เห็นข่าวเรื่อง “เดอะอ้วน-ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พูดเรื่องข้าวสารในโกดังที่จังหวัดสุรินทร์ซึ่งเก็บมายาวนานถึง 10 ปี ตั้งแต่สมัยรัฐบาล“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”โกงกิน จนทำให้ยิ่งลักษณ์ต้องกลายเป็นสัมภเวสีหลบหนีคดีอยู่ในต่างแดนจนทุกวันนี้ ว่ายังอยู่ในสภาพที่ดี ฟังแล้วก็ได้แต่เศร้าใจ ที่คนเป็นผู้บริหารราชการแผ่นดินของบ้านเมืองเป็นได้ถึงขนาดนี้
นายภูมิธรรม เวชยชัย วัย 72 ปี หรือมีนิ๊กเนมชื่อเล่นว่า“อ้วน” ที่คนทั่วไปเรียกกันว่า“เดอะอ้วน” คีย์แมนคนสำคัญของพรรคเพื่อไทย และเป็น“มือวาง”ที่ไว้วางใจได้ของนายใหญ่และนายหญิงแห่งบ้านจันทร์ส่องหล้า ให้สัมภาษณ์เรื่องดังกล่าวระหว่างไปประชุม ครม.สัญจรที่จังหวัดพะเยาเมื่อวันก่อน ว่าได้รับการร้องเรียนว่ายังมีข้าวในโครงการรับจำนำข้าวสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อยู่ 2 คลัง มีข้าว 1.2 แสนกระสอบ เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นข้าวที่ยังอยู่ในสภาพดี
“ที่ผ่านมามีปัญหาถูกปิดทำให้โกดังเสียโอกาส ได้ตรวจสอบอย่างละเอียดพบว่า ข้าวเม็ดสวยมีปลายจมูกข้าว ผิวข้าวอาจจะเหลืองนิดหน่อย แต่สามารถหุงกินได้ และวันที่ไปตรวจถือว่าครบ 10 ปีพอดีจากโครงการจำนำข้าว...ถ้าขายในตอนนี้ ก็จะได้เงินคืนมาจำนวนหนึ่ง สามารถนำไปคืนโรงสีและค่าเช่าโกดังที่ค้างอยู่ และเหลือเงินเข้าคลัง เพราะเป็นข้าวของรัฐบาล” นายภูมิธรรม เวชยชัย กล่าว
พลันที่สิ้นกระแสเสียงของนายภูมิธรรม เวชยชัย หนึ่งในผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย อีกทั้งยังเป็นอดีตรองเลขาธิการพรรคไทยรักไทย และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมสมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมีบทบาทสำคัญในรัฐบาลชุดนี้ทั้งในฐานะ“ผู้จัดการรัฐบาล” และพี่เลี้ยงนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ“เศรษฐา ทวีสิน” ก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในทำนองเดียวกันว่า “ขบวนการฟอกขาวยิ่งลักษณ์”เริ่มงานใหม่แล้ว หลังจาก“ขบวนการโกหกอย่างเกรียงไกร”กรณีนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร สำเร็จเสร็จสิ้น เมื่อ“นายใหญ่”ได้รับการพักโทษโดยไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว
ขณะที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น“มือปราบโกงข้าว”จนทำให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องกลายเป็นนักโทษหนีคดีจนทุกวันนี้ โพสต์ลงเฟซบุ๊กของตนในหัวข้อ“ภูมิธรรมจะฟอกขาวให้ยิ่งลักษณ์หรือไม่” ว่า”แม้ผมมาพักผ่อนต่างประเทศ แต่ผมเห็นข่าวเรื่องเก็บข้าวหอมมะลินี้แล้ว ผมคิดว่านายภูมิธรรมน่าจะเลอะเทอะมากเกินไป ข้าวสารที่เก็บมานานเป็น 10 ปี ถ้ายังดีจริง ด้วยหลักการเขาต้องขายไปนานแล้ว”
หมอวรงค์ เดชกิจวิกรม ยังเขียนโพสต์แสดงความเห็นไว้ในเฟซบุ๊กด้วยว่า “การเก็บข้าวสารนานเป็น 10ปี มอดจะกินหมดแม้จะรมยา แสดงว่าข้าวต้องมีปัญหา จึงขายไม่ได้หรือข้าวถูกล้อมกองยัดไส้ ถ้าข้าวดีจริง ทำไมจะต้องเก็บไว้ ยิ่งมาบอกว่า ข้าวดังกล่าวไปทดลองหุง ยังมีกลิ่นหอม ข้าวยังมียาง เป็นข้าวชั้นดี สามารถนำมารับประทานได้...จะพูดอะไรให้คิดถึงความจริงบ้าง อย่าทำตัวเป็นขี้ข้านักโทษโกงคุก ไม่สนใจความจริงที่เกิดขึ้น โกหกหน้าด้านๆ หรือไม่ หรือถูกหลอกเล่นละครตบตา ขอย้ำว่าถ้าข้าวดังกล่าวดีจริง เขาควรขายไปนานแล้ว"
นอกจากนั้น นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต สส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ยังได้เตือนนายภูมิธรรม เวชยชัย ว่า”ผมคิดว่านายภูมิธรรม อาจจะต้องการฟอกขาวโครงการรับจำนำข้าวให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ผมเตือนไว้เลยนะครับว่า ยิ่งฟอกจะยิ่งแสบ ยิ่งลักษณ์ไม่ได้ผิดเพราะการเก็บข้าวเน่า เป็นเรื่องฝ่ายปฏิบัติต้องรับผิดชอบ ตามคำพิพากษาของศาล แต่ยิ่งลักษณ์ผิดเพราะละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ของการระบายข้าวแบบจีทูจี ฟอกอย่างไรก็ไม่ขาว”
หากย้อนดูปูมหลัง ในปี 2555 ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านนั้น นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ถือได้ว่าเป็นหัวหมู่ทะลวงฟันในการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กรณี“ทุจริตโครงการรับจำนำข้าว” และผลจากการอภิปรายซักฟอกครั้งนั้นได้กลายเป็นสารตั้งต้นก่อนจะนำเรื่องไปยื่นต่อ ป.ป.ช.เพื่อดำเนินคดีทุจริตกับผู้ที่ถูกซักฟอก จนกระทั่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาตัดสินในปี 2560 ซึ่งนอกจากยิ่งลักษณ์จะถูกพิพากษาจำคุก 5 ปีแต่หลบหนีแล้ว ยังมีรัฐมนตรีร่วมรัฐบาล ข้าราชการระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์ และพ่อค้าข้าว รวมแล้ว 10 กว่าคนถูกตัดสินจำคุก
พฤติการณ์ที่นำมาสู่คำพิพากษานั้น เป็นผลสืบเนื่องจากโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ซึ่งศาลฎีกาฯชี้ว่าเป็นการขายที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากมีการแอบอ้างสัญญาจีทูจี เพื่อนำข้าวมาเวียนขายแก่ผู้ค้าข้าวในประเทศ แล้วมีการหาประโยชน์ที่ทับซ้อนโดยทุจริต อันเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย
“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลย วันที่ 27 กันยายน 2560 สั่งจำคุก 5 ปี โดยมีมติเป็นเอกฉันท์ ไม่รองลงอาญา และสาเหตุที่ต้องอ่านคำพิพากษาลับหลัง ก็เพราะนางสาวยิ่งลักษณ์ได้หลบหนีการฟังคำพิพากษาไปก่อนหน้านั้นหนึ่งเดือนโดยอ้างว่าป่วย“น้ำในหูไม่เท่ากัน”
ส่วนผู้ที่ไม่ได้หลบหนี จะด้วยหลบหนีไม่ทันหรือกล้ายอมรับในผลการกระทำของตนก็ตาม ถูกพิพากษาตัดสินจำคุกก่อนหน้านางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้อ่านคำพิพากษาตัดสินในวันที่ 25 สิงหาคม 2560 ซึ่งในจำนวนนั้นก็มี นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จำคุก 48 ปี, นายภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยฯพาณิชย์ จำคุก 36 ปี,นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าข้าวต่างประเทศ จำคุก 40 ปี, นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตรองอธิบดีกรมค้าข้าวต่างประเทศ จำคุก 32 ปี และนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือเสี่ยเปี๋ยง พ่อค้าข้าว จำคุก 48 ปี
ดังนั้น-บรรทัดนี้“เดอะอ้วน-ภูมิธรรม เวชยชัย” จงฟังคำเตือนของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ที่ว่า“ยิ่งฟอกจะยิ่งแสบ” และสำหรับ“เดอะอ้วน”นึกไปนึกมาก็คล้าย“อ้วนสุด”ตัวละครในเรื่อง“สามก๊ก” ซึ่งถูกพ่อครัวที่อ้วนสุดเคยลงโทษแกล้งหุงข้าวสาลีทั้งเปลือกให้อ้วนสุดกิน อ้วนสุดเมื่อกินข้าวติดคอ แทนที่จะเรียกหาน้ำเปล่า กลับเรียกหาของแพงอย่างน้ำผึ้งมาละลายน้ำกินเพื่อให้ชุ่มคอ พ่อครัวจึงกล่าวสำทับว่า "แผ่นดินแร้นแค้นนัก มีแต่เลือดเท่านั้น ที่ไหนจะมีน้ำผึ้งให้กิน"
“อ้วนสุด”ผู้มีความมักใหญ่ใฝ่สูงและไม่มีก๊กไหนเอาด้วยได้ฟังแล้วก็ยิ่งเจ็บช้ำน้ำใจ ในที่สุดก็กระอักเลือดตาย-เพราะข้าวติดคอโดยแท้เทียว !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี