ความชั่วร้ายของ“ฮุน เซน”ทรราชเขมรที่ก่อสงครามโดยสั่งกองทัพกัมพูชาเปิดฉากถล่มเป้าหมายพลเรือนในดินแดนไทย ทั้งโรงพยาบาลบ้านเรือนราษฎร และร้านค้า สมควรต้องประณามและจัดการกับอาชญากรสงครามที่ชื่อ“ฮุนเซน”ผู้นี้จนถึงที่สุด
แม้ถึงวันนี้จะผ่านมาแล้วเป็นวันที่ 9 และได้มีการเจรจา“หยุดยิง”ตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคมเป็นต้นมาก็ตามแต่ไทยก็ยังไว้วางใจกัมพูชาที่มีสันดานลอบกัดไม่ได้ เพราะกัมพูชาเป็นอาชญากรสงครามที่ชั่วร้ายทั้งสร้างข่าวลวง ตลบตะแลงปลิ้นปล้อนในทุกเรื่อง เพิ่มเติมกำลังเข้าประชิดชายแดนตลอดแนวโดยละเมิดข้อตกลงร่วมกัน และยังลอบวางระเบิดสังหารบุคคลในพื้นที่ ซุ่มยิงด้วยปืนและระเบิดอยู่เป็นระยะ
แต่ที่น่าเศร้าใจก็คือ ความสูญเสียชีวิตและเลือดเนื้อของประชาชนคนไทยผู้บริสุทธิ์และทหารหาญของไทยที่ต้องไปยืนอยู่หน้าแนวรบ เพื่อทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติจากสงครามที่ไทยไม่ได้เป็นผู้ก่อในครั้งนี้
สรุปยอดความสูญเสียตั้งแต่วันที่ 24-31 กรกฎาคมเมื่อวานนี้ จากการแถลงของนายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทยนั้น มีประชาชนได้รับผลกระทบใน 7 จังหวัด 42 อำเภอ 321 ตำบล และ 3,884หมู่บ้าน รวมทั้งสิ้น 278,506 ครัวเรือน 839 ,935 คน ผู้เสียชีวิต 17 ราย บาดเจ็บ 38 รายโดยมีการประกาศพื้นที่ภัยพิบัติ 7 จังหวัด, 36 อำเภอ, 238 ตำบล และ 2,702 หมู่บ้านซึ่งขณะนี้ยังมีประชาชนหลบภัยอยู่ในศูนย์พักพิง 733 ศูนย์ ทั้งหมด 187,974 คนและบางมีบางส่วนอาศัยบ้านญาติพี่น้องเป็นที่หลบภัย
ส่วนโรงพยาบาล ซึ่งกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศสั่งห้ามโจมตีสถานพยาบาลเด็ดขาดแต่อาชญากรสงครามที่ชื่อ“ฮุน เซน” ก็ยังละเมิดด้วยการสั่งให้กองทัพกัมพูชาใช้ปืนใหญ่และจรวดหลายลำกล้อง“BM-21”ถล่มนั้น เป็นผลให้โรงพยาบาลได้รับผลกระทบ 20 แห่ง โดยต้องปิดบริการ11 แห่ง และปิดบางส่วน 9 แห่ง นอกจากนั้น มีโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ได้รับผลกระทบอีก144 แห่ง
นึกแล้วก็เศร้าใจ ซึ่งนอกจากเวลานี้เราจะมีรัฐบาลที่อ่อนแอ และมี“แพทองธารชินวัตร”เป็นนายกรัฐมนตรีที่ถูก 36 วุฒิสมาชิกร้องศาลรัฐธรรมนูญให้ถอนถอนออกจากตำแหน่งในข้อหา“ทรยศขายชาติ”ให้เขมรกรณี“คลิปอัปยศ”แล้ว ทั้ง“แพทองธาร”และ“ทักษิณ ชินวัตร”ผู้เป็นบิดาก็ยังถูกประชาชนคนไทยส่วนใหญ่มีความรู้สึกที่ไม่ไว้วางใจ
ที่ไม่ไว้วางใจเพราะมีข้อกังขาว่า พ่อลูกแห่ง“ตระกูลชินวัตร”คู่นี้ แอบเป็น“ไส้ศึก”ให้แก่กัมพูชาหรือไม่ด้วยผลประโยชน์ทับซ้อนบางอย่างที่แฝงอยู่ เพราะว่าทั้งตระกูลชินวัตรโดย“ทักษิณ” และตระกูลฮุนโดย“ฮุนเซน”นั้น คบหาเป็นเพื่อนสนิทกันมายาวนานกว่า 30 ปี ซึ่งนอกจากจะมีผลประโยชน์ร่วมกันและต่างต้องคอยพึ่งพาอาศัยกันแล้ว
อยู่ๆ “ฮุน เซน”ก็อ้างคำพูดของ“แพทองธาร ชินวัตร” ที่ปากพล่อยจะโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือโดยการ“สมคบคิด”กับ“อังเคิล” จากการแถลงที่บ้านพิษณุโลกเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมว่า ทั้ง“ฮุน เซน”และ“ฮุน มาเนต”นายกรัฐมตรีกัมพูชา“ไม่มีความเป็นมืออาชีพ”
และต่อมา“ฮุน เซน”ก็ใช้ปมนี้เป็นหัวเชื้อในการก่อสงครามรุกรานไทย โดยกล่าวว่า“ความผูกผันอันจริงใจที่มีมาอย่างยาวนานกว่า 30 ปี ของสองครอบครัวต้องพังทลายลง”และหลังจากนั้นในวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 “ฮุน เซน”ก็ได้เปิดฉากรุกรานไทยด้วยการถล่มเป้าหมายพลเรือน ทั้งโรงพยาบาล บ้านเรือนประชาชน ร้านค้า และโบราณสถานโดยไม่ยึดกฎกติกาใดๆ ที่เป็นหลักปฏิบัติสากล
อย่างไรก็ตาม สงครามดำเนินมาได้ 6 วัน ทางฝ่ายกัมพูชามีแต่ความสูญเสียซึ่งไม่เพียงแต่ชีวิตทหารในแนวรบ ตั้งแต่ระดับแม่ทัพลงไปจนถึงพลทหารเป็นจำนวนมากต้องบาดเจ็บล้มตายจากเครื่องบินรบ“ F-16”และ“กริพเพน”ของกองทัพไทยที่มีเป้าหมายโจมตีฐานทางทหารโดยที่ทางการกัมพูชาไม่กล้าเปิดเผยยอดทหารที่เสียชีวิตและบาดเจ็บว่ามีจำนวนเท่าไร เพราะจะทำให้“ฮุนเซน”เสียคะแนนนิยม และถูกประชาชนชาวกัมพูชาลุกขึ้นมาคัดค้านต่อต้านเท่านั้นอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพกัมพูชาผู้รุกรานก็มีจำกัด
อีกทั้งความทันสมัยและประสิทธิภาพของอาวุธยุทโธปกรณ์ก็สู้กองทัพไทยไม่ได้จึงทำให้กัมพูชาต้องวิ่งโร่ไปขอให้สหรัฐอเมริกาออกโรงมาเป็นคน“หย่าศึก”กระทั่งมีการเจรจา“หยุดยิง”ที่ประเทศมาเลเซียเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา
การหย่าศึกครั้งนี้ ด้วยข้อตกลง“หยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไข” ที่แท้ก็หวังประโยชน์เฉพาะหน้าจากสงครามเพื่อจะ“จูบก้นทรัมป์” ให้ลดกำแพงภาษี“ตอบโต้”ของสหรัฐฯ และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ก็สบโอกาสหวังสะสมแต้มเพื่อต้องการรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในฐานะผู้มีบทบาทสำคัญในการสร้างสันติภาพจากสงครามที่กัมพูชาเป็นผู้ก่อ
เรียกว่า“วิน-วิน”ทั้ง “ทรัมป์”, “ฮุน เซน” และ“ทักษิณ ชินวัตร”ที่เป็นผู้ชักใยและครอบงำรัฐบาล“แพทองธาร ชินวัตร” โดยที่“ฮุน เซน”โลภมากไปหน่อยหวังจะกินหลายต่อ ทั้งยอมสยบสหรัฐฯเพื่อผลประโยชน์อื่นๆในภายหน้า และดีไม่ดี“ฮุน เซน”ก็อาจจะต้องถูกจีน“สั่งสอน” ที่ไป“ชักศึก”คือสหรัฐฯ ซึ่งก็ไว้วางใจไม่ได้เข้ามาป้วนเปี้ยนถึงประตูหลังบ้านของจีนในอาเซียน
ที่ไม่น่าให้อภัยเป็นอย่างยิ่งก็คือ ฝ่ายไทยเรา ซึ่งนอกจากประชาชนจะได้รับความเดือดร้อนและต้องบาดเจ็บเสียชีวิต เรายังต้องสูญเสียทหารไทยผู้หาญกล้าที่ยอมสละชีวิตเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติไปถึง 15 นาย และบาดเจ็บ 196 นาย
จะอะไรก็ตามแต่ พรุ่งนี้วันที่ 2 สิงหาคมตั้งแต่เวลาเที่ยงวันถึงสามทุ่มเราคนไทยหัวใจไทยไม่ใช่หัวใจเขมร ต้องออกไปชุมนุมสำแดงพลังที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิร่วมกับ“คณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย” เพื่อจัดการกับ“ไส้ศึกภายในประเทศ”
“ทักษิณ ชินวัตร”ต้องติดคุก และ“แพทองธาร ชินวัตร”ต้องลาออก !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี