกิดจากฝุ่นพิษPM2.5 อีกทั้งยังประหยัดงบประมาณในการดับไฟและรักษาชีวิตเจ้าหน้าที่ ที่ต้องเสี่ยงกับการเข้าไปดับไฟอีกด้วย
3. นายกรัฐมนตรี ต้องใช้ “เทคโนโลยี”แก้ปัญหา
เพราะเทคโนโลยีดาวเทียม “ไม่โกหก” เพราะภาพถ่ายจาก ดาวเทียมธีออส-2 ที่โคจรต่ำ ผ่านประเทศไทย 4 รอบต่อวัน จะรู้ทันที “ใครเผา” และ “ที่ดินใคร” สามารถใช้เป็นหลักฐาน เพื่อดำเนินการใดๆ ได้อย่างเป็นธรรม “ของดีมี ต้องใช้”
เท่านี้เองครับ วัด “ความเป็นผู้นำ” ของนายกรัฐมนตรี กับการแก้วิกฤตชาติ ที่รอไม่ได้อีกต่อไป อย่าปล่อยให้เป็นแบบ “ไฟไหม้ฟาง” คือ “มาดู แล้วจากไป”
ด้วยความห่วงใยครับ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์”
สรุป : ฝุ่น PM2.5 เป็นพิษต่อสุขภาพมากนะครับ จึงเป็นเหตุผลที่คนเชียงใหม่และในทุกๆพื้นที่ที่ค่าฝุ่นนี้เกินมาตรฐานจะมีความกังวลและเรียกร้อง “แอ๊กชั่น” ที่มิใช่แค่ “การพูด” จากผู้มีอำนาจ มีหน้าที่ มีงบประมาณ และเป็นจริงว่า “ความเอาจริงเอาจัง” ของรัฐบาลนั้น “สลัวๆ” อยู่ในเงาของฝุ่นพิษนี้...จริงๆ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี