เรื่อง“ทักษิณ ชินวัตร”ครอบงำ-ชี้นำพรรคการเมือง ในฐานะที่เป็นบุคคลนอกไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค หรือกรรมการบริหารพรรคแต่สังคมรับรู้ว่าเป็น“เจ้าของพรรคเพื่อไทย”ตัวจริง แต่ก็ไม่มีคนทำอะไรได้และการ“ครอบงำ-ชี้นำ”พรรคเพื่อไทย ก็เท่ากับเป็นการ“ครอบงำ-ชี้นำ”รัฐบาลโดยปริยาย
และไม่เพียงแต่เท่านั้น เวลานี้“ทักษิณ ชินวัตร”ก็ทำตัวใหญ่คับฟ้าคับแผ่นดินไม่สนหรือไม่กลัวหน้าอินทร์หน้าพรมหมใดๆ ทั้งสิ้นจากฉายา“ส.ท.ร.”ที่ตั้งขึ้นมาเองก่อนหน้านี้อันหมายถึงทำตัว“จุ้น”เข้าไป“เสือก”และ“แส่”ทุกเรื่องซึ่งล่าสุดก็มีคำนิยามตำแหน่งให้แก่ตนเองเพิ่มขึ้นมาใหม่อีก คือ“เสมียนประเทศ”
อันที่จริงทุกวันนี้ถ้าจะว่าไป “ทักษิณ ชินวัตร”นอกจากจะไม่ได้มีตำแหน่งแห่งหนอะไรรองรับอย่างเป็นทางการแล้วก็ยังถือว่าไม่ใช่“ประชาชนพลเมือง”เหมือนคนไทยทั่วไปเนื่องจาก“ทักษิณ”เป็นจำเลยในคดี“มาตรา 112”และเป็นอดีตนักโทษคดีทุจริตโกงบ้านกินเมืองที่กำลังถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิจารณาไต่สวนคดี“โกงการติดคุก” กรณี“ป่วยทิพย์-ชั้น 14”โรงพยาบาลตำรวจซึ่งคดีความกำลังใกล้จะเสร็จสิ้นในเร็วๆ นี้และดีไม่ดีอาจจะต้องถูกสั่งเข้าไปติดคุกจริงๆ ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯก็เป็นได้
อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคมเมื่อวานนี้ เพิ่งผ่านไปสดๆ ร้อนๆ “ทักษิณ ชินวัตร” ได้ไปร่วมงานดินเนอร์ของพรรคร่วมรัฐบาล ที่โรงแรมอีสติน แกรนด์พญาไท โดยพรรคเพื่อไทยเป็นเจ้าภาพ
การ“ส.ท.ร.”ของ“ทักษิณ ชินวัตร”จะโดยข้ออ้างในฐานะ“เสมียนประเทศ”ที่อุปโลกน์ขึ้นมาเองหรือในฐานะผู้มีประสบการณ์ที่มีความรู้ความสามารถจากที่เคยเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีตามที่นักการเมืองในคอกเพื่อไทยยกหางชูก้นกันก็ตามแต่คนทั่วไปไม่ได้มองเป็นอย่างอื่นโดยเห็นว่า“ทักษิณ”เป็น“บุคคลนอก”ที่กำลัง“ครอบงำ-ชี้นำ”พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลอีก 10 พรรคที่มี สส.เข้าร่วมงานนี้
ขณะที่ สส.ของพรรคเพื่อไทยก็ได้เรียงหน้ากันออกมาปฏิเสธและยืนยันแบบแถไปราวกับว่าประชาชนในประเทศนี้กินหญ้ากินแกลบว่าไม่ใช่เป็นการ“ครอบงำ-ชี้นำ”พรรคดังเช่นนักการเมืองของพรรคเพื่อไทยเจ้าประจำ 3 คนที่ยกมาดังนี้
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ว่า “การพูดคุยกินข้าวกันไม่ถือเป็นการครอบงำ เพราะไม่มีการสั่งการให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้สังคมไทยเจอหน้ากัน ทานข้าวกันได้เป็นเรื่องปกติผมคิดว่าเรื่องนี้หากมองเป็นการครอบงำต่อไปเมื่อเจอหน้ากันก็ไม่ต้องกินข้าวกันพอดี แม้แต่การทักทายกันยังลำบาก”
ผู้สื่อข่าวถามว่า“ทักษิณ ชินวัตร”ไปในฐานะอะไรเพราะการดินเนอร์ของพรรคร่วมรัฐบาลไม่เคยมีคนนอกเข้าร่วมด้วย ซึ่งนายประเสริฐจันทรรวงทอง ตอบว่า“ท่านทักษิณเป็นอดีตนายกฯ การที่มีพรรคเพื่อนฝูงเป็นที่รู้จักและหลายพรรคการเมืองที่มาร่วมรัฐบาล ต่างคุ้นเคยกับท่าน ผมมองว่าเป็นเรื่องปกติที่จะมีการพบปะพูดคุยเจอกัน และไม่มีการสั่งการอะไรที่จะถือเป็นการครอบงำและที่จริงแล้วก่อนหน้านี้ก็เคยมีการเจอกันหลายครั้งในสถานที่ต่างๆ”
ส่วนนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยในฐานะประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า “ไม่ใช่เป็นการครอบงำ เพราะไม่มีการสั่งการแต่เป็นการถ่ายทอดประสบการณ์ ซึ่งเป็นประโยชน์ อย่าตีความเกินจริงวันนี้คนไทยติดนิสัยจับผิด ร้องเรียนรายวัน จนองค์กรอิสระทำงานลำบาก”
ทางด้านนายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ได้เชิญ“ทักษิณชินวัตร”มาเป็นวิทยากรพิเศษ โดยพรรคร่วมรัฐบาลมีความเห็นตรงกัน และว่า“อยากเชิญท่านมาพูดคุยกัน ในฐานะที่เคยเป็นหัวหน้าจัดตั้งรัฐบาลมาก่อนซึ่งในวิกฤตการเมืองท่านอาจจะมีข้อแนะนำที่ดีเพื่อเป็นแนวทาง”
พร้อมกันนี้ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ยังยืนยันว่า “มันไม่มีหรอกครับ เรื่องครอบงำเพราะพวกผมเป็นพรรคการเมือง ทุกคนทราบดีอยู่ว่า ทุกวันที่มีการประชุมพรรคจะต้องมีการพูดคุยกัน ความเห็นไม่ตรงกัน แต่ทั้งหมดพอเป็นมติพรรคก็ต้องเป็นไปตามมติพรรค ไม่มีการครอบงำใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีการสั่งอะไรได้เพราะพรรคการเมืองเป็นองค์กร”
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม งานดินเนอร์ของ สส.พรรคร่วมรัฐบาลครั้งนี้ คงต้องมีผู้ร้องกกต.ให้ยุบพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลทั้ง 11 พรรคแน่นอน ว่ายินยอมให้“ทักษิณชินวัตร”ในฐานะบุคคลนอก“ครอบงำ-ชี้นำ”ซึ่งเป็นความผิดฐานละเมิดพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.)ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 มาตรา 28 และมาตรา 29
โดยที่เวลานี้ พรรคเพื่อไทย และ 5 พรรคร่วมรัฐบาลเดิม คือ พรรคภูมิใจไทย,พรรครวมไทยสร้างชาติ, พรรคพลังประชารัฐ, พรรคชาติไทยพัฒนาและพรรคประชาชาติ ก็มีคดีที่มีผู้ร้องต่อ กกต.ไว้แล้ว 1 คดี กรณีที่ปล่อยให้ “ทักษิณชินวัตร”ในฐานะบุคคลนอก ซึ่งมิใช่สมาชิกพรรค“ครอบงำ-ชี้นำ”จากการเข้าร่วมประชุมที่“บ้านจันทร์ส่องหล้า” ในวันที่ “เศรษฐา ทวีสิน”ถูกศาลรัฐธรรมนูญ สั่งให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567
ถึงกระนั้นก็ตาม อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับ เวลานี้ปัญหาชายแดน“ไทย-เขมร”กำลังร้อนระอุ แต่บรรดา สส.ผู้ไร้จิตสำนึกสังกัดพรรคร่วมรัฐบาลเหล่านี้ยังมีหน้าร่วมวงสังสรรค์กระเดือกไวน์และอาหารเลิศหรูราคาแพงกันได้ลงคอ !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี