ตลอด 2 วันของการดำเนินการตาม “ญัตติอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 152” ที่พรรคร่วมฝ่ายค้านซักฟอกรัฐบาล ที่เริ่มต้นเป็นความแปลกใหม่ที่ไม่คุ้นชิน
ราวกับเป็น “นักการเมืองพันธุ์ใหม่” ที่ไม่ใช่“ประดานักการเมืองเสียชาติเกิด, นักเลือกตั้งชังชาติ” เสียอย่างนั้น
ฤๅ อาจจะเป็นเพราะตลอดการเมืองไทยในยุคที่สำรอกสำรากคำว่าประชาธิปไตยจะเห็นนักการเมืองฝ่ายค้านลุกขึ้นกราบเรียนท่านประธานสภาฯที่เคารพแล้วก็ด่ากราดสาดโคลนปนเปื้อนอุจจาระประดาเสนาบดี และอัครมหาเสนาบดี อย่างไม่ยั้ง เราจึงคาดหวังว่ารูปการณ์คงออกจะมาเป็นเยี่ยงนั้น
“ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรอย่าง บิ๊กต๋อม/ชัยธวัช ตุลาธน” อาจมิใช่นักการเมืองฝีปากชั้นเซียนจึงแสดงพฤติกรรมในบทบาทผู้นำฝ่ายค้านแค่นักโต้วาทีที่เคยชินอ่านญัตติประณามรัฐบาล ไม่ได้ดำเนินการหรือปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่ได้ให้ไว้กับประชาชน
ไม่จริงใจ ไม่ตั้งใจ เพิกเฉยต่อคำแถลงนโยบายที่ได้ให้ไว้ต่อรัฐสภา ไร้ประสิทธิภาพ, ขาดความชัดเจนแน่นอน ในการขับเคลื่อนนโยบายเรือธงหรือแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม นโยบายเร่งด่วนสวนทางกับความเป็นจริง แต่นี่คือ “ชัยธวัช ณ ก้าวไกล”ที่ไม่ผ่านการใช้ app เสริมแต่งใดๆ เพราะยังคงมะงุมมะงาหรากับวาทกรรม “นิติสงคราม” เหมือนเมื่อครั้งเปิดศึกซักฟอก “ลุงตู่ – พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา”
กลายเป็นว่า “อู๊ดด้า – จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์”อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่ลุกขึ้นอภิปรายเนื้อหาญัตติเป็นคนแรกกลับคว้าภาวะผู้นำฝ่ายค้านไปเสียนี่ กับวาทกรรมตามสไตล์ “อนุรักษ์นิยมแบบประชาธิปัตย์”
“นิติสงคราม ของ ชัยธวัช ณ ก้าวไกล” ...นิติสงครามในความหมายซึ่งโฟกัสไปที่การปราบปรามประชาชนตั้งแต่หลังการรัฐประหาร จำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก ปิดกั้นการแสดงความเห็นทางการเมืองโดยเฉพาะการชุมนุมโดยสงบ การดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดตามปอ.มาตรา 112 อย่างต่อเนื่องกับนักเรียนนิสิตนักศึกษานักกิจกรรมทางการเมือง ที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตย
นิติสงครามที่ “ปิยบุตร แสงกนกกุล” อดีตผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ รากฐานพรรคก้าวไกลประดิษฐ์เป็นวาทกรรมที่จะใช้ปลุกปั่นให้ติ่งสัมภเวสีด้อมส้มลุกฮือกดดันไม่ให้ “ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ”ยุบพรรคอนาคตใหม่ที่กระทำความผิดบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560
นิติสงคราม ที่ถูกประดิษฐ์วาทกรรมเพื่อลดความน่าเชื่อถือ กรณี “พิธาคิโอ ทิม/พิธา ลิ้มเจริญรัตน์”หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล เป็นบุคคลที่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) กรณีถือหุ้นสื่อสารมวลชน (ถือหุ้นไอทีวีจำนวน 42,000 หุ้น) ในวันสมัครรับเลือกตั้ง
นิติสงครามที่พรรคก้าวไกลเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ พยายามแยกสถาบันพระมหากษัตริย์ออกจากสถาบันชาติ ซึ่งเป็นปฐมบทในการล้มล้างการปกครอง จนนำไปสู่กรณีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้งให้วินิจฉัย “ยุบพรรคก้าวไกล” และ “ตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคและท่านผู้ทรงเกียรติของพรรคที่ลงชื่อแก้ไข/ยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112
จนเป็นส่วนหนึ่งของการนำไปสู่แนวคิดของอัปรีย์ชนที่นำไปด้อยค่าสถาบันพระมหากษัตริย์กับการอัญเชิญ “พระเกี้ยว” ตราสัญลักษณ์ที่ประชาคมชาวจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยภาคภูมิใจเนื่องจากชื่อของมหาวิทยาลัยได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อเป็นพระบรมราชานุสาวรีย์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวผู้พระราชทานกำเนิดมหาวิทยาลัยนี้
“ชัยธวัช” เริ่มต้นได้อย่างน่าสนใจชวนติดตามการทำหน้าที่ครั้งนี้อย่างใจจดใจจ่อ แต่แล้วก็ลื่นล้มอัตวินิบาตกรรมตนเองจนทำให้เมเจอร์นี้สิ้นความขลังหมดความน่าสนใจไปโดยพลัน
“...ประชาชนคาดหวังจะเห็นการปฏิรูปการเมืองให้เป็นประชาธิปไตย ทว่านักการเมืองกลายพันธุ์กลับวกไปวนมากับการประดิษฐ์วาทกรรม
จนพี่น้องประชาชนไม่แน่ใจว่าตกลงนักการเมืองทั้งหลายจะเอาอย่างไรต่อการปฏิรูปการเมือง โดยไม่คิดจะปฏิรูปตนเองเลิกลดละแนวคิดอัปรีย์บ้างเลย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี