การบุกจับโคตรบ่อนบางใหญ่ นนทบุรี ควรจะเป็นผลงานชิ้นโบแดงของกระทรวงมหาดไทยแบบสบายๆ
เพราะเป็นบ่อนใหญที่สุดที่มีการบุกทลาย โดยฝีมือของหน่วยปฏิบัติการพิเศษมหาดไทย
โดยมี มท.1 นายอนุทิน ชาญวีรกูล เดินทางเข้าไปร่วมปฏิบัติการในวันดังกล่าวถึงหน้างาน ทำให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานมีขวัญกำลังใจดีอย่างยิ่ง
แต่หลังทลายบ่อน กลับมีอดีตตำรวจสันติบาล “ขาประจำ”ออกมาประหนึ่ง “ทวงแค้น” ให้กับเจ้าของบ่อน
ให้ข่าวกับสื่อมวลชนบางสำนัก กล่าวหาร้ายแรงกับ รมช.มหาดไทย ในลักษณะว่ามีส่วนเกี่ยวข้องพัวพันกับเจ้าของบ่อน แล้วเสียผลประโยชน์ส่วนตัว จึงสั่งให้บุกจับบ่อนดังกล่าวเสีย
1. เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2567 เวลาประมาณสี่ทุ่ม นายอนุทินชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้เดินทางมาตรวจสอบบริเวณบ่อนชื่อดังย่านบางใหญ่ ในหมู่บ้านพระปิ่น 3 จ.นนทบุรี ซึ่งถูกบุกโดยชุดปฏิบัติการพิเศษ กรมการปกครอง
พบนักพนัน และของกลางจำนวนมาก มีการเอาปืนมาจำนำด้วย
เป็นบ่อนขนาดใหญ่ เงินหมุนเวียนหลายร้อยล้านบาท เปิดเย้ยกฎหมาย มีพื้นที่จอดรถหน้าอาคารกว่า 100 คัน มีกำแพงสังกะสีสูงประมาณ 3 เมตร ปิดกั้นรอบพื้นที่
ควบคุมตัวนักพนันได้กว่า 200 คน พร้อมอุปกรณ์การเล่นพนัน เป็นโต๊ะบาคาร่า 12 โต๊ะ โต๊ะเสือมังกร กำถั่ว และโต๊ะไฮโล อุปกรณ์การเล่นพนันอื่นๆ อีกจำนวนมาก
2. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่าผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 1 ได้มีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนข้อเท็จจริงตั้งแต่ผู้กำกับลงไป และมีการย้ายผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.นนทบุรี มาช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า
ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเปิดบ่อนการพนันหรือไม่ เนื่องจากหากเกิดการกระทำผิดในพื้นที่ขึ้น ผู้บังคับบัญชาจะต้องมีส่วนรับผิดชอบ ถ้าผลการสืบสวนสอบสวนของคณะกรรมการพบการกระทำผิดเชื่อมโยงถึงใคร ก็ต้องถูกลงโทษทั้งวินัยและอาญา
ด้านพล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้เก็บรวบรวมพยานหลักฐานทุกชนิด โดยเฉพาะภาพวงจรปิด และหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ อีกทั้งได้สั่งการให้บันทึกภาพถ่ายทางอากาศตรวจสอบพื้นที่บ่อนทั้งหมด รวมทั้งบริเวณประตูด้านหลังที่ติดกับหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นช่องทางออกหลังบ่อน และต้องตรวจสอบให้ได้ว่า ที่ดินผืนดังกล่าวนั้นใครเป็นเจ้าของ หรือมีการปล่อยให้เช่า และหากปล่อยให้เช่า ตัวผู้ให้เช่าทราบหรือไม่ว่า เป็นการเช่าเปิดบ่อนการพนัน
เบื้องต้นได้ส่งพนักงานอัยการฟ้องดำเนินคดีไปแล้ว 240 กว่าราย จากจำนวนผู้เล่นที่จับกุมได้ 328 ราย
ในจำนวนที่ส่งฟ้อง มีคนที่คาดว่าเป็นเจ้าของบ่อนพนัน เบื้องต้นยังให้การปฏิเสธ อ้างว่าเป็นแค่ผู้เล่น แต่มีข้อมูลว่าเป็นบุคคลในวงการพนันรู้จักเป็นอย่างดี ซึ่งจะต้องหาพยานหลักฐานมาเชื่อมโยงถึงผู้เป็นเจ้าของ
ส่วนเรื่องเส้นทางการเงิน จะต้องสืบสวนขยายผลหลังจากนี้เพิ่มเติม เพื่อหาว่ามีเส้นเงินของใครที่มาเกี่ยวข้องบ้าง จะได้นำไปสู่การดำเนินคดีข้อหาฟอกเงิน
3. ปรากฏว่า นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตตำรวจสันติบาล เจ้าประจำ ออกมาเคลื่อนไหว
คราวนี้ มีการให้ข่าวในทำนองว่า นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย รู้จักใกล้ชิดกับเจ้าของบ่อนดังล่าว แล้วมหาดไทยก็เข้าจับกุมบ่อนบางใหญ่
เนื้อหาการให้สัมภาษณ์ของนายสันธนะ สะท้อนว่า เจ้าตัวอาจรู้จัก หรือได้ข้อมูลจากเจ้าของบ่อนนั่นเอง
4. ข่าวช่อง 7 ออนไลน์ รายงานข่าวทำนองว่า
นักการเมืองใหญ่ระดับ รมต. เล่นเสีย 15 ล้าน ขอเครดิตเคลียร์เงินไม่ได้ แจ้งเบาะแส มท. วางแผนจับ
5. ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ทนไม่ไหว
ถึงขนาดโพสต์เฟซบุ๊ก Suttipong Juljarern ประกอบข่าวช่อง 7 ที่ว่า พร้อมระบุว่า
“ผมว่าจะอยู่นิ่งๆ สำหรับการดำเนินเข้าจับกุมบ่อนคาสิโนผิดกฎหมายที่บางใหญ่ นนทบุรี
เพราะไม่อยากซ้ำเติมหน่วยราชการที่ปล่อยปละละเลย จนมีบ่อนขนาดใหญ่ ที่สามารถรองรับผู้เล่นได้มากกว่า 500 คน
ครั้นเมื่อชุดปฏิบัติการพิเศษของกรมการปกครอง ได้ดำเนินการสืบสวนสอบสวนตามเบาะแสที่จังหวัดนนทบุรีแจ้งมา เป็นระยะเวลาร่วมเดือน จึงสามารถแทรกซึม เข้าไปฝังตัวในบ่อนนี้ได้ จนเป็นที่มาของการเข้าจับกุมได้ผู้ต้องหามากถึง 328 คน
ตามที่เป็นข่าว
พอจับกุมได้ แทนที่ฝ่ายปกครองที่ทำดีอย่างตรงไปตรงมา ดันมีการปล่อยข่าวดังที่ผมนำมาลงประกอบการรำพึงรำพันถึงสังคมไทยว่าช่างมโนได้ถึงขนาดนี้
…ทั้งมีรัฐมนตรีมีเอี่ยว รัฐมนตรีเล่นเสีย เลยล้างแค้น ….สั่งให้จับกุม ….
เรียนด้วยความเคารพว่า บ่อนใหญ่แน่นหนาขนาดนี้ ยากมากครับที่จะแทรกซึมเข้าไปเพื่อควบคุมและเปิดทางให้กำลังในเครื่องแบบเข้าจับกุม
การจับกุมก็เพื่อไม่ให้สิ่งที่ผิดกฎหมายอย่างนี้ทำลายสังคม ทำลายครอบครัว เพราะสมาชิกในครอบครัวเสียการพนัน หมกมุ่นในการพนัน …
ให้บทเรียนการที่ฝ่ายปกครองต้องออกโรงเข้าจับกุมเช่นนี้ เป็นต้นทางปรับปรุงต้นทางของกระบวนการยุติธรรมของประเทศในพื้นที่สื่อ
แทนข่าวลือด้อยค่าการทำงานของข้าราชการฝ่ายประจำจะดีกว่าไหมครับ”
6. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงว่า สิ่งที่ยืนยันได้คือ ตน นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และ นายอรรถสิทธิ์ สัมพันธ์ อธิบดีกรมการปกครอง ทั้ง 3 คน ไม่อยู่ภายใต้ความกดดันใดๆทั้งสิ้นไม่ได้สนใจเรื่องผลประโยชน์หรืออามิสสินจ้างใดๆ ไม่ได้สนใจเรื่องชื่อเสียง สนใจแต่ภารกิจความสำเร็จ พร้อมย้ำว่าภารกิจนี้รู้กันแค่ 3 คน ผู้ว่าฯก็ไม่รู้ โดยคนที่อนุมัติการจับกุมได้ก็คือรมว.มหาดไทย ถ้าตนเที่ยวไปบอกคนโน้นคนนี้ ภารกิจมันก็ล้มเหลว
นักข่าวถามว่า ที่เขากล่าวหาว่านายชาดามีความคุ้นเคย ไปเล่นเสียที่บ่อน แล้วให้จับใช่หรือไม่
นายอนุทิน กล่าวว่า นายชาดา ยังไม่เคยคุยกับตนเลย มันไม่เกี่ยวอะไรกับนายชาดา เพราะนี่เป็นหน้างานของตน ปลัดมหาดไทย และอธิบดีปกครอง เรื่องนี้เป็นของพวกเรา 3 คนในการปฏิบัติการ ในการจัดระเบียบสังคม”
7. นักข่าวถามนายกฯ เศรษฐา ถึงกระแสข่าวว่ามีนักการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง?
นายกฯ เศรษฐายืนยันว่า เรื่องบ่อนเป็นเรื่องใหญ่ วันนี้เดินทางไปที่ สน.ลุมพินี ก็ได้กำชับแล้ว เรื่องนี้
“เรารับไม่ได้และผิดกฎหมาย แต่ไม่ได้ก้าวก่าย ว่าจะเป็นของนักการเมืองคนใด เพราะยึดตามหลักกฎหมายมากกว่า จะเป็นของใครเมื่อทำผิดก็ต้องถูกจับ”
ส่วนที่มีการกล่าวหาว่า นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย มีความสนิทสนมกับเจ้าของบ่อนที่ถูกจับ?
นายกฯ ตอบกลับทันทีว่า “ต้องให้ความเป็นธรรมกับคุณชาดาด้วย และตรงนี้ไม่ต้องกำชับอะไร เชื่อว่าทุกคนรู้หน้าที่ของตัวเองฝ่ายความมั่นคงและสำนักงานตำรวจแห่งชาติเองก็รู้ ว่าหากสาวถึงใครก็ต้องมีความผิด แต่ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับนายชาดาด้วย เพราะคนเรารู้จักกับคนเยอะเหมือนกัน พอเราไปรู้จักกันแล้ว พอคนนึงทำผิด และจะบอกมีส่วนเกี่ยวข้อง มองว่าไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่ แต่อันนี้ตนก็ไม่ได้ไปก้าวก่าย และจะไม่สอบถามนายชาดาด้วย เพราะเป็นหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ต้องสืบสาวเอาเอง”
8. นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายสันธนะ โดยระบุว่า ตอนนี้เขายังไม่เอ่ยชื่อ ถ้าหลักฐานถึงตัวเองเอาแน่ อย่ามายุ่งกับตัวเอง ไม่อยากสนใจ เพียงแต่ให้ประชาชนเข้าใจเพราะคนทำงาน เพราะคงต้องโดนอีกเยอะ
ส่วนจำเป็นต้องชี้แจงกับนายกฯ และรมว.มหาดไทยหรือไม่
นายชาดาระบุว่า “ไม่มีใครมาสอบถาม และเมื่อวานนี้ (23 มี.ค.) ได้เจอกับนายอนุทิน บอกไปแล้ว และทุกคนบอกว่าอย่าให้ราคา เพราะเขาโกหกมา 100 ครั้ง และเป็นการสร้างเรื่องนิยายทิพย์ ยืนยันไม่ต้องเคลียร์ เพราะไม่ได้ทำอะไร มีแค่นักข่าวที่ถามมาเท่านั้น”
9. สุดท้าย กรณีนี้ หากมีมูลจริง พิสูจน์ได้ไม่ยาก
นายสันธนะ เจ้าประจำ น่าจะรู้จักกับเจ้าของบ่อนใช่หรือไม่?
ถ้าเช่นนั้น ก็เพียงแต่ขอภาพลับเฉพาะจากวงจรปิดที่มีภาพนักการเมืองที่ตนกล่าวหา เอามาเปิดโปง
ถ้าเป็นความจริง เจ้าของบ่อนย่อมจะมีภาพตอนที่นักการเมืองไปเล่นเสียพนันในบ่อน 15 ล้านบาท แน่นอน
เว้นเสียแต่ว่าจะเป็นการโกหก ใส่ความ ดิสเครดิตล้างแค้นแทนเจ้าของบ่อน ???
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี