การเคลื่อนไหวของสส.พรรคประชาชน และบรรดานักการเมืองและ“ด้อมส้มเน่า”ทั้งหลาย ที่เรียงหน้าออกมาประสานเสียงกันดังขรมอยู่ในเวลานี้ เกี่ยวกับร่างกฎหมายนิรโทษกรรม ซึ่งพ่วงผู้กระทำผิดในคดีอาญามาตรา 112 เข้ามาด้วย ถูกคว่ำในวาระแรก ถ้าจะว่าไปก็เหมือนเสียง“สุนัขขี้เรื้อน”ถูกน้ำร้อนลวก แล้ววิ่งพล่านร้องเสียงดังด้วยความเจ็บปวดทุรนทุราย
ต้นเหตุของการเคลื่อนไหวดังกล่าว จนเหมือนเสียงร้องโหยหวนของ“สุนัขขี้เรื้อน”ถูกน้ำร้อนลวกนั้น เป็นผลมาจากการที่ร่างกฎหมายนิรโทษกรรมฉบับ“พรรคส้ม” ซึ่งเสนอโดยนายชัยธวัช ตุลาธนอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่วมกับคณะ และฉบับ“ภาคประชาชน”ที่เสนอโดยนางสาวพูนสุข พูนสุขเจริญ ร่วมกับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวน 36,723คน ไม่ผ่านความเห็นชอบของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่เสนอโดย นายชัยธวัช ตุลาธน กับคณะนั้น ที่ประชุมได้ลงมติจากจำนวนสมาชิก 473 เสียง โดยเห็นด้วย 147 เสียง ไม่เห็นด้วย 319 เสียง งดออกเสียง 6 เสียง และไม่ลงคะแนนเสียง 1 เสียง จึงทำให้ร่างกฎหมายฉบับนี้ต้องตกไป
ส่วนฉบับ“ภาคประชาชน” หรือร่างกฎหมาย“ฉบับไอลอว์” ที่เสนอโดยนางสาวพูนสุข พูนสุขเจริญ ร่วมกับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ที่ประชุมได้ลงมติจากจำนวนสมาชิก 475 เสียง เห็นด้วย 149 เสียงไม่เห็นด้วย 306 เสียง งดออกเสียง 20 เสียง และไม่ลงคะแนนเสียง 0 เสียง จึงทำให้ร่างกฎหมายฉบับนี้ถูกตีตกไปอีกเช่นกัน
แต่อย่างไรก็ตาม มีร่างกฎหมายนิรโทษกรรมอีก 3 ฉบับ ที่ผ่านความเห็นชอบในการประชุมครั้งนี้ ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติสร้างเสริมสังคมสันติสุขพ.ศ. โดยนายวิชัย สุดสวาสดิ์ กับคณะ (พรรครวมไทยสร้างชาติ) เป็นผู้เสนอ,ร่างพระราชบัญญัติสร้างเสริมสังคมสันติสุข พ.ศ. ของนายปรีดา บุญเพลิง กับคณะ(พรรคครูไทยเพื่อประชาชน) เป็นผู้เสนอ และร่างพระราชบัญญัติสร้างเสริมสังคมสันติสุข พ.ศ. ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล กับคณะ (พรรคภูมิใจไทย) เป็นผู้เสนอ
โดยกฎหมายนิรโทษกรรมทั้ง 3 ร่างดังกล่าว ที่ผ่านความเห็นชอบในขั้นรับหลักการวาระแรกนี้ ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้รับคะแนนเสียง จากจำนวนสมาชิก 472 เสียง เห็นด้วย 299 เสียง ไม่เห็นด้วย 0 เสียง งดออกเสียง 172 เสียง และไม่ลงคะแนนเสียง 1 เสียง, ฉบับของพรรคครูไทยเพื่อประชาชน จากจำนวนสมาชิก 470 เสียง เห็นด้วย 311 เสียง ไม่เห็นด้วย 0 เสียง งดออกเสียง 158 เสียง และไม่ลงคะแนนเสียง 1 เสียง และฉบับของพรรคภูมิใจไทย จากจำนวนสมาชิก 461 เสียง เห็นด้วย 311 เสียง ไม่เห็นด้วย 3 เสียง งดออกเสียง 147 เสียง และไม่ลงคะแนนเสียง 0 เสียง
สรุปไว้ตรงนี้ ก็คือ ที่ร่างกฎหมายนิรโทษกรรม 2 ฉบับ ทั้งของพรรรคก้าวไกล และของไอลอว์ต้องตกไป โดยที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรไม่รับหลักการนั้น เหตุผลสำคัญก็เนื่องจาก ผู้กระทำผิดคดีมาตรา 112 ไม่ใช่คดีการเมือง แต่เป็นคดีอาญา และเป็นผลประโยชน์ทับซ้อนของพรรคก้าวไกล ที่อวตารมาเป็นพรรคประชาชนในวันนี้
เพราะผู้ที่ถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับมาตรา 112 ทั้งที่ศาลชั้นต้นตัดสินแล้ว โดยบางส่วนยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น และเวลานี้ติดคุกอยู่ในเรือนจำ 32 คน รวมทั้งอีกจำนวนไม่น้อยระดับแกนนำ“ม็อบสามกีบ”ได้หลบหนีไปอยู่ต่างประเทศแล้ว ล้วนแล้วแต่เป็นผู้กระทำผิด ที่ใครก็รู้ว่าพรรคก้าวไกล หรือพรรคประชาชนให้การสนับสนุนอยู่ข้างหลัง ถึงกับมีอดีตสส.ของพรรคการเมืองนี้ ได้รับการตั้งฉายาว่า“เตี้ยหลังม็อบ”
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มี สส.ของพรรคประชาชนถึง 3 คน ที่เป็นจำเลยในคดีมาตรา112 และศาลชั้นต้นก็ได้พิพากษาคดีแล้ว คือ “ชลธิชา แจ้งเร็ว” สส.ปทุมธานี ถูกสั่งจำคุก 2ปี ไม่รอลงอาญา, “รักชนก ศรีนอก” สส.กทม. เขตบางบอน-หนองแขม ถูกสั่งจำคุก 6ปี ไม่รอลงอาญา และ“ปิยรัฐ จงเทพ” หรือ“โตโต้” สส.กทม. ที่แม้ศาลจะยกฟ้องไปแล้ว 1คดี แต่ก็ยังเป็นจำเลยในความผิดมาตรา112 เหลืออยู่อีก 2 คดี
สำคัญที่สุดก็คือ สส.ของพรรคประชาชน หรือ“พรรคสีส้ม” ต่างก็มีความหวังว่า หากฎหมายนิรโทษกรรมที่คดีความผิดเกี่ยวกับมาตรา 112 ถูกมัดรวมเข้าไปด้วย ผ่านออกมาบังคับใช้ ก็เท่ากับเป็นการ“ล้างป่าช้า” เหมือนการ“ล้างป่าช้าวัดดอน”เมื่อในอดีต
อย่างน้อย สส. และอดีต สส.ของพรรคสีส้ม 44 คน โดยทุกวันนี้ยังมีสถานภาพเป็นสส.ของพรรคประชาชนอยู่ในสภาฯ 25 คน ที่เคยลงชื่อเสนอร่างกฎหมายแก้ไขมาตรา 112 เมื่อปี2564 อันเป็นผลให้ห้พรรคก้าวไกลถูกศาลสั่งยุบพรรค เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม2567 จนต้องอวตารมาเป็นพรรคประชาชน ซึ่งเวลานี้กำลังถูกป.ป.ช.ไต่สวนคดีความผิดฐานฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง และอาจจะต้องถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต ก็จะได้รับการ“ปล่อยผี”จากอานิสงส์ของกฎหมายนิรโทษกรรม
นอกจากเหนือจากนั้น ผู้ที่ได้รับอานิสงส์ ยังรวมถึง “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” และ “ชัยธวัช ตุลาธน” 2 อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ตลอดจนอดีตกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลอีก 9 คน ที่ถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นเวลา 10ปี พร้อมกับที่พรรคก้าวไกลถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรค คือ “ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์”, “ณกรณ์พงศ์ศุภนิมิตตระกูล”, “ปดิพัทธ์ สันติภาดา”, “สมชาย ฝั่งชลจิตร”, “อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล”, “อภิชาติ ศิริสุนทร”,“เบญจา แสงจันทร์”, “อภิสิทธิ์ พรมฤทธิ์” และ “สุเทพ อู่อ้น”
อย่างไรก็ตาม หากมองด้วยสายตาที่ไม่มีอคติหรือถือหางฝ่ายใด ก็จะเห็นว่า เกือบ 2ปีที่พรรคก้าวไกลจนเปลี่ยนมาเป็นพรรคประชาชนนั้น ไม่ได้ทำหน้าที่ฝ่ายค้านให้สมกับเป็นนักการเมืองของคนรุ่นใหม่ กลับปล่อยให้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยโดยการชักใยของ“ทักษิณชินวัตร” ปู้ยี่ปู้ยำขึงพืดชาติบ้านเมือง จนทำให้กำลังใกล้จะวิบัติฉิบหายในทุกด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ, สังคมและความมั่นคงของประเทศ เช่น ปัญหากับกัมพูชา,ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ หรือแม้กระทั่งปัญหาในวงการสงฆ์ ที่เหมือน“ฝีกลัดหนอง”อยู่ในเวลานี้ ฯลฯ
ทั้งหลายทั้งปวงนั้นก็เพราะ พรรคประชาชนหรือพรรคก้าวไกล สาละวนอยู่กับปัญหาของตนเอง ทั้งในเรื่องความต้องการที่จะฉีกทิ้งรัฐธรรมนูญฉบับ“ปราบนักการเมืองขี้โกง”ที่ใช้ในปัจจุบันแล้วยกร่างฉบับใหม่ และความพยายามที่จะผลักดันให้มีการออกกฎหมายนิรโทษกรรมล้างผิดผู้ละเมิดกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งเป็น“ผลประโยชน์ทับซ้อน”ของพรรคการเมืองตน
นั่นก็คงไม่ต่างจาก ใครที่คิดเป็นปฏิปักษ์ต่อสถาบัน และมีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เมื่อทำผิดก็ไม่ต้องติดคุก ?!
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี