ผมมีโอกาสได้ไปบ้านอองโตนีครั้งแรกในปี ๒๕๒๐ เมื่อครั้งไปเรียนต่อปริญญาเอกที่ประเทศฝรั่งเศส ตอนนั้นได้ที่อยู่มาจากเพื่อนอาจารย์ธรรมศาสตร์ที่มีศักดิ์เป็นหลานของท่านอาจารย์ปรีดี พนมยงค์ซึ่งได้กำชับว่า อย่าได้ถามคนที่สถานทูตเพราะจะเป็นที่ลำบากใจเสียเปล่า ด้วยเพิ่งผ่านเหตุการณ์ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ มาได้ไม่นาน และชื่อของท่านอาจารย์ปรีดี ก็เป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับสังคมไทย
อาจารย์ปรีดี เกษมทรัพย์ อดีตอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เคยเล่าให้ฟังว่า ตอนที่ท่านเป็นคณบดีคณะนิติศาสตร์ และต้องไปศึกษาดูงานด้านกฎหมายและศาลปกครองที่ฝรั่งเศส ก่อนเดินทางท่านได้ปรึกษาอาจารย์ป๋วย อึ๊งภากรณ์ซึ่งตอนนั้นเป็นอธิการบดีอยู่ว่า “จะไปปารีสคราวนี้ควรจะไปเยี่ยมท่านผู้ประศาสน์การไหม” อาจารย์ป๋วยก็ถามว่า “คุณปรีดีเคยเรียนหนังสือกับท่านไหม เคยทำวิทยานิพนธ์ให้ท่านแนะนำหรือไม่ เคยติดต่ออะไรกับท่านบ้างหรือไม่” ปรากฏอาจารย์ปรีดีไม่เคยมีความสัมพันธ์กับท่านสักอย่าง นอกจากเป็นชาวธรรมศาสตร์ด้วยกัน เมื่อซักไซ้แล้ว อาจารย์ป๋วยจึงตอบว่า “อย่างนั้นไม่ไป ก็ได้” ด้วยเกรงว่าหากไปเยี่ยมท่านอาจารย์ปรีดี พนมยงค์ แล้ว เมื่อกลับมาจะมีเรื่องไม่สะดวก
อย่างไรก็ตาม อาจารย์ปรีดี เกษมทรัพย์คิดว่าตัวเองเป็นคณบดีนิติศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จะผ่านไปปารีสทั้งที จะไม่แวะไปเยี่ยมท่านผู้ประศาสน์การซึ่งระหกระเหินในต่างแดนเป็นเวลากว่ายี่สิบปีได้อย่างไร สุดท้ายจึงตัดสินใจไปเยี่ยมท่านอาจารย์ปรีดี พมนยงค์ ที่บ้านอองโตนีจนได้
ปี ๒๕๑๓ หลังจากที่ลี้ภัยทางการเมืองอยู่ที่ประเทศจีนมานานกว่าสองทศวรรษ ในวัย ๗๐ ปี ท่านอาจารย์ปรีดีตัดสินใจย้ายมาพำนักที่บ้านสีขาวหลังหนึ่ง เลขที่ ๑๗๓ ถนน อริ้สตี๊ด บริย็องด์ (Avenue Aristide Briand) เมืองอองโตนี ห่างจากกรุงปารีสลงมาทางใต้ประมาณ ๖ กิโลเมตร ชื่อถนนนี้ถูกตั้งชื่อตามรัฐบุรุษคนสำคัญของประเทศฝรั่งเศส เคยได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ และเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีถึง ๑๑ ครั้ง ในช่วงระยะเวลาระหว่างก่อนสงครามโลกครั้งที่หนึ่งจนกระทั่งก่อนสงครามโลกครั้งที่สองจะปะทุขึ้น อย่างไรก็ตาม ต่อมาชื่อถนนนี้ถูกเปลี่ยนเป็นถนน เรย์มอนด์ อารอง (Avenue RaymondAaron) ส่วนบ้านเลขที่ในปัจจุบันก็เปลี่ยนจาก ๑๗๓ เป็น ๒๗
บ้านหลังนี้ท่านอาจารย์ปรีดีและท่านผู้หญิงพูนศุขพนมยงค์ ซื้อต่อมาจากสองตายายชาวฝรั่งเศสซึ่งเขาปลูกเพื่ออยู่เองและก็ได้ลงมือก่อสร้างบ้านเองอีกด้วย ท่านทั้งสองต้องรวบรวมเงินจากการขายที่ดินและบ้านที่สาทร กรุงเทพฯ แล้วนำเงินมาซื้อบ้านหลังนี้ในราคาที่ไม่แพงนัก เพราะเป็นบ้านเล็กๆ ขนาดประมาณ ๑๐๐ ตารางวา แต่ถึงกระนั้นเงินที่รวบรวมมาก็แทบไม่พอในการจ่ายซื้อบ้านหลังใหม่นี้
บ้านอองโตนีมีลักษณะคล้ายทรงสแปนิช เป็นตึกสองชั้นสีขาวหลังสีแดง ตัวตึกสร้างอยู่เกือบกึ่งกลางของพื้นที่หันหน้าบ้านออกสู่ถนนใหญ่ซึ่งมีรถประจำทางหลายสายวิ่งผ่าน ฝั่งตรงข้ามเป็นสนามกีฬา
นับตั้งแต่ลี้ภัยทางการเมืองเมื่อปี ๒๔๙๐ ท่านอาจารย์ปรีดีก็ไม่ได้รับเงินบำนาญจากรัฐบาลไทยเลย ก่อนหน้านั้น เมื่อพ้นจากตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แล้ว ท่านได้รับบำนาญเดือนละ ๖๐๐ บาท (บำนาญสูงสุดในขณะนั้น) และมีรายได้ส่วนตัวจากค่าเช่าบ้านถนนสีลม นอกจากนี้ธนาคารเอเซียได้สมนาคุณเดือนละ ๑,๐๐๐ บาท ในฐานะที่เป็นผู้ก่อตั้งและได้ให้คำแนะนำในการดำเนินการที่ทำให้ธนาคารมีผลกำไรหลังสงคราม โดยที่ท่านหรือครอบครัวไม่มีหุ้นในธนาคารนี้เลย
ตอนที่เริ่มตั้งมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง ท่านได้มอบหมายให้ศาสตราจารย์หลวงประเจิดอักษรลักษณ์ (สมโภช อัศวนนท์) นำเงินของมหาวิทยาลัยไปซื้อหุ้นธนาคารโยโกฮาม่า ซึ่งกำลังจะปิดกิจการ จำนวน ๗,๖๐๐ หุ้น (จากจำนวนหุ้นทั้งหมด ๑๐,๐๐๐ หุ้น) แล้วดำเนินการจดทะเบียนในนามของ “ธนาคารเอเซียเพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรม” (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นธนาคารเอเซีย) เพื่อมหาวิทยาลัยจะได้มีเงินทุนไว้บริหารกิจการได้ โดยไม่ต้องอาศัยงบประมาณของรัฐ ธนาคารแห่งนี้จึงเป็นแหล่งทุนเพื่อหล่อเลี้ยงมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองตลอดมา จนกระทั่งปี ๒๔๙๓ ได้ถูกกดดันบังคับซื้อไปเป็นของคณะรัฐประหาร ๘ พฤศจิกายน ๒๔๙๐ คือองค์การทหารผ่านศึก จำนวน ๖,๒๐๐ หุ้น
การถูกกดดันบังคับซื้อดังกล่าว จึงเป็น “นิติกรรมซื้อขายที่ตกเป็นโมฆะ” หุ้นดังกล่าวจึงยังมีความสมบูรณ์ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จนถึงปัจจุบัน
หลังจากที่ท่านอาจารย์ปรีดีมาอยู่ที่บ้านอองโตนี ท่านก็ได้ยื่นคำร้องต่อสถานทูตไทยประจำกรุงปารีสขอให้รับรองสภาพการมีชีวิตของท่าน เพื่อจะได้ขอรับเงินบำนาญของท่านจากรัฐบาลไทย แต่ปรากฏว่าท่านเอกอัครราชทูตในขณะนั้นไม่ยอมรับรองว่าท่านอาจารย์ปรีดี พนมยงค์ ยังมีชีวิตอยู่ ท่านจึงจำเป็นต้องฟ้องรัฐบาลไทย และต่อมารัฐบาลไทยก็ได้ให้ความรับรองสภาพการมีชีวิตอยู่ของท่าน ออกหนังสือเดินทาง และอนุมัติจ่ายเงินบำนาญให้กับท่านอาจารย์ปรีดี ตั้งแต่บัดนั้นเป็นประจำทุกเดือน
ท่านผู้หญิงพูนศุข ได้เล่าไว้ในบทความเรื่อง “รำลึกความหลัง” ในหนังสือ วันปรีดี พนมยงค์๑๑ พฤษภาคม ๒๕๓๖ ว่า...ขณะมีชีวิตอยู่นายปรีดีได้รับบำนาญเดือนละ ๔,๑๓๒ บาท....
ได้ข่าวว่าคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ซื้อบ้านหลังนี้ไว้แล้ว เพื่อต้องการที่จะเผยแพร่เจตนารมณ์ของคณะราษาฎร เมื่อ ๒๔ มิถุนายน ๒๔๗๕ และจะเป็นกุศลเจตนาเป็นอย่างยิ่ง ถ้าคุณธนาธรผู้เป็นศิษย์เก่าธรรมศาสตร์รุ่นเหลนของท่านผู้ประศาสน์การโอนให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หรือ สมาคมธรรมศาสตร์ทำหน้าที่ดูแลรักษาเก็บไว้ ในฐานะที่เป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ หรือจะทำเป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อให้ความรู้แก่คนทั่วไป และอาจใช้เป็นที่พักชั่วคราวของนักเรียนไทยที่ไปเรียนที่ประเทศฝรั่งเศสในระหว่างหาที่พักในปารีสยังไม่ได้
ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.ปรีชา สุวรรณทัต
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี