วันนี้ถ้าบ้านเมืองของเราไม่มีรัฐบาลผสมที่นำโดยพรรคเพื่อไทย และนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ“แพทองธาร ชินวัตร” ซึ่งถูกครอบงำและถูกชักใยโดยอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ปัญหาต่างๆ ที่ชุลมุนชุลเกอยู่ในเวลานี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้น
ปัญหาไทยกับเขมรนั้น น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง เพราะเหตุแห่งปัญหาที่เกิดขึ้นมา ก็เพราะความสัมพันธ์ที่เกี่ยวเนื่องจากผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่าง “ทักษิณ ชินวัตร” กับ “ฮุน เซน”
“อาคม ซิดนี่ย์” ซึ่งถูกขนานนามว่าเป็น “แดงฮาร์ดคอร์”ของมวลชนคนเสื้อแดง เขียนโพสต์ลงเฟซบุ๊ก“อาคม ซิดนี่ย์” เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา ไว้อย่างน่าคิดว่า
“ทักษิณ-ฮุนเซน ต่างก็เป็นโจรมันจึงคบหากันได้ แต่ถึงคราวแบ่งสมบัติกันเมื่อไหร่ โจรปล้นโจรก็ต้องเกิดขึ้น ไม่เว้นทักษิณ-ฮุนเซน”
และนอกจากนั้น “อาคม ซิดนี่ย์” ก็ยังเขียนถึงเบื้องหลัง“ชายชุดดำ”ในปี 2553 ในสมัยรัฐบาล“อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ขณะที่“ทักษิณ ชินวัตร”หลบหนีอยู่ในต่างแดน ก็เป็นเพราะการประสานความร่วมมือของ“ทักษิณ” กับ“ฮุน เซน” ลงในเฟซบุ๊ก“”
ซึ่ง“สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล” ที่เวลานี้หลบหนีคดีและมีสถานะเป็นผู้ลี้ภัยอยู่ในฝรั่งเศส ได้นำมาถ่ายทอดต่อในเฟซบุ๊ก “Somsak Jeamteerasakul” เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคมที่ผ่านมา เป็นโยงใยจาก“จักรภพ เพ็ญแข” ไปถึง“ทักษิณ ชินวัตร” และ“ฮุน เซน”
ขอยกมาดังนี้เพื่อประดับเป็นข้อมูล และจะได้มองเหตุการณ์ต่างๆ ที่พันกันระหว่าง“ทักษิณ ชินวัตร”กับ“ฮุน เซน” ได้ทะลุปุโปร่ง ซึ่ง“สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล” อดีตอาจารย์คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่หลบหนีออกจากประเทศไทย ผ่านช่องทางธรรมชาติไปยังประเทศกัมพูชา เมื่อเดือนมิถุนายน 2557 ก่อนที่จะหลบหนีไปยังประเทศฝรั่งเศส-เขียนไว้อย่างนี้
“ผมจะพาให้คนอ่าน อ่านบทความรำลึกความหลังเกี่ยวกับจักรภพ เพ็ญแข ของคุณ อาคม ซิดนี่ย์ บทความนี้เขียนเป็นตอนๆ ขณะนี้มี 3 ตอนด้วยกัน ผู้อ่านที่มีเวลา ควรอ่านหมด แต่ถ้าไม่มีเวลา ขอแนะนำให้อ่านตอนที่ 2 ซึ่งคุณอาคมได้เล่าการไปเยี่ยมจักรภพที่บ้านพักในพนมเปญ (ผมจำเป็นต้องเล่าว่าผมเคยพบจักรภพครั้งเดียวที่ที่พักผม เป็นการพบทีละหลายคน คือเขามาคนเดียวพบกับผมกับเพื่อนผู้ลี้ภัยหลายคน วันนั้นไม่ได้คุยอะไรมากโดยเฉพาะเรื่องความเป็นอยู่ของเขา แต่ผมมีโอกาสสอบถามเรื่องนี้จากเพื่อนบางคน ภาพโดยรวมไม่ต่างจากที่คุณอาคมเล่า แต่ให้ฟังจากคุณอาคมซึ่งได้ไปคุยด้วยโดยตรงดีกว่า)”
“ตอนนั้นจักรภพพักอยู่กับ ‘มือปืน’ ชาวไทย (ที่ผมทราบมามีอยู่ 4-5 คน) หรือที่คุณอาคมเรียกว่า ‘ชายชุดดำ’ คนเหล่านี้เป็นคนไทย ‘เสื้อแดง’ ที่ลี้ภัยไปอยู่ที่นั่น ตอนที่ผมคัดมานี้ เป็นตอนที่‘ชายชุดดำ’ คนหนึ่งเล่าเบื้องหลังการยิงสนธิ ลิ้ม ให้คุณอาคมฟัง ผมเห็นว่าน่าสนใจมาก และผมเองต้องบอกว่าไม่เคยรู้มาก่อน ผมรู้เรื่องที่คนเหล่านี้แอบซุ่มตีพลเอกร่มเกล้ามาก่อน แต่ไม่รู้เรื่องสนธิ...”
“ดังที่ได้กล่าวไว้ในบทความที่แล้วว่าการไปหาจักรภพ สิ่งที่เหนือความคาดหมายของผมคือ จักรภพเปิดตัวชายชุดดำและมือปืนยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล ในค่ำคืนนั้น ทำให้เป็นที่สนใจของผู้คนที่ร่วมอยู่ในงานเลื้ยงสิบกว่าคน ที่ต่างก็พากันสอบถามด้วยความอยากรู้ที่มาของชายชุดดำ ก็นับว่าเป็นของแถมที่มีประ โยชน์อย่างยิ่ง ส่วนผมไม่ได้รีบร้อน ผมรอจนเป็นคนสุดท้ายจึงได้พูดคุยกับชายชุดดำอย่างใกล้ชิด กับคำถามแรก”
“1. เป็นทหาร บก เรือ หรืออากาศ? ปรากฏว่าผิดหมดเขาเป็นสามัญชนที่อาสามาร่วมต่อสู้โดยไม่ได้เป็นทหารสังกัดเหล่าทัพใด”
“2. เมื่อไม่ได้เป็นทหารแล้วเอาอาวุธมาจากไหน? คำตอบก็คือเวทีคนเสื้อแดง...เป็นคำตอบที่ทำให้ผมรู้สึกเหนือความคาดหมายมากยิ่งขึ้น”
“3. ผมต้องถามย้ำเวทีคนเสื้อแดง แล้วเสื้อแดงทำไมจึงมีอาวุธสงครามให้ใช้....คำตอบสมเด็จฮุน เซนให้มาเพื่อการต่อสู้จำนวน 2 ตู้ คอนเทนเนอร์ ซึ่งจักรภพก็ยืนยันในข้อเท็จ จริง….ทำให้เชื่อสนิจใจจากที่เคยได้ยินมาบ้าง”
“4. ต่อคำถามที่ว่า อาวุธมากมายขนาดนี้น่าจะเพียงพอสำหรับการต่อสู้แบบกองโจรหรือโจมตีแล้วพลางตัวเข้ากับมวลชน สร้างความระส่ำให้กับเจ้าหน้าที่.....คำตอบคือไม่สามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง เพราะแค่กระสุนหมด จะเบิกกระสุนรอบใหม่ยังต้องจ่ายตัง เลยถอดใจทิ้งอาวุธและหนีมาอยู่กัมพูชา”
“5. ก็ไหนบอกว่าเป็นอาวุธที่ฮุน เซนให้มาเพื่อช่วยการต่อสู้ เหตุใดจึงต้องซื้อ....คำตอบคือใช่ฮุน เซนให้มาเพื่อการต่อสู้จริง แต่คนเสื้อแดงเอาไปขายเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองไม่ได้เก็บไว้สำหรับต่อสู้…..ผมหวังว่าพี่น้องเสื้อแดงที่ได้อ่านบทความนี้คงจะกระจ่างถึงสาเหตุแห่งความพ่ายแพ้”
“กว่าผมจะได้คุยกับมือปืนที่ยิงสนธิ ซึ่งเป็นทหารบก ผมตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใดยิงกระสุนเข้าใส่จนรถพรุนทั้งคันทำไมโดนสนธิแค่ถากๆนัดเดียว.....คำตอบคือ ‘ผมนั่งอยู่ท้ายรถกระบะเมื่อเข้าระยะหวังผลก็ลุกขึ้นยิง วิถีกระสุนจึงลงต่ำส่วนใหญ่ลงพื้นรถมากกว่า’ ซึ่งผมก็ยังคาใจและมีคำถามที่อยากจะถามต่อ ก็พอดีเพื่อนๆ ร่วมงานต่างก็เริ่มขยับจะกลับโรงแรมที่พักเพราะเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทาง ผมก็เลยไม่มีโอกาสได้สอบถามมากกว่านี้”
“ก็นับว่าได้เปิดหูเปิดตาพอสมควร โดยเฉพาะเรื่องราวของชายชุดดำและมือปืนยิงสนธิ คืนนั้นเวลาส่วนใหญ่ใช้ไปกับการสัมภาษณ์ และสอบถามแหล่งท่องเที่ยว ทำให้หลายคนลืมเหล้าชั้นดี Chivas Brothers 100 malt ที่ผมนำติดตัวไป จึงหมดไปแค่ครึ่งขวด ก่อนกลับผมได้พูดเป็นนัยกับจักรภพว่า ผมคงต้องอยู่ต่ออีก 2-3 วันเพื่อรอแฟนๆ กลับบ้านให้เรียบร้อยก่อน จากนั้นเราคงมีเวลาที่เป็นอิสระในการพูดคุยกัน และระหว่างที่รอผมอาจไปเที่ยวเวียดนาม โดยผมขอเด็กกัมพูชาที่อยู่บ้านเดียวกันและใกล้ชิดจักรภพไปเป็นเพื่อนร่วมเดินทาง ซึ่งจักรภพก็ได้ให้ความอนุเคราะห์เป็นอย่างดี”
นอกเหนือจากนั้น “อาคม ซิดนี่ย์” ยังโพสต์ไว้ในเฟสบุ๊กในตอนที่ 1 ซึ่ง“สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล” ไม่ได้นำถ่ายทอดด้วยว่า “การชุมนุมที่ราชประสงค์เมื่อปี 2553 นับว่าเป็นความหวังของคนเสื้อแดงจำนวนไม่น้อย แต่แนวทางการต่อสู้กลับมีคำถามมากมาย เริ่มตั้งแต่มีการปะทะกันที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และปรากฏมีชายชุดดำติดอาวุธที่ไม่ทราบฝ่ายออกมายิงสู้เจ้าหน้าที่ การต่อสู้ระหว่างเจ้าหน้าที่และประชาชนเป็นไปอย่างดุเดือด โดยเฉพาะที่ถนนดินสอมีระเบิดลงกลางวงคณะนายทหารที่เข้าไปตั้งกองบัญชาการที่ รร.สตรีวิทยา ส่งผลให้มีนายทหารบาดเจ็บและตาย จนรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ต้องวางแผนสลายขั้นเด็ดขาดที่เรียกว่า ‘ขอคืนพื้นที่’ ทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงต้องถอยร่นไปสมทบกันที่เวทีราชประสงค์”
“การต่อสู้ที่ราชประสงค์ล้วนปรากฏเป็นคำถามมากมาย การตั้งป้อมปราการไม้ไผ่ไว้รับมือกับเจ้าหน้าที่ แกนนำเริ่มแตกคอเป็นสองกลุ่มระหว่างเสธ.แดงและนายจตุพร ท่านผู้หญิงวิระยา ชวกุล...ขึ้นเวทีคนเสื้อแดงหลายครั้ง แถมเดินทางไปหาทักษิณถึงดูไบเป็นว่าเล่น จนมีคนสงสัยกันว่าเพราะเหตุใดก่อนที่ทักษิณจะโฟนอิน ‘พี่-น้องแจวเรือพาผมข้ามฝั่งเรียบร้อยแล้ว ผมต้องเดินทางขึ้นดอย พี่น้องจะแบกเรือพาผมขึ้นดอยทำไม’ ตามมาด้วยเสธ.แดงถูกยิงหัวตาย ก่อนที่รัฐบาลอภิสิทธิ์จะเปิดยุทธการ ‘กระชับพื้นที่’ ความสงสัยต่างๆ เหล่านี้ทำให้ผมมีความคิดว่าคงต้องหาเวลาไปคุยกับจักรภพที่กัมพูชา”
สรุปไว้ตรงนี้อีกครั้งว่า เพราะบ้านเมืองของเรามีรัฐบาลผสมที่นำโดยพรรคเพื่อไทย และมีนายกรัฐมนตรีที่ชื่อ“แพทองธาร ชินวัตร” ซึ่งถูกครอบงำและถูกชักใยโดยอดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ปัญหาไทยกับเขมร ถึงได้ลุกลามบานปลายหนักหน่วงยิ่งขึ้นทุกวัน
กรณีเขมรลักลอบวาง“ทุ่นระเบิด”ในดินแดนไทยที่กำลังเป็นข่าวอยู่ในเวลานี้ ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มาก แต่เพราะเรามีรัฐบาลแบบนี้ และมี“ผู้ชักใย-ครอบงำ”ที่ชื่อ“ทักษิณ ชินวัตร” เราจึงมิอาจไว้วางใจอะไรได้เลย !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี