วันเสาร์ ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ผมไม่เชื่อว่าเมื่อพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาลบริหารประเทศแล้วล้มเหลว จะส่งผลให้ในสมัยต่อไปจะมีคนเลือกน้อยลง จนมีสภาพอ่อนแรงเหมือนพรรคฝ่ายอนุรักษนิยมในปัจจุบันนี้
พรรคเพื่อไทยและคุณทักษิณเป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าผู้เลือกตั้งส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจว่าใครจะบริหารเก่งหรือไม่เก่ง โกงหรือไม่โกง แต่เขาเลือกเพราะเหตุผลอื่น เช่น นโยบายที่เกี่ยวกับเงินที่จะได้อย่างง่ายๆ และ “ความภักดีต่อพรรคเพื่อไทยและคุณทักษิณ”
แต่ผมก็ยอม (ไม่ใช่อยาก) ให้พรรคก้าวไกลได้บริหารประเทศเมื่อเขาได้คะแนนมากที่สุด เพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของผู้เลือกตั้งส่วนใหญ่ (ผิด ถูก ดี ชั่ว เก่ง ไม่เก่ง ไปว่ากันตามเหตุ) แต่พรรคก้าวไกลก็ไม่ได้เป็นรัฐบาลร่วมกับพรรคเพื่อไทย เพราะคุณทักษิณต้องการเอาตัวรอดกลับไทย และคนระดับนำของฝ่ายอนุรักษนิยมกลัวพรรคก้าวไกลเกินเหตุ
แต่เมื่อเหตุการณ์ต่างๆ ล่วงเลยมาถึงปัจจุบันที่มองทางไหนก็มีแต่ปัญหา ชาวบ้านเดือดร้อนเรื่องการทำมาหากิน กระบวนการยุติธรรมคลายความขลัง นักการเมืองไม่มีความสามารถบริหารประเทศอย่างคุยโวไว้ตอนหาเสียง ซ้ำกลับพยายามจะใช้นโยบายประชานิยมแบบสิ้นคิด เพื่อให้ประชาชนเสพติดพรรคของตนที่จะส่งผลต่อการเลือกตั้งครั้งหน้า พร้อมกันนั้นก็จะได้ถือโอกาสหากินอย่างที่เคยทำมา
เจ้าของพรรคก็มุ่งมั่นแต่จะแก้แค้นเอาคืน ทั้งเงิน ทั้งคน ทั้งประเทศ
สภาพบ้านเมืองจึงซึมเซา การเมืองสับสนคลุมเครือ มองหาทางออกไม่เห็น ด้วยเหตุนี้จึงมีเสียงเรียกร้องให้ทหารยึดอำนาจ จนลืมไปว่านายทหารบางคนนั่นแหละที่มีส่วนให้คุณทักษิณกลับมา จนเป็นเหตุให้บ้านเมือง “มั่ว” อย่างที่เห็นทุกวันนี้
ผมไม่เห็นด้วยที่จะให้ทหารยึดอำนาจ มันไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาแบบยั่งยืน และก็ไม่ได้หมายความว่าเมื่อทหารมีอำนาจแล้วจะแก้ปัญหาทุกอย่างได้ โดยเฉพาะปัญหาที่สั่งสมถมทับกันมานาน
ดูรัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์เป็นตัวอย่าง ที่ประกาศว่าจะกำจัดคอร์รัปชั่น ปฏิรูปการศึกษา ปฏิรูปสาธารณสุข ปฏิรูปตำรวจ (จำไม่ได้ว่าจะปฏิรูปกองทัพและกำจัดยาเสพติดด้วยหรือไม่) ก็ทำไม่ได้สักอย่าง (แต่ทำได้ดีในเรื่องอื่นๆ อย่างโควิด-19 การสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน)
ทหารจึงไม่ใช่ยาสารพัดนึกที่พลเมืองนึกจะ “ให้ทำ-ให้แก้” ปัญหาอะไรก็ทำ-ก็แก้ได้หมด! จนลืมนึกไปว่า “เขาอาจจะสั่งให้เราทำอะไรตามใจเขาก็ได้!”
คำถามคือ “แล้วจะทำอย่างไรที่จะกำจัดพวกนักการเมืองชั่ว โกงบ้านกินเมือง ไร้น้ำยา บ้าอำนาจ พลเมืองถูกเสี้ยมให้แตกแยกแบ่งฝ่ายกลายเป็นศัตรูกันเพื่อนักการเมือง?”
ผมก็ตอบได้แค่ว่า “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน”
พลเมืองจะต้องต่อสู้ด้วยน้ำพักน้ำแรงและสติปัญญาของตน
ต่อสู้ตั้งแต่ระดับบุคคลในโลกออนไลน์และโลกจริง การรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน เป็นขบวนการ มีองค์กรของตน มีสื่อของตน เมื่อสู้แล้วก็ต้องมั่นใจว่าตนจะรับมือได้ จัดการได้ รักษาดุลยภาพได้ทุกขั้นตอน นั่นคือยังรักษาอำนาจไว้กับขบวนการต่อสู้ของตนโดยไม่ต้องพึ่ง “อำนาจอื่น” จนมันมีอิทธิพลเหนือกว่า
ไม่ใช่ต่อสู้ไปจนถึงทางตันแล้วเกิดกลัวขึ้นมา จึงต้องกวักมือเรียก “ตาอยู่” มาคว้าพุงปลาไปกิน
หรือแกนนำแอบตกลงกันไว้ก่อน แล้วปลุกระดมพลเมืองออกไปสู้
ลืมความเหนื่อยยาก ลืมการเสี่ยงตายและเสี่ยงคุก ลืมคนที่บาดเจ็บ ลืมคนที่ล้มตาย โดยไม่มีโอกาสได้รู้ว่า สุดทางแห่งการต่อสู้นั้นเป็นอย่างไร เขาเห็นด้วยหรือไม่กับการตัดสินใจขั้นสุดท้ายของแกนนำ สำหรับผมถือว่าไม่ยุติธรรมกับคนเหล่านั้น
ถ้าต่อสู้แล้วจบลงอย่างที่เคยทำกันมา (ทุกม็อบ ทุกขบวนการ ที่ต่อสู้เพื่อบุคคล เพื่ออำนาจอื่น) มันไม่สามารถแก้ปัญหาบ้านเมืองได้จริงซ้ำกลับสร้างปัญหาใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีก จนกลายเป็นว่า “การต่อสู้” นั้นก็เป็นเหตุหนึ่งของปัญหา
“พลเมืองต้องต่อสู้เพื่ออำนาจของพลเมือง และต้องใช้อำนาจนั้นจัดการบ้านเมืองเอง” โดยการสร้างและเลือกคนที่มีความรู้-มีความสามารถเป็นคณะผู้แทนการใช้อำนาจของตน เพื่อจัดการกับ “คนและปัญหา” ตามเป้าหมายของการต่อสู้
“อำนาจของพลเมือง” ที่ได้มาจากการต่อสู้ไม่ใช่การกุศล ที่จะบริจาคให้คนนั้นคนโน้นไปใช้แทน ไม่ว่าคนที่ได้รับบริจาคอำนาจไปนั้นจะดีหรือไม่ดี เก่งหรือไม่เก่ง ไม่เช่นนั้นพลเมืองจะไม่มีโอกาสได้เรียนรู้และได้พึ่งตนเอง และการต่อสู้ก็จะวนซ้ำไม่จบสิ้น
ที่เพิ่มมากขึ้นก็คือเวลา เงิน ทรัพยากรต่างๆ คนที่บาดเจ็บ พิการ และต้องโทษ
ดังนั้น จึงต้องสู้ในระดับที่ไม่เกินศักยภาพของตน
วิมล ไทรนิ่มนวล

'กรมทรัพยากรธรณี'เตือน 10 จังหวัดใต้เฝ้าระวังภัยแผ่นดินถล่มและน้ำป่าไหลหลาก 22.24 พ.ย.
'สมเด็จพระมหาวีรวงศ์' ปธ.ฝ่ายสงฆ์ ยกยอดฉัตรทองคำพระมหาธาตุแก่นนครฯ
'บัวขาว'โชว์! สวัสดีซีเกมส์ เชียร์มวยไทยในบ้านเรา
'นายกฯ'จ่อบินด่วนหาดใหญ่ ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม
รีบใช้สิทธิ 'เที่ยวดีมีคืน' หักลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30,000 บาท เหลือเวลาอีกไม่มาก

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี