ประเทศไทยต้องไม่ยอมอ่อนข้อด้วยการเจรจาหยุดยิงกับกัมพูชาเป็นอันขาด เพราะสงครามระหว่างไทย-กัมพูชา ที่ยืดเยื้อมาจนถึงวันนี้เป็นวันที่ห้านั้น ฝ่ายกัมพูชาแสดงตนว่าเป็นผู้กระหายสงครามอย่างชัดเจน
กัมพูชาละเมิดกฎหมายอนุสัญญาเจนีวา ตามหลักพื้นฐานของกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ตั้งแต่เปิดฉากโจมตีไทยเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยยิงปืนใหญ่ และจรวดหลายลำกล้อง“BM-21” ถล่มเป้าหมายพลเรือน ทั้งโรงพยาบาล บ้านเรือนประชาชน ร้านค้า และโบราณสถาน อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ทำให้ประชาชนคนไทยรวมทั้งเด็กเสียชีวิตไปแล้ว 13 คน และบาดเจ็บกว่า 31 คน รวมทั้งมีการอพยพเข้าไปอยู่ในศูนย์พักพิง 489 แห่ง จำนวน 161,537 คน
นอกจากนี้ ขณะที่ประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศให้โลกรู้ว่า ได้พูดคุยกับผู้นำกัมพูชาและไทย เพื่อยุติความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา และยังงัดเรื่อง“ภาษีตอบโต้”มาขู่ว่า ถ้าหากไทยและกัมพูชาไม่หยุดยิงก็ไม่ต้องมาคุยเรื่องภาษีกับสหรัฐฯ นั้น ปรากฏว่ากัมพูชาซึ่งไม่ต่างจากอสรพิษ ก็ยังเปิดศึกโจมตีไทยทุกแนวรบ โดยใช้อาวุธหนัก ทั้งปืนใหญ่ และจรวดหลายลำกล้อง ถล่มเป้าหมายพลเรือนในดินแดนไทยตั้งแต่ตีสี่เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคมเมื่อวานนี้ ทั้งปราสาทตาเมือนธม และบ้านเรือนราษฎรไทย
ฟังจาก“ภูมิธรรม เวชยชัย” ในฐานะผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี จากการให้สัมภาษณ์เมื่อวานนี้ ได้ความว่า โดนัลด์ ทรัมป์ อยากเห็นการหยุดยิง และไทยได้ชี้แจงไปว่า ฝ่ายไทยยืนยันในหลักสันติภาพและการเจรจามาโดยตลอด แต่ฝ่ายเขมรมีการยิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนของไทย โดยไร้เป้าหมายทางทหาร
ขณะที่ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) ให้สัมภาษณ์กรณีการพูดคุยระหว่าง“ทรัมป์” กับ“ภูมิธรรม เวชยชัย” ว่า “ผมอยู่ในวงพูดคุยด้วย ทางเราได้บอกไปว่า รับดำเนินการ แต่ขอให้เป็นไปตามกลไกและกระบวนการ เพราะประเทศไทยปกครองระบอบประชาธิปไตย เราฟังเสียงประชาชน มีกลไกรัฐบาล แตกต่างจากทางกัมพูชาที่ปกครองโดยคนสองคนหรือสามคน เขาจึงสามารถตอบได้ทันทีว่า เยสหรือโน แต่ของเราต้องหารือในรัฐบาลก่อน, เราไม่คิดว่า รัฐบาลกัมพูชาจะไม่ปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ อนุสัญญาเจนีวา อนุสัญญาออตตาวา และขาดหลักมนุษยธรรม เราไม่เคยคิดว่า ในปี 2025 ยังมีกองทัพประเทศในโลกปฏิบัติการลักษณะนี้ ยืนยันทุกคนไม่ต้องกังวล รัฐบาลจะดำเนินการด้วยการรอบคอบ”
สรุปก็คือ ทางฝ่ายไทย ต้องไม่ยอมอ่อนข้อให้กัมพูชา เพราะทางฝั่งกัมพูชานั้น คนอย่าง“ฮุน เซน” ไว้ใจไม่ได้เลย เพราะบุคคลผู้นี้เป็นทรราช
ฝ่ายไทยยึดมั่นในหลักมนุษยธรรม และยึดหลักปฏิบัติการตอบโต้ในลักษณะจำกัดวงและจำเพาะเป้าหมายทางทหารตลอดมา ตั้งแต่กัมพูชาเปิดฉากรุกรานไทย โดยเคร่งครัดต่อหลักสากล เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบต่อประชาชนกัมพูชา แต่ฝ่ายกัมพูชาใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายพลเรือนไทยอย่างไร้ความปรานี
ดังนั้นตราบใดที่“ฮุน เซน”ยังครองอำนาจ สงครามระหว่าง“ไทย-กัมพูชา”ก็ยังคงยืดเยื้อ
สำคัญที่สุด สถานการณ์สงครามระหว่างไทยจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ ก็มีแต่“ฮุน เซน”ต้องถูกโค่นลงจากอำนาจ และคนที่พอจะมีอำนาจลุกขึ้นมาโค่นล้ม“ฮุน เซน”และล้าง“ระบอบฮุนเซน”ในกัมพูชาได้ในเวลานี้ ก็เห็นจะมีแต่“พล.อ.เตีย บัณห์” อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา เท่านั้น เนื่องจากเป็นผู้ทรงอำนาจอีกตระกูลหนึ่งในกัมพูชา และเป็นเสาค้ำยันให้“ฮุน เซน”ครองอำนาจมาอย่างยาวนานเกือบ 40 ปี
ช่วงเวลาเกือบ 40 ปี ของ“ฮุน เซน” และการผูกขาดอำนาจของ“ตระกูลฮุน” จนกลายมาเป็น“ระบอบฮุน เซน” ที่สามารถชักใยได้แม้กระทั่งสถาบันกษัตริย์ นั้น นอกจากการผูกขาดด้านการเมืองแล้ว ก็ยังผูกขาดด้านเศรษฐกิจ ทั้งธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ เหมืองแร่ สัมปทานป่าไม้ และกาสิโน
อีกทั้ง ในขณะที่ครอบครัว“ตระกูลฮุน”สะสมความมั่งคั่งจนร่ำรวยล้นฟ้า แต่ประชาชนชาวกัมพูชาส่วนใหญ่กลับตกอยู่ในสภาพความยากจนข้นแค้น ไร้ซึ่งสิทธิและเสรีภาพในทางการเมืองและทางสังคม ประเทศกัมพูชากลายเป็น“รัฐ”ในครอบครอง”ของ“ตระกูลฮุน” โดยที่ประชาชนไม่สามารถมีปากมีเสียง และมีส่วนร่วมใดๆ ทั้งสิ้น
ว่ากันว่า กฎหมาย ศาล และตำรวจ ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการปราบปรามฝ่ายตรงข้ามกับ“ระบอบฮุนเซน” ที่เวลานี้แม้ว่าการสืบทอดอำนาจในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ“ฮุน เซน” จะเปลี่ยนถ่ายมาให้“ฮุน มาเนต”บุตรชาย แต่ผู้ทรงอำนาจตัวจริงก็ยังเป็น“ฮุน เซน”
สำหรับ พล.อ.เตีย บันห์ วัยย่าง 80 ปี หรือผู้มีนามว่า“สังวาลย์ หินกลิ้ง”ในฐานะคนไทยเกาะกงในอดีต ผู้ซึ่งสามารถจะต่อกรกับ“ฮุน เซน”ได้นั้น เวลานี้ยังมี“พล.อ.เตีย เซ็ยฮา”บุตรชาย เป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมกัมพูชา
ฉะนั้น จะมีก็แต่สมเด็จพิชัยเสนา“พล.อ.เตีย บันห์”เท่านั้น ที่สามารถโค่นล้มอำนาจ“พ่อลูกตระกูลฮุน” คือ“ฮุน เซน” และ“ฮุน มาเนต”ลงได้
สองพ่อลูกคู่นี้ คือ“อาชญากรสงคราม”ผู้ก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี