คงจำกันได้ กรณีข่าวอื้อฉาว จับกุมพระชื่อดังและพวก วัดป่าแถวปากช่อง
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) แจกแจงรายละเอียดในครั้งนั้น ระบุว่า พระชื่อดัง เป็นประธานสงฆ์ ดูแลการใช้จ่ายเงินต่างๆ ของวัด รวมถึงเงินที่ญาติโยมทำบุญกับทางวัด ร่วมกับเจ้าอาวาสวัด (พระอีกรูป)มีพฤติการณ์นำเงินทำบุญหลายร้อยล้านของวัดไปใช้จ่ายส่วนตัว
พฤติการณ์สั่งการให้เจ้าอาวาสนำเงินสดไปมอบให้น้องสาวของตน เพื่อฝากเข้าบัญชีธนาคาร
ค้นบ้านพักน้องสาวของพระดัง พบเงินสดกว่า 51 ล้านบาทถูกเก็บไว้ในลังโฟมและกระเป๋าเดินทางในบ้านพักดังกล่าว
พบเงินวัดที่อยู่ในบัญชีเบื้องต้นอีกกว่า 130 ล้านบาท
ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติหมายจับพระดังและพวก
เจ้าอาวาสโดนข้อหา “เป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใดเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ”
พระดังไม่ใช่เจ้าพนักงาน จึงโดนข้อหา “เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต,เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ” เป็นต้น
ล่าสุด เมื่อวานนี้ ศาลอาญาคดีทุจริตฯ พิพากษาลงโทษจำคุกระนาว
โดยมีการเผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์คำพิพากษาศาลฯ ลงโทษเจ้าอาวาส (ไม่เปิดเผยชื่อ) พร้อมพวก คนละหลายร้อยปี แต่ติดจริง 50 ปี โดยไม่รอลงอาญา
รายละเอียดที่น่าสนใจเป็นอุทาหรณ์ โดยสรุป ดังนี้
1. รายละเอียดพฤติการณ์ตามคำฟ้อง ระบุชัดเจน
เจ้าอาวาสปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต เบียดบังเงินสดที่มีผู้บริจาคให้แก่วัด
โดยนำเงินเก็บรักษาไว้ที่กุฏิเจ้าอาวาส แล้วยินยอมให้พระดังที่เป็นประธานสงฆ์และพวก นำเข้าฝากในบัญชีเงินฝากธนาคารชื่อบัญชีจำเลยรายอื่นๆ โดยมีเงื่อนไขให้คนใกล้ชิดนั้นเบิกถอนได้แต่เพียงผู้เดียว รวม 76 ครั้ง
นอกจากนี้ ยังนำส่งมอบให้จำเลยที่ 3 คนใกล้ชิดพระดัง เก็บไว้เป็นเงินสดในที่พักอาศัย
เจ้าพนักงานตำรวจตรวจยึดได้เป็นเงิน 51,918,170 บาท
ระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม 2566 ถึงวันที่ 7 พฤษภาคม 2566 เจ้าอาวาสปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต เบียดบังเอาทรัพย์ของวัดไป โดยเจ้าอาวาสตกลงกับพระดัง ประธานสงฆ์และพวกจำเลยแล้ว ก่อนเจ้าอาวาสและพระดังเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ได้สั่งการให้พวกจำเลยขนย้ายทรัพย์สินออกจากกุฏิของเจ้าอาวาสและพระดังไปซุกซ่อนตามสถานที่ต่างๆ ภายในวัด เพื่อรอฟังคำสั่งจากเจ้าอาวาสและพระดังว่าจะให้นำทรัพย์สินดังกล่าวออกจากวัด เมื่อใด
ต่อมาวันที่ 7 พฤษภาคม 2566 พระดังโทรศัพท์แจ้งให้พวกช่วยกันขนย้ายทรัพย์สินบางส่วนใส่รถตู้ออกไปซุกซ่อนไว้ที่อื่นนอกวัด โดยมีบางส่วนยังคงซุกซ่อนอยู่ในวัดและอยู่ในกุฏิของเจ้าอาวาส ซึ่งขนย้ายไปยังไม่หมด
การกระทำของพระดัง กับพวก เป็นการร่วมกันกับเจ้าอาวาส เบียดบังเอาทรัพย์นั้นไป และเป็นการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่เจ้าอาวาสในการ
กระทำความผิด
รวมเงินสดและทรัพย์ที่ถูกประทุษร้ายเป็นจำนวน 1,454 รายการ
รวมราคาเป็นเงินประมาณทั้งสิ้น 299,505,992 บาท (299 ล้านบาท)
2. ศาลพิเคราะห์แล้ว พยานหลักฐานที่โจทก์ชี้ช่องมีน้ำหนักมั่นคงให้ฟังได้ว่า
ขณะเกิดเหตุ เจ้าอาวาสวัด ป. เป็นเจ้าพนักงานตามความในประมวลกฎหมายอาญา และเป็นเจ้าพนักงานของรัฐตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561
พระดัง เป็นประธานสงฆ์ สั่งการให้เจ้าอาวาสเบิกถอนเงินจากบัญชีเงินฝากธนาคารของวัด ป. และบัญชีเงินฝากธนาคารของเจ้าอาวาส ซึ่งเป็นบัญชีสำหรับฝากเงินที่วัดได้รับบริจาค นำมาเก็บรวบรวมไว้ โดยมิได้จัดทำบัญชีแจกแจงตามหน้าที่ที่กฎหมายบัญญัติไว้ แล้วนำเงินดังกล่าวไปส่งมอบให้จำเลยอีกคน นำเข้าฝากในบัญชีเงินฝากธนาคารชื่อจำเลยผู้นั้นและบัญชีเงินฝากธนาคารบุคคลอื่นที่มีการขอให้เปิดบัญชีให้ไว้ โดยให้จำเลยผู้นั้น ซึ่งมีความใกล้ชิดกับพระดัง มีอำนาจเบิกถอนเงินเพียงผู้เดียว รวม 76 ครั้ง และบางส่วนนำเก็บเป็นเงินสดไว้ในที่พักอาศัยจำเลยผู้นั้น
การกระทำของเจ้าอาวาส จึงเป็นการจัดการทรัพย์สินของวัดโดยมิชอบ และมีลักษณะเป็นการเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นไปเสีย
โดยมีพระดังและคนใกล้ชิด เป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด
3. เงินสดและทรัพย์สินที่ตำรวจพบและยึดไว้เป็นของกลางภายในวัด
ศาลพิพากษา ระบุว่า พยานหลักฐานที่โจทก์ชี้ช่องมีน้ำหนักมั่นคงฟังยุติได้ว่า
วันที่ 1 พฤษภาคม 2566 อันเป็นวันก่อนที่เจ้าอาวาสลาสิกขา จำเลยคนอื่นร่วมกันขนย้ายทรัพย์สินของกลางดังกล่าวที่เก็บอยู่ในวัด ป. ถือว่าอยู่ในความครอบครองของเจ้าอาวาส นำออกไปซุกซ่อนไว้ตามสถานที่ต่างๆ ภายในวัด ตามที่เจ้าอาวาสและพระดังสั่งการ แล้วยังมีการขนย้ายทรัพย์สินดังกล่าวเปลี่ยนที่ซุกซ่อนเร้นครอบครองหลายครั้งเพื่อหลบเลี่ยงให้พ้นไปมิให้คณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินของวัดหรือเจ้าพนักงานตำรวจตรวจค้นพบ
ต่อมา วันที่ 7 พฤษภาคม 2566 พระดังสนทนาทางโทรศัพท์ใช้ให้จำเลยคนอื่นๆขนย้ายทรัพย์ดังกล่าวออกไปนอกวัด จึงมีการขนย้ายทรัพย์ใส่รถตู้ ขับออกจากวัดไปจอดไว้ที่บ้านพักอาศัยจำเลยอีกคน เป็นการกระทำมีวัตถุประสงค์ต่อเนื่องกับการขนย้ายทรัพย์ตั้งแต่เริ่มต้นเป็นกรรมเดียว
การกระทำข้างต้น เป็นการร่วมกันเบียดบังทรัพย์ของวัด ป. โดยทุจริต
4. คำพิพากษาคดี ระบุชัดเจนว่า
เจ้าอาวาส จัดการทรัพย์สินของวัดโดยมิชอบ เป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด
หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นไปเสีย และฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
โดยมีพระดังเป็นผู้ใช้ให้กระทำความผิดและเป็นผู้ร่วมกระทำความผิด
ส่วนจำเลยคนอื่น มีทั้งเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด หรือร่วมกันกระทำความผิดในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ โดยจำเลยที่ไม่ได้เป็นเจ้าพนักงาน ขาดคุณสมบัติเฉพาะตัวตามที่กฎหมายกำหนดไว้โดยเฉพาะ จึงมีความผิดเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานฯ กระทำความผิด
การกระทำเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
ให้ลงโทษเจ้าอาวาส จำเลยที่ 1 ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์นั้นไปเสีย
ลงโทษพระดัง จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 คนใกล้ชิดพระดัง ฐานเป็นผู้สนับสนุนฯการกระทำผิด
ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90
จำคุกเจ้าอาวาส จำเลยที่ 1 กระทงละ 6 ปี รวม 78 กระทง คงจำคุก 468 ปี
จำคุกพระดัง จำเลยที่ 2 กระทงละ 4 ปี รวม 78 กระทง คงจำคุก 312 ปี
จำคุกจำเลยที่ 3 (คนใกล้ชิดพระดัง) กระทงละ 4 ปี รวม 77 กระทง คงจำคุก 308 ปี
เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วให้จำคุกคนละ 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3)
ส่วนจำเลยอื่นๆ มีโทษลดหลั่นกันไปตามความผิด
นี่คือ ปัจฉิมบทของคดีอื้อฉาว พระดังโกงเงินวัดป่าชื่อดังกว่า 300 ล้านบาท
ตอกย้ำว่า เงิน คือ อสรพิษร้ายสำหรับสมณศักดิ์สงฆ์อย่างแท้จริง
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี