“ยังไงก็โปรดเข้าใจ และเห็นใจคนแก่ในวัย 75 ปีด้วยที่จากบ้านเกิดเมืองนอนไปนาน วันนี้กลับมา ใครไม่ชอบหน้า ก็ต่างคนต่างอยู่ไป” นายทักษิณ ชินวัตรระบุ เมื่อครั้งไปเยือนเชียงใหม่ ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คน ถึงความเป็น “นักโทษวีไอพี” หรือ “นักโทษเทวดา” ที่ได้รับสิทธิประโยชน์นานัปการ ตั้งแต่ลดโทษ ไม่ต้องนอนคุก อยู่โรงพยาบาลแบบไม่มีใครตรวจสอบได้ พักโทษ ใช้บ้านจันทร์ส่องหล้าเป็นที่คุมขัง เป็นที่รับแขกต่างประเทศ (ฮุนเซน) และต้อนรับนายกรัฐมนตรีของไทย โดยไม่ต้องสนใจว่าก่อนหน้านี้ อ้างกันมาโดยตลอดว่ามีอาการ “ป่วยวิกฤต”
การกระทำดังกล่าวของนายทักษิณ จึงเป็นพิษต่อหมอ โรงพยาบาลตำรวจ และราชทัณฑ์ อย่างหนัก
เมื่อไปเชียงใหม่ มีทั้งรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง นายก อบจ. และรอง ผบ.ตร. ไปต้อนรับ ไปอธิบาย ไปดูแล ราวกับเป็น “นายกรัฐมนตรี” ตัวจริงของประเทศ ทั้งๆ ที่สถานภาพคือ “นักโทษเด็ดขาด”
การบอกว่า “ใครไม่ชอบหน้า ก็ต่างคนต่างอยู่ไป” จึงเป็นคำพูดแบบไร้ยางอาย ไม่แคร์ ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี
ไปต่างประเทศก็ไปเอง หนีเอง เพราะเห็นแก่ตัว ไม่ยอมติดคุก ในขณะที่ข้าราชการประจำที่เป็นจำเลยในคดีเดียวกันติดคุก การอ้างว่า “จากบ้านเกิดเมืองนอน” จึงเป็นคำตลบตะแลง
1) นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า... “เงียบ…ไม่ได้โง่!” ความว่า
คนที่ยืนสู้กับคนโกง…
คนที่เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม…
คนที่ปกป้องและจงรักภักดีต่อสถาบันอย่างที่สุด…
ต้องนั่งดูคนอื่นๆ เค้ากลับบ้าน แบบไม่มีความผิดแบบนี้ มันใช่เหรอครับ?
#ประเทศไทยไม่เหมือนเดิม #ความยุติธรรมมีหนึ่งเดียว ไม่ใช่คนเดียว #ทำดีต้องได้ดี #เงียบไม่ได้โง่
2) สิ่งที่คนไทยจำนวนหนึ่ง พูด บ่น ต่อว่า ในเวลานี้ เขาไม่ได้พูดกับนายทักษิณหรอกครับ เพราะพูดไปก็เหมือน “ตักน้ำรดหัวตอ” ไม่งอกไม่งาม แต่ตัวระบบและผู้คุมกฎต่างหาก ที่เราต้องส่งเสียงถาม ว่า “เป็นแบบนี้ได้อย่างไรวะ”
สิ่งที่ประเทศ “หย่อนความเข้มงวดของกฎเกณฑ์”แก่ทักษิณ คือ การทำลายความมั่นคงของชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และจิตใจของประชาชนที่ซื่อตรง
ไม่ว่าฝ่ายผู้กุมอำนาจและเดินเกมอยู่ จะเห็นว่าประเทศไทย “เจ็บป่วย” ด้วยอาการใด สาหัสขนาดไหนก็ตาม การเลือกใช้ “ทักษิณ” เป็น “อาวุธ” ในเกมปกป้องนี้ คือการเลือกใช้ “ยาพิษ” ที่ชื่อ “สเตียรอยด์”ที่หากได้ผล ก็หาย หากไม่ได้ผลก็ “เป็นพิษหนักหนาสาหัส” มาก
เมื่อเลือกใช้ “ทักษิณ” สู้กับ “ข้าศึก” แล้วต้องยอมหย่อนยาน กระบวนการยุติธรรม กระบวนการบังคับโทษและสิทธิพิเศษ “เฉพาะคนคนเดียว” ไปอย่างมากมาย นั่นคือ “พิษร้ายของสเตียรอยด์ที่ชื่อทักษิณ”
3) ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก
การให้ “สิทธิพิเศษแก่ทักษิณ” ผู้คนยังคาใจ จู่ๆ นายจักรภพ เพ็ญแข ทหารเอกคนหนึ่งของทักษิณที่ลี้ภัยไปอยู่กัมพูชาก็กลับมาอีกคน
สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล โพสต์ภาพจักรภพ ถวายความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์ พร้อมข้อความว่า“เอ้า! ไหว้เสียผมเคยเคารพนับถือจักรภพ เพ็ญแขมาก่อน (เหมือนกับเพื่อนๆ หลายคน เช่น ปิยบุตร) แต่หลังจากไปเจอกันที่กัมพูชา ก็เลิกเลย เหมือนกับลูกน้องทักษิณคนอื่นๆ (อันที่จริงก่อนหน้านั้นก็เรียกว่าหมดความนับถือไปเยอะ)”
4) นายธันย์ฐวุฒิ หรือ “หนุ่ม เรดนนท์” คนเสื้อแดงลี้ภัยในต่างประเทศ โพสต์ข้อความใน X บัญชี หนุ่มเรดนนท์@noomrednon ระบุว่า ผมในฐานะผู้ลี้ภัย
คนหนึ่ง ที่ต้องหนีไปต่างแดนนานกว่า 8 ปี อยากบอกคนลี้ภัยที่เพิ่งได้กลับบ้านวันนี้ว่า ยังมีผู้ที่ลี้ภัยอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านอีกหลายสิบชีวิต ที่โดนคดีไม่ต่างจากเขา และก็อยากกลับบ้านเหมือนกัน ขอดีลพิเศษแบบที่คุณได้ให้กับพวกเขาด้วยได้ไหม? #จักรภพเพ็ญแข
จากข้อมูลของ iLaw ระบุว่า ธันย์ฐวุฒิ หรือ “หนุ่ม เรดนนท์” ใช้ชีวิตอยู่กับลูกชายวัย 10 ขวบ (อายุขณะพ่อของเขาถูกจับกุม) ตามลำพังที่ห้องเช่าแห่งหนึ่งในจังหวัดนนทบุรีและเปิดบริษัทของตัวเองขึ้นมาเพื่อรับงานด้านการพัฒนาเว็บไซต์ ธันย์ฐวุฒิสังเกตเห็นว่า ในจังหวัดนนทบุรีมีกลุ่มคนเสื้อแดงย่อยๆ หลายกลุ่มจึงทดลองทำเว็บไซต์ขึ้นมาด้วยตัวเองเพื่อรวบรวมมวลชนเสื้อแดงในจังหวัดนนทบุรี ชื่อว่า เรดนนท์ ดอทคอมหรือ www.rednont.com
เขาถูกจับกุมเมื่อ 1 เมษายน 2553 ระหว่างที่การชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงเพิ่งเริ่มต้นขึ้น ถูกกล่าวหาว่า เป็นเจ้าของหรือผู้ดูแลเว็บไซต์ norporchorusa และถูกดำเนินคดีสามกรรม ต่อมา 15 มีนาคม 2554ศาลพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามมาตรา 112 และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(3) ฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันมีลักษณะกล่าวให้ร้ายพระมหากษัตริย์ 2 กรรม ลงโทษจำคุกกรรมละ 5 ปีและมีความผิดตามมาตรา 15 ฐานเป็นผู้ดูแลเว็บไซต์จงใจสนับสนุนหรือยินยอมให้มีผู้อื่นนำเข้าข้อความอันมีลักษณะให้ร้ายพระมหากษัตริย์ ลงโทษจำคุก 3 ปี พิพากษาให้จำคุกจำเลยรวมทั้งสิ้น 13 ปี
ต่อมาธันย์ฐวุฒิ ยื่นอุทธรณ์ แต่ก็เปลี่ยนใจถอนอุทธรณ์ในภายหลังเพื่อยื่นขอพระราชทานอภัยโทษ เขาได้รับพระราชทานอภัยโทษและปล่อยตัวเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2556 รวมระยะเวลาจำคุก 3 ปี 3 เดือน 5 วัน หลังจากออกมาใช้ชีวิตได้ไม่ถึงหนึ่งปี ก็เกิดรัฐประหารในปี 2557 เขาถูกคณะรัฐประหารเรียกให้ไปรายงานตัวโดยไม่ได้ระบุเหตุผล เขาจึงตัดสินใจลี้ภัยออกไปนอกประเทศ
5) นายจอม เพชรประดับ อดีตสื่อมวลชนนักกิจกรรมทางการเมือง และผู้ลี้ภัยในต่างแดน ได้โพสต์แสดงความคิดเห็นกรณี “จักรภพ” โพสต์ประกาศกลับไทย ในวันที่ 28 มี.ค.นี้ ระบุว่า
“ยินดีกับการได้กลับบ้านของคุณจักรภพ เพ็ญแข และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการกลับมาครั้งนี้ คงมาร่วมกันผลักดันให้อย่างน้อยสุด ผู้ต้องหาทางการเมืองที่อยู่ในคุกทั้งหมดได้รับการประกันตัว หรือปล่อยตัวเพื่อออกมาสู้คดีตามสิทธิ หาไม่แล้วก็จะเป็นอีกคนที่ล้มละลายทางความเชื่อ และความศรัทธา รวมถึงอาจถูกตราหน้าว่า
ตระบัดสัตย์เพิ่มขึ้นอีกคน”
6) นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส. นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊ก เทพไท เสนพงศ์-คุยการเมือง หัวข้อ “จักรภพกลับไทย โครงการนำร่องของทักษิณ นำบริวารกลับบ้าน” ความว่า...
“ผมรู้สึกยินดี ต่อการกลับสู่ประเทศไทยของนายจักรภพ เพ็ญแข ในฐานะเพื่อนร่วมชาติ หลังจากลี้ภัยการเมืองไปเป็นเวลา 15 ปี เท่ากับการหนีคดีของคุณทักษิณ และได้ตัดตัดสินใจกลับสู่ประเทศไทย เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเหมือนกับคุณทักษิณ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามไปรับที่สนามบิน เพื่อเข้ามาสอบสวนและได้ก้มกราบพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระบรมราชินี ซึ่งเป็นการแสดงตนให้สังคมรับรู้ว่า มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อลบล้างข้อครหาเกี่ยวกับคดีความมาตรา 112 ในอดีตที่ผ่านมา
การกลับมาของคุณจักรภพ ซึ่งได้ยอมรับกับสื่อมวลชนแล้วว่า ได้พูดคุยกับคุณทักษิณ ก่อนที่จะเดินทางกลับ จึงทำให้เชื่อว่าจะได้รับการอำนวยความสะดวกจากเจ้าหน้าที่ของรัฐอย่างเต็มที่ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เพื่อให้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในรัฐบาลชุดนี้ เมื่อระบอบทักษิณจับมือจัดตั้งรัฐบาลแบบข้ามขั้วกับกลุ่มอนุรักษ์นิยมเป็นผลสำเร็จ จนเกิดความปรองดองขึ้นในระดับผู้นำแล้ว ก็อยากจะให้ประโยชน์ได้ตกกับมวลชนระดับล่างบ้าง
จึงอยากจะเสนอให้รัฐบาลชุดนี้ และคุณทักษิณ ได้ดำเนินการใน 2 เรื่อง คือ
1.นิรโทษกรรมให้กับผู้กระทำผิดทางการเมืองทุกกลุ่ม โดยไม่เลือกปฏิบัติ เพื่อให้เกิดความปรองดองในชาติอย่างแท้จริง
2.เปิดโอกาสให้นักกิจกรรมทางการเมือง และนักการเมืองที่ลี้ภัยการเมืองในต่างประเทศ ซึ่งยังมีอีกหลายคน ได้กลับสู่ประเทศไทยอย่างสะดวกปลอดภัย ได้รับการปฏิบัติเหมือนกับคุณจักรภพ และคุณทักษิณด้วย
เมื่อบ้านเมืองเดินมาถึงยุคระบอบทักษิณผสมพันธุ์กับกลุ่มอนุรักษ์นิยมแล้ว ก็ควรเร่งให้ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาพปกติโดยเร็ว
7) ขณะที่ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ นักกฎหมาย อดีตรองหัวหน้าพรรคการเมือง อดีตรัฐมนตรี อดีต สส. โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “วางหน้าที่บนบ่าของคุณลงเถอะ” ความว่า
“ผมฟังคุณจักรภพ เพ็ญแข ให้สัมภาษณ์ หลังจากเดินทางเข้ามอบตัว ก็คิดว่าเป็นการพูดสรุปหลังจากการพูดคุยกับผู้มีอำนาจทุกฝ่ายแล้ว ผมสรุปประเด็นสั้นๆ บางประเด็นที่คุณจักรภพพูดได้ว่า...
• ประชาธิปไตยได้รับอนุญาตให้เจริญเติบโต
• ผู้ยึดอำนาจเปลี่ยนวิธีคิดไปเยอะ
• อย่าพูดว่ามี deal อะไรกับใคร แต่พูดได้ว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นถ้าไม่มีการพูดคุยกัน
• ขณะนี้ ฝ่ายที่สร้างประชาธิปไตยก็มุ่งมั่นในการสร้างต่อไป ส่วนฝ่ายที่ทำลายประชาธิปไตย ก็ลดบทบาทในการทำลายลง
...ผมฟังแล้วก็ชื่นใจ ว่า ต่อไปนี้ การรักษาชาติ บ้านเมือง อยู่ในมือของฝ่ายประชาธิปไตยของคุณทักษิณ ชินวัตร แล้ว เมื่อผนวกกับฝ่ายก้าวหน้าของพรรคสีส้ม ก็ถอนหายใจ สบายใจได้ว่าต่อไปนี้ ชาติมั่นคงแล้ว
• พวกเราที่อาจถูกมองว่า เป็นฝ่ายทำลายประชาธิปไตย ก็ควรลดบทบาทลงตามคำแนะนำของคุณจักรภพ เพ็ญแข
• วางหน้าที่บนบ่าทั้งสองของคุณลงเถอะ คุณไม่เหนื่อยบ้างหรือ ที่แบกชาติบ้านเมืองมา 17-18 ปี/
#ครั้งหน้า ผมจะออกไปใช้สิทธิไม่ประสงค์เลือกพรรคการเมือง และผู้สมัครคนไหน/
สรุป :
เป็นที่น่าขมขื่นใจสำหรับคนไทยจำนวนมาก ที่การกลับมาและการพ้นโทษของทักษิณ นำความเคลือบแคลงมาสู่กระบวนการยุติธรรมไทย ไม่ว่าทักษิณจะผ่านไปทางใด ความเสื่อม ความอัปรีย์ ดูเหมือนจะเกิดขึ้นทันทีกับที่นั้นๆ
แพทย์กับโรงพยาบาลตำรวจกลายเป็น “ตัวตลก” กลายเป็นองค์กรและบุคคลที่ไม่น่าเชื่อถือ เพียงเพราะต้องช่วยกันปิดบังอาการเจ็บป่วยที่แท้จริงของทักษิณ?
กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ถูกตั้งคำถามเรื่อง“การพักโทษ” ว่าเอื้อและอุ้มให้ทักษิณได้อยู่เย็นเป็นสุข กว่านักโทษคนอื่นๆ ที่ติดตะรางจนหัวหงอก อาทิ ภูมิ สาระผล, บุญทรง เตริยาภิรมย์ จำเลยคดีทุจริตจำนำข้าว
ทักษิณไปพรรคเพื่อไทย กกต. บอก ยังไม่เข้าข่ายครอบงำพรรค
เศรษฐา ทวีสิน กลายเป็นแค่หุ่นเชิด ตัวตลก เมื่อขี้ข้าบริวารพากันก้มหัวนอบน้อมต่อทักษิณ แต่ไม่เคยกระทำต่อเศรษฐา
ลูกสาวเดินคอแข็ง เชิดหน้า มองคนด้วยหางตา ใต้เงาผู้เป็นพ่อ
ส่วนตัวแล้ว ทักษิณกับโคตรญาติและขี้ข้าบริวารจะเป็นอย่างไรก็เป็นไป แต่การเอา “ต้นทุนของประเทศไทย” ทั้งเรื่อง ความโปร่งใส ตรวจสอบได้,ความยุติธรรม, นิติรัฐ นิติธรรม, ธรรมาภิบาล,จรรยาแพทย์ ฯลฯ ซึ่งถือเป็น ภูมิคุ้มกัน” ของประเทศ ไปเป็นเครื่องสังเวย มันคือการ “ลงทุนที่ไม่คุ้ม” เลย
ยิ่งถ้าต้อง “ตั้งเครื่องสังเวยเพิ่ม” ให้แก่ลิ่วล้อบริวารของทักษิณเพิ่มขึ้นอีก คำถามคือ บ้านเมืองจะเหลวแหลกและตกต่ำไปจนถึงจุดไหน
เพียงเพราะการเมืองและผู้มีอำนาจจนตรอก? จึงเลือกใช้ “ทักษิณเป็นยา”
แล้ว ภูมิคุ้มกันที่ถูกสเตียรอยด์อย่างทักษิณทำลายไป
ใครจะฟื้นฟูมัน?
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี