วันเสาร์ ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / บ้านเกิดเมืองนอน
บ้านเกิดเมืองนอน

บ้านเกิดเมืองนอน

สิริอัญญา
วันเสาร์ ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2567, 02.00 น.
กฎหมาย ส.ป.ก. ... ต้นน้ำความยากจนของประเทศ

ดูทั้งหมด

  •  

กฎหมายปฏิรูปที่ดินของประเทศไทยตราขึ้นในปี พ.ศ. 2518 มีวัตถุประสงค์เพื่อนำที่ดินที่เสื่อมโทรมทั้งหลายมาจัดให้เกษตรกรครอบครองใช้ประโยชน์ และมีหมวดบังคับว่าจะต้องใช้ทำกิจการเพื่อเกษตรกรรมเท่านั้น จะทำกิจการอย่างอื่นไม่ได้ และคุณสมบัติผู้ถือครองที่ดิน ส.ป.ก. คือต้องเป็นเกษตรกรที่ยากจน

แต่ก่อนมานั้นที่ดินทั้งปวงเป็นของพระเจ้าแผ่นดิน แต่ทรงอุทิศให้กับพสกนิกรของพระองค์ที่เข้าก่นร้างถางพงได้กรรมสิทธิ์ที่ดินไปใช้ประโยชน์โดยไม่มีหลักฐานแห่งกรรมสิทธิ์ที่ดินแต่ประการใด ที่ดินของประเทศไทยจึงไม่มีค่าไม่มีราคา


ประเทศไทยมีที่ดินทั้งหมด 320 ล้านไร่ แต่ก่อนมาจึงไม่มีที่ดินที่มีราคาทั้งสิ้น เพราะไม่มีหลักฐานแห่งกรรมสิทธิ์ที่ดินจนกระทั่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงทำการปฏิรูปที่ดินหลังจากเสด็จกลับจากยุโรป โดยครั้งนั้นทรงมีพระราชปรารภว่าชาวยุโรปเขามั่งคั่งเพราะมี real estate ซึ่งหมายถึงโฉนดที่ดิน เพราะขณะนั้นยังไม่มีคำภาษาไทยเรียกโฉนดที่ดิน

และทรงพระราชปรารภว่าสัปเยกของสยามยากจนเพราะไม่มี real estate ซึ่งสัปเยกนี้หมายถึงประชาชนหรือราษฎร เพราะขณะนั้นยังไม่มีคำเรียกประชาชนหรือราษฎร จึงทรงใช้คำว่าสัปเยก ซึ่งภาษาในยุคนั้นก็หมายถึงไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน และในปัจจุบันนี้สัปเยกนั้นก็หมายถึงราษฎรหรือประชาชน

ดังนั้นเพื่อให้สัปเยกของสยามได้มีฐานะเป็นหลักฐานจึงทรงทำการปฏิรูปที่ดินทั้งสองมิติ คือให้มีการออกโฉนดที่ดินเป็นครั้งแรกที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และปฏิรูปการใช้ที่ดินให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์แห่งชาติ คือใช้เพื่อกิจการเกษตรอุตสาหกรรมและอุตสาหกรรมบริการ ทำให้สยามเจริญรุ่งเรืองมั่งคั่งที่สุดในภูมิภาคนี้ เศรษฐกิจไทยแข็งแกร่งที่สุด เงินบาทเป็นเงินสกุลสากล มี 6 ภาษา ใช้ได้ทั่วทั้งภูมิภาค สยามจึงเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว

ทำให้ที่ดินของประเทศไทยแบ่งออกเป็นสองส่วน คือที่หลวง ซึ่งหมายถึงที่ดินที่ราษฎรไม่ได้ก่นร้างถางพง ไม่ได้ครอบครองทำประโยชน์ และไม่มีเอกสารสิทธิในที่ดิน โดยมีการควบคุมโดยทางทะเบียนที่เรียกว่าหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง หรือ น.ส.ล. มีกำหนดตัวเลขว่าแต่ละแปลงมีเนื้อที่เท่าใด และที่ราษฎร์ คือที่ที่มีเอกสารสิทธิที่ดิน

ต่อมามีกฎหมายที่ดินใช้บังคับ ก็ให้สิทธิ์ราษฎรในการแจ้งการครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินเพื่อการออกหลักฐานการครอบครองทำประโยชน์ ซึ่งเป็นทั้งโฉนดที่ดินบ้าง หนังสือรับรองการทำประโยชน์บ้าง แต่เอกสารสิทธิทั้งสองประเภทนี้ใช้เวลาทำนานมาก จึงไม่ทั่วถึงทั้งประเทศ กฎหมายที่ดินก็เปิดโอกาสให้แจ้งการครอบครองทำประโยชน์ โดยออกเอกสารสำคัญเบื้องต้นให้เรียกว่า ส.ค.1 หรือหนังสือแสดงสิทธิการครอบครอง ซึ่งถือเป็นหลักฐานแห่งสิทธิ์ครอบครองอย่างหนึ่งที่กฎหมายรับบังคับให้

ต่อมาส่วนราชการต่างๆ ได้ออกกฎหมายเข้าถือครองที่ดินที่เป็นที่หลวงและครอบคลุมถึงที่นอกที่หลวงด้วย โดยเฉพาะคือการออกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตป่าไม้ตามกฎหมายป่าไม้ พ.ศ. 2484 ซึ่งตามกฎหมายนั้นจะต้องสำรวจกันพื้นที่ที่ราษฎรครอบครองออกก่อน แล้วจึงประกาศที่ที่ไม่มีการครอบครองให้เป็นเขตป่าไม้ และต่อมาก็ได้เพิ่มประเภทจากป่าไม้เป็นวนอุทยานและอุทยานแห่งชาติ

ซึ่งทำให้คนทั้งหลายที่ได้ยินคำว่าป่าไม้ วนอุทยาน หรืออุทยานแห่งชาติ สำคัญผิดคิดว่าเป็นพื้นที่ป่าไม้สมบูรณ์ แท้จริงเป็นเพียงพื้นที่ที่ถูกประกาศตามแผนที่แนบท้ายพระราชกฤษฎีกาเท่านั้น โดยอาจจะทับที่ดินที่มีการครอบครองหรือมีเอกสารสิทธิอื่นก็ได้ จึงเป็นสาเหตุพิพาทระหว่างรัฐกับราษฎรตลอดมาจนกระทั่งทุกวันนี้

และทุกกรณีที่มีปัญหาพิพาทเหล่านี้ ผู้ครอบครองทำประโยชน์ก็จะถูกเพ่งเล็งว่าเป็นผู้บุกรุกทรัพย์สมบัติแผ่นดิน หรือถ้าเป็นคนมีฐานะหน่อยก็ยิ่งฉิบหายใหญ่ เพราะจะถูกชี้หน้าว่าเป็นนายทุนปล้นสมบัติแผ่นดิน ทำให้เสียธงธรรมแพ้คดีตั้งแต่ต้น จนเป็นที่เดือดร้อนกันโดยทั่วไป เป็นเหตุให้บางยุคสมัยพระเจ้าแผ่นดินท่านก็ทรงรับสั่งปรารภว่า การพิพาทเหล่านี้เป็นเพราะคนรุกป่าหรือเพราะป่ารุกคนกันแน่ แต่ก็หามีผู้ใดใส่ใจไม่

เพราะเหตุที่ที่ดินซึ่งอยู่ท้ายประกาศพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวนั้นจำนวนมากก็ไม่ได้เป็นป่า บ้างก็เป็นที่เสื่อมโทรมมาก บ้างก็เป็นชุมชนอยู่แล้ว ทำให้ราษฎรที่ครอบครองอยู่ไม่มีเอกสารสิทธิและได้ชื่อว่าไม่มีที่ดินทำกิน จึงเป็นเหตุให้มีการเรียกร้องที่ทำกิน จากนั้นจึงมีการตรากฎหมายปฏิรูปที่ดิน ให้นำที่ดินของรัฐที่เสื่อมโทรมแล้วหรือที่มีราษฎรครอบครองทำประโยชน์เป็นชุมชน ให้สิทธิ์ราษฎรครอบครองทำประโยชน์ได้ และนี่ก็คือต้นเหตุของความยากจนและความฉิบหายของชาติบ้านเมืองมาจนถึงทุกวันนี้

แผ่นดินประเทศไทยที่มีเนื้อที่ 320 ล้านไร่นั้น ปัจจุบันนี้มีที่ดินที่ถูกประกาศเป็นเขตปฏิรูปที่ดินประมาณ 60 ล้านไร่ ซึ่งต้องอยู่ในบังคับของกฎหมายปฏิรูปที่ดิน ที่มีบทบังคับสำคัญคือ

ประการแรก ผู้ครอบครองใช้ประโยชน์ต้องเป็นเกษตรกรเท่านั้น จะประกอบอาชีพอย่างอื่นที่จะทำให้มีฐานะมั่งคั่งร่ำรวยไม่ได้โดยเด็ดขาด นั่นเพราะคงคิดว่าอาชีพเกษตรกรเป็นอาชีพที่ทำให้ชาติมั่นคงร่ำรวยและราษฎรเป็นสุข ซึ่งต้องถือว่าเป็นความคิดที่โง่บัดซบที่สุด เพราะขัดหลักนิติธรรมเนื่องจากเลือกปฏิบัติ

ประการที่สอง เกษตรกรที่ครอบครองใช้ประโยชน์นั้นต้องเป็นคนยากจน จะมีฐานะมั่งคั่งร่ำรวยไม่ได้เพราะจะขาดคุณสมบัติ นับเป็นกฎหมายที่บัดซบที่สุดของโลกที่บังคับให้ประชาชนของรัฐยากจน ทั้ง ๆ ที่นโยบายของทุกรัฐบาล แม้พระบรมราชโองการของพระมหากษัตริย์ก็ได้ประกาศชัดเจนว่า เพื่อประโยชน์และความสุขของประชาชน และเพื่อสร้างสังคมที่อยู่ดีกินดี มีฐานะมั่งคั่งร่ำรวย

ประการที่สาม เพราะผลจากบทบังคับดังกล่าว จึงทำให้พื้นที่ 60 ล้านไร่ของประเทศเป็นพื้นที่ของคนทำเกษตรกรรมและคนยากจน ซึ่งอาชีพเกษตรกรรมนั้นได้รับการยกเว้นการเสียภาษีอากร เพราะถ้ามีรายได้ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษีอากรก็จะไม่ใช่คนยากจน เนื่องจากเคยมีการส่งเรื่อง
ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความว่ายากจนหมายถึงอะไร และมีการตีความว่ายากจนหมายถึงยากไร้ ไม่มีทรัพย์สินในการประกอบอาชีพนอกจากจอบและเสียม คือต้องยากจนข้นแค้นสิ้นเนื้อประดาตัวขนาดนี้จึงจะมีคุณสมบัติ นี่ก็เป็นความบัดซบระดับโลกอีกเรื่องหนึ่ง เพราะเป็นกฎหมายฉบับเดียวที่บังคับประชาชนไม่ให้มีฐานะ ไม่ให้มีรายได้ และไม่ต้องเสียภาษี กลายเป็นว่าที่ดิน 60 ล้านไร่ 1 ใน 4 ของประเทศไทยเป็นพื้นที่ที่ไม่ต้องเสียภาษี และไม่มี GDP เกิดขึ้น

การกำหนดเงื่อนไขดังกล่าวเป็นการวิปริตผิดมนุษย์ เพราะในสังคมหนึ่งก็ต้องมีร้านค้า มีตลาด มีธนาคาร มีวัดมีโรงเรียน ซึ่งจะขาดเสียมิได้ แต่สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งต้องห้ามในเขตปฏิรูปที่ดินทั้งสิ้น ในขณะที่ความจริงก็คือในทุกเขตปฏิรูปที่ดินมีสถานที่ราชการ มีวัด มีโรงเรียน มีตลาด มีร้านค้า มีปั๊มน้ำมัน และการค้าขายเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งถ้าว่าตามกฎหมายล้วนผิดกฎหมายทั้งสิ้น

นี่คือเหตุของความยากจนข้นแค้นของประเทศไทยที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไข ซึ่งรัฐบาลมีหน้าที่ต้องจัดการเรื่องนี้ เพราะจะปล่อยให้ประเทศไทยมีสภาพต่อไปอย่างนี้คงไม่ได้แล้ว แต่คงหาผู้กล้าได้ยาก เพราะใครทำเรื่องนี้ก็คงถูกตราหน้าว่าทำเพื่อประโยชน์ของนายทุน โดยมองไม่เห็นประชาชนในพื้นที่ 1 ใน 4 ของประเทศไทยที่ยากจนข้นแค้นและเป็นต้นน้ำของความยากจนของประเทศ คนตาบอดจำพวกนี้ควรจะตาบอดจริงๆ บ้านเมืองจึงเจริญได้

ถึงเวลาหรือยังที่ต้องแก้ไขกฎหมาย ส.ป.ก. อย่างน้อยในเรื่องดังต่อไปนี้

ประการแรก พื้นที่ใดแห้งแล้งไม่เหมาะสมในการทำเกษตรกรรม สำนักงานปฏิรูปที่ดินมีอำนาจที่จะอนุญาตให้ทำกิจการอย่างอื่นที่จะสร้างรายได้ให้แก่ผู้ครอบครองที่ดินได้

ประการที่สอง ผู้ครอบครองที่ดิน ส.ป.ก. สามารถร้องขอทำประโยชน์โดยสอดคล้องกับสภาวการณ์ของชาติบ้านเมืองและความต้องการของท้องถิ่นได้ เพื่อเพิ่มรายได้ให้สูงขึ้น

ประการที่สาม ยกเลิกเงื่อนไขว่าผู้ครอบครองที่ดิน ส.ป.ก. ต้องเป็นคนยากจนอย่างเดียว และกำหนดหน้าที่ให้ผู้มีเงินได้ในเขต ส.ป.ก. ทั้งหมดต้องเสียภาษีตามกฎหมาย

ตัวอย่างรูปธรรม เช่น การอนุญาตให้ทำโซลาร์ฟาร์มในพื้นที่ ส.ป.ก. เพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้ครอบครองที่ดิน และแก้ไขปัญหาขาดแคลนพลังงาน โดยอาจมีเงื่อนไขว่าแผงโซลาร์ฟาร์มต้องอยู่สูงจากพื้นอย่างน้อย 2.5 เมตร เพื่อให้สามารถใช้พื้นที่ด้านล่างทำการเพาะปลูกได้

ประเทศไทยจะพ้นจากความยากจนได้ก็ต้องแก้ไขกฎหมายฉบับนี้

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
13:42 น. ‘ทักษิณ’เตรียมทอดผ้าป่า‘วัดบ้านไร่’ 19 ก.ค. สร้าง‘หลวงพ่อคูณ’องค์ใหญ่ที่สุดในโลก
13:22 น. ‘อนุสรณ์’แนะ‘ภราดร’ตรวจสอบคนในก่อนโวยวายคนนอกปมคุมเสียงไม่ได้
13:14 น. รัฐบาลเปิดระบบ‘มอก.วอทช์’ ดึง AI ล่าล้างบางของเถื่อน ผ่านทางออนไลน์ 24 ชม.
13:08 น. 'ตะไลชนโคม' สีสันกีฬาพื้นบ้าน-สร้างความสนุกสนาน'งานบุญวันเข้าพรรษา'
12:24 น. ฝนตกหนักถนนลื่น! เก๋งเสียหลักตกถนนสายน่าน-ร้องกวางบาดเจ็บ
ดูทั้งหมด
โปรดเกล้าฯ 'พล.อ.' พ้นจากการปฏิบัติหน้าที่ นายทหารราชองครักษ์พิเศษ
พอที'เพื่อไทย'!! อดีตเด็ก พท.หอบผ้าซบพรรคลุงป้อมพรึ่บ อีสานมาเพียบ! (คลิป)
'หมอวรงค์'บอกหนาวเลย! หลังฟังการไต่สวนคดี'ทักษิณ'ชั้น 14 รพ.ตร. ครั้งที่ 3
ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 8 ต่อ 1 หญิงหย่าสามีต้องกลับไปใช้นามสกุลเดิม
'ดุ๊ก ภาณุเดช'วอนหยุดบุกรุกบ้านส่วนตัวที่เขาใหญ่ สุดทนคนแห่ถ่ายรูป-เดินชิลเหมือนอยู่คาเฟ่
ดูทั้งหมด
จีนยกระดับปราบ Cyber Scam ฉ้อโกงออนไลน์ให้เป็นวาระแห่งชาติ
ฝนตก-น้ำท่วม-ก่อสร้าง พึงระมัดระวังไฟดูด-ไฟรั่ว
ฮุนเซน-ทักษิณ (แพทองธาร) มิตรหรือศัตรู
บุคคลแนวหน้า วันที่ 12 ก.ค. 2568
ทักษิณยังคงคุยโวเหมือนเดิม
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

‘ทักษิณ’เตรียมทอดผ้าป่า‘วัดบ้านไร่’ 19 ก.ค. สร้าง‘หลวงพ่อคูณ’องค์ใหญ่ที่สุดในโลก

‘พัทลุง’สลด! พบศพผัวเมียรับซื้อน้ำยาง ถูกยิงดับคู่ในบ้าน ตร.คาดทะเลาะกัน

‘ทนายวันชัย’มองเรื่อง‘สีกากอล์ฟ’ เปรียบฆาตกามต่อเนื่อง กระชากหน้ากาก‘คนห่มเหลือง’

ยิปซีพยากรณ์ดวงรายวัน ประจำวันเสาร์ที่ 12 ก.ค.68

สุดทน!‘สุทิน’จี้ผู้รักษากฎหมายต้องขยับ ปล่อยให้‘สทร.’ย่ำยีประเทศไม่ได้อีกแล้ว

‘นักเขียนซีไรต์’ฟาดนักการเมืองขี้ขลาด มุ่งแก้ ม.112 นิรโทษกรรมตัวเอง

  • Breaking News
  • ‘ทักษิณ’เตรียมทอดผ้าป่า‘วัดบ้านไร่’ 19 ก.ค. สร้าง‘หลวงพ่อคูณ’องค์ใหญ่ที่สุดในโลก ‘ทักษิณ’เตรียมทอดผ้าป่า‘วัดบ้านไร่’ 19 ก.ค. สร้าง‘หลวงพ่อคูณ’องค์ใหญ่ที่สุดในโลก
  • ‘อนุสรณ์’แนะ‘ภราดร’ตรวจสอบคนในก่อนโวยวายคนนอกปมคุมเสียงไม่ได้ ‘อนุสรณ์’แนะ‘ภราดร’ตรวจสอบคนในก่อนโวยวายคนนอกปมคุมเสียงไม่ได้
  • รัฐบาลเปิดระบบ‘มอก.วอทช์’ ดึง AI ล่าล้างบางของเถื่อน ผ่านทางออนไลน์ 24 ชม. รัฐบาลเปิดระบบ‘มอก.วอทช์’ ดึง AI ล่าล้างบางของเถื่อน ผ่านทางออนไลน์ 24 ชม.
  • \'ตะไลชนโคม\' สีสันกีฬาพื้นบ้าน-สร้างความสนุกสนาน\'งานบุญวันเข้าพรรษา\' 'ตะไลชนโคม' สีสันกีฬาพื้นบ้าน-สร้างความสนุกสนาน'งานบุญวันเข้าพรรษา'
  • ฝนตกหนักถนนลื่น! เก๋งเสียหลักตกถนนสายน่าน-ร้องกวางบาดเจ็บ ฝนตกหนักถนนลื่น! เก๋งเสียหลักตกถนนสายน่าน-ร้องกวางบาดเจ็บ
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

บ้านเกิดเมืองนอน : 30 พฤศจิกายน 2567

บ้านเกิดเมืองนอน : 30 พฤศจิกายน 2567

30 พ.ย. 2567

ยิ่งลักษณ์จะกลับไทยก่อนสงกรานต์ปีหน้าหรือไม่

ยิ่งลักษณ์จะกลับไทยก่อนสงกรานต์ปีหน้าหรือไม่

26 พ.ย. 2567

ทรัมป์อาจชวดนั่งทำเนียบขาว

ทรัมป์อาจชวดนั่งทำเนียบขาว

23 พ.ย. 2567

อย่าหวังความเปลี่ยนแปลงจากชัยชนะของทรัมป์

อย่าหวังความเปลี่ยนแปลงจากชัยชนะของทรัมป์

19 พ.ย. 2567

ที่ดินอัลไพน์-เขากระโดง...ชนวนระเบิดสองพรรค

ที่ดินอัลไพน์-เขากระโดง...ชนวนระเบิดสองพรรค

16 พ.ย. 2567

ต้องร่วมกันพิทักษ์ความศักดิ์สิทธิ์ของความยุติธรรม

ต้องร่วมกันพิทักษ์ความศักดิ์สิทธิ์ของความยุติธรรม

12 พ.ย. 2567

โลกหลังทรัมป์คืนทำเนียบขาว

โลกหลังทรัมป์คืนทำเนียบขาว

9 พ.ย. 2567

ชัยชนะของจีนในเวทีต่างประเทศ

ชัยชนะของจีนในเวทีต่างประเทศ

5 พ.ย. 2567

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved