เป็นธรรมเนียมพรรคเพื่อไทยที่ได้แบบอย่างมาจากครั้งเป็นพรรคไทยรักไทย(ทรท.)ที่เจ้าของพรรคเป็นผู้บงการให้มีการปรับคณะรัฐมนตรีทุกหกเดือน เพื่อสับเปลี่ยนหมุนเวียนให้สมุนบริวาร ได้มีประวัติเป็นเสนาบดีกันถ้วนหน้าโดยไม่คำนึงถึงประสิทธิภาพของการทำงาน แค่ช่วยผลาญงบประมาณได้ดังนายใหญ่ต้องการเป็นพอ
เมื่อย้อนกลับไปดูผลงานการแต่งตั้ง/ปรับครม.โดยเจ้าของพรรคพบว่าตั้งแต่ ทรท.เป็นแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลครั้งแรก ในเดือนกุมภาพันธ์ 2544 พบว่า มีการปรับครม.เป็นครั้งที่ 9 เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2547 ในช่วงเวลากว่า 3 ปี 3 เดือนของรัฐบาลทักษิณ ชินวัตรครม. 8 ชุดแรกถัวเฉลี่ย อายุชุดละ 5 เดือน นับเป็น ครม.อายุสั้นมาก
และที่น่าเสียดาย เป็นอย่างยิ่งคือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่หลายฝ่ายหวังว่าจะปฏิรูปการศึกษาไทยที่ใหญ่อุ้ยอ้าย คล้ายช้างป่วยให้พัฒนาไปในทางที่ดีอย่างมีนัยแต่ถูกปรับออกภายใน 5 เดือน เนื่องจากเจ้าของพรรคไม่พอใจที่รมต.กำลังพัฒนาการศึกษาให้ก้าวหน้าทันสากล และเมื่อปรับนักการศึกษาผู้มากความรู้ความสามารถออกไปนายใหญ่ก็แต่งตั้งอดีตทหารป่า เป็น รมต.ศึกษาฯตั้งแต่นั้นมาการเรียนหลักสูตรประวัติศาสตร์ไทยและหน้าที่พลเมืองถูกยกเลิกจากการเรียนการสอนตั้งแต่ชั้นประถมฯ ถึงมัธยมปลาย
อย่างไรก็ตามนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณและพระปรีชาสามารถของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ทรงมีสายพระเนตรยาวไกลทรงเห็นคุณค่าของ รมต.ศึกษาฯที่ถูกปรับออกจากรัฐบาลทรท.พระองค์ทรงโปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้อดีต รมต.ท่านนั้น เป็นองคมนตรีจนถึงวันนี้
ยกตัวอย่างการปรับ รมต.สมัยพรรค ทรท.ที่เอาคนดีมีความสามารถออกไปเพื่อเปิดทางให้คนที่นายใหญ่พอใจ และสั่งหันซ้ายหันขวาได้ เข้ามาเป็นเสนาบดีในกระทรวงสำคัญๆ การพัฒนาประเทศไทยจึงถอยหลังลงคลองทุกครั้งที่เจ้าของพรรคเพื่อไทย เข้ามาจุ้นจ้านจัดการแต่งตั้งครม. ในสมัยพรรคทรท.ในห้วงเวลา 3 ปีกว่า นายใหญ่ได้ปรับ ครม. 9 ครั้ง มาถึงสมัยรัฐบาลเพื่อไทยที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีภายในเวลาเพียง 2 ปี รัฐบาลเพื่อไทยปรับ ครม. 3 ครั้งและสร้างหนี้ทิ้งไว้ให้รัฐบาลต่อๆ มาต้องใช้หนี้ 9.4ล้านล้านบาท ที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์สร้างความเสียหายไว้ ตามคำบัญชาของนายใหญ่ในโครงการรับจำนำข้าว
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถอดแบบมาจากพี่ชาย ปรับ ครม. 3 ครั้งภายในห้วงเวลา 2 ปี และการปรับ ครม.ของพรรคเพื่อไทยสมัยนั้น ก็เป็นการตอบแทนสมุนบริวารที่ยอมเสี่ยงตาย เสี่ยงติดคุกแทนนายใหญ่ อาทิ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำเสื้อแดง เจ้าของวาทกรรม“เผาไปเลยพี่น้อง ผมรับผิดชอบเอง”นายณัฐวุฒิไม่มีผลงานอะไร เป็นชิ้นเป็นอันในสมัยเป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ แต่เนื่องจากเขาเคยเป็นนักโต้วาที เคยเป็นนักแสดง สภาโจ๊กมาก่อน นายณัฐวุฒิถูกปรับย้ายมาให้เป็นหนังหน้าไฟ ในฐานะ รมช.พาณิชย์ เพื่อคอยแก้ข่าวแก้ข้อครหาทุจริตคอร์รัปชั่นโครงการรับจำนำข้าว แต่รมช.อดีตนักโต้วาที ก็ใบ้กินช่วยนายไม่ได้ แต่ยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม นั่งก้มหน้าเมื่อนักข่าวถามว่า“กระทรวงพาณิชย์ชี้แจงไม่ได้หรือว่าสาม crop(สามรอบเก็บเกี่ยว)แล้วขายข้าวไปเท่าไหร่(ตัน)กำไรหรือขาดทุนเท่าไหร่ ข้าวยังค้างอยู่ในโกดังเท่าไหร่...ฯ” รมช.ผู้ไม่รู้ลึกซึ้งเล่ห์กลของนายใหญ่เลยใบ้กิน
ทั้งหมดเป็นตัวอย่างคร่าวๆของแผนการปรับครม.ของนายใหญ่ในอดีตคือปรับเพื่อทดแทนที่รับใช้นายใหญ่เสี่ยงคุก เสี่ยงตายโดยไม่ต้องมีความรู้ความสามารถอะไรก็เป็นได้ ส่วนผู้ที่มีความรู้ความสามารถแต่ขวางทางนายใหญ่หรือทำดีเกินหน้านายใหญ่ก็ต้องปรับออกไป การปรับครม.นายใหญ่ในอดีต เป็นเช่นไร ปัจจุบันก็ยังเป็นเช่นนั้น และตามที่สื่อกระแสหลักรายงานข่าวตรงกันว่า...ล่าสุด ทุกพรรคการเมืองส่งชื่อให้กับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีแล้ว ในส่วนของพรรคเพื่อไทย รายชื่อที่อยู่ในข่ายถูกปรับออก 3 คน คือ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์และนางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต.ประจำสำนักนายกฯ
ในพรรคเพื่อไทย รัฐมนตรีใหม่ ที่เข้ามาแทนที่รัฐมนตรีสมุนบริวารที่ถูกปรับออกไปตามนโยบายหมุนเวียนเอาใจที่รับใช้นายใหญ่ มานาน อาทิ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข ผู้มีผลงานชิ้นโบดำ คือ การแก้กฎหมายให้ผู้ครอบครองยาบ้าไม่เกินห้าเม็ดเป็นคนป่วย เป็นเหตุให้พรรคเพื่อไทย ถูกก่นด่าทั่วบ้านทั่วเมืองว่าได้สร้างผู้เสพ/ผู้ค้ายาบ้ารายย่อยมากขึ้นหลายหมื่นคน
ส่วนนายไชยา พรหมา รมช.เกษตรฯนอกจากไม่มีผลงาน เป็นชิ้นเป็นอันแล้ว ยังขัดแย้งกับเจ้ากระทรวงผู้มากบารมีที่นายใหญ่หมายมั่นปั้นมือว่าเลือกตั้งครั้งหน้าพ่อค้าแป้งมัน จะทิ้ง“ลุงป้อม”มาเข้าคอกนายเก่า ดังนั้น เป็นเสนาบดีได้หกเดือนของนายไชยาถือว่านายใหญ่เมตตามากแล้ว ด้านนางพวงเพ็ชรชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯซึ่งเป็นสายตรงนายหญิงแค่ 6 เดือนในตำแหน่งรมต.ของเธอ มีผู้สูบ/ผู้ค้าบุหรี่ไฟฟ้าซึ่งผิดกฎหมายเพิ่มขึ้นใหม่นับแสนราจึงถึงเวลาที่ต้องกลับไปรับใช้นายหญิงเต็มเวลา
ส่วนผู้ที่ถูกวางตัวให้เข้ามารับตำแหน่งใหม่ 4 คนคือ นายพิชัย ชุณหวชิร จะรับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ควบ รมว.คลัง นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการรมว.คลัง เป็นรมช.คลัง ซึ่งจะทำให้กระทรวงการคลัง มีรัฐมนตรี 4 คน รวมกับ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลังและนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.คลัง ในโควตาพรรครวมไทยสร้างชาติ ยังไม่ถูกปรับออก ส่วนน.ส.จิราพร สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด มีชื่อเป็น รมช.เกษตรฯ นายพิชิต ชื่นบาน ที่ปรึกษานายกฯจะเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายจักรพงษ์ แสงมณี โยกจาก รมช.ต่างประเทศ มาเป็น รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
นายพิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีผู้ลืมถุงขนมไว้ในศาล เคยติดคุกหกเดือนฐานความผิดละเมิดอำนาจศาล ส่วนข้อหาทุจริตและติดสินบนเจ้าพนักงานที่มอบถุงใส่เงินสองล้านบาทให้เจ้าหน้าที่ศาลนั้น อัยการสั่งไม่ฟ้องเพราะจำเลยให้การว่าตั้งใจจะมอบถุงใส่ขนมไปให้พนักงานบังเอิ๊ญๆบังเอิญหยิบถุงที่ใส่เงินสองล้านบาทผิดไปอัยการถือว่าเป็นบังเอิ๊ญๆ บังเอิญ เลยไม่สั่งฟ้องข้อหาทุจริต ติดสินบนเจ้าหน้าที่ศาล เพราะความบังเอิญเลินเล่อในห้วงเวลาศาลใกล้ถึงวันศาลนัดตัดสินคดีที่ดินรัชดาที่นายทักษิณ ชินวัตรและภริยา เป็นจำเลย และความบังเอิญที่เกิดเมื่อสิบหกสิบเจ็ดปีก่อน วันที่ 22 สิงหาคม 2566 บังเอิญนายทักษิณ ได้กลับประเทศไทยในวันเดียวกัน กับที่รัฐสภาไทยเลือกนายกรัฐมนตรี เลือกนายกฯคนใหม่ และนายพิชิต ชื่นบาน ก็ติดโผรัฐมนตรีตั้งแต่วันนั้นมา ถึงแม้ว่าถูกหลายฝ่ายทักท้วง แต่บังเอิญแก้ตัวได้วันนี้จึงมีชื่อเป็น รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ส่วน น.ส.จิราพร สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด ที่มีชื่อเป็นรมช.เกษตรและสหกรณ์ ท่านนี้เข้ามาด้วยบารมีสกุล “สินธุไพร” ที่นายใหญ่ประทับใจในความภักดีของตระกูลนี้ ที่อุทิศจิตวิญญาณให้นายใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคแดงทั้งแผ่นดิน นายนิสิต สินธุไพร พี่ใหญ่ของตระกูลสินธุไพร เป็นหัวเรือใหญ่เสื้อแดงภาคอีสาน ที่ต่อสู้เพื่อนายใหญ่จนติดคุกติดตะรางและถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง จึงพูดได้เต็มปากว่ารมช.เกษตรฯคนใหม่เป็นสิ่งที่นายใหญ่ทดแทนบุญคุณสินธุไพร
สื่อกระแสหลักส่วนใหญ่รายงานด้วยว่ามีการสนับสนุนให้นายสมศักดิ์ เทพสุทิน จาก รองนายกรัฐมนตรีให้ดำรงตำแหน่งรมว.สาธารณสุข นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม จะดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี เพิ่มเติม ส่วน นายปานปรีย์ พหิทธานุกรจะหลุดตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี เหลือเพียงตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศ
นายพิชัย ชุณหวชิร จะรับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ควบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นับว่าเป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติเฉพาะตัวสำหรับการเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ของพรรคเพื่อไทยและเป็นบุคคลที่อดีตนายกรัฐมนตรีถึง 2 คน ในบ้านชินวัตร ให้ความไว้วางใจมานานแล้ว นายพิชัย ชุณหวชิรเป็นคนแรกที่กล้าออกมาพูดฟันธงว่าเงินดิจิทัล วอลเล็ต จะได้ใช้เมื่อไร และใช้ผ่านแอปพลิเคชั่นอะไร โดยไม่มีใครในรัฐบาลโต้แย้งข้อเสนอของเขา
หลังจากที่นโยบายดิจิทัล วอลเล็ต ล่าช้ามานาน นายพิชัย คงกล้าเสี่ยงลุยไฟ แจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท ให้ได้ในยุคที่เขาเป็นรมต.คลัง ส่วนนายพิชัยจะแจก 50 ล้านคน ซึ่งรวมค่าจัดทำระบบเป็นเงินราว 560,000 ล้านบาท ตามแผนการนายใหญ่ หรือนายพิชัยแจกเฉพาะกลุ่มเปราะบาง 15 ล้านคน ตามคำแนะนำของธนาคารแห่งประเทศไทย ก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของนายพิชัยว่าจะเลือกประเทศไทย หรืออุทิศกายใจให้บ้านจันทร์ส่องหล้า
ส่วนการปรับเปลี่ยน ครม.ในพรรคร่วมรัฐบาล พรรครวมไทยสร้างชาติ กับพรรคพลังประชารัฐขอละไว้เป็นที่เข้าใจ เพราะสองพรรคนี้ ดูเหมือนว่าเลขาฯพรรคมีอำนาจบารมีมากกว่าหัวน่าจะพัก
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี