วันศุกร์ ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / คิดด้วยพลเมือง (See-Think-Cen')
คิดด้วยพลเมือง (See-Think-Cen')

คิดด้วยพลเมือง (See-Think-Cen')

วันพุธ ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2567, 02.00 น.
ผ่าวิกฤตเกณฑ์ทหาร ด้วยสมการคอร์รัปชัน

ดูทั้งหมด

  •  

เหตุการณ์ที่มีเสียงเฮสนั่นและในขณะเดียวกันก็มีเสียงคนกำลังร้องไห้

เหตุการณ์ที่มีคนมีความสุขแต่ก็มีคนเป็นทุกข์ยืนอยู่ข้างๆ


เหตุการณ์ที่มีคนรักกอดกันอย่างอิ่มใจแต่คนที่ยืนใกล้ๆ กำลังอาวรณ์คนรักเพราะต้องร่ำลา...

ใช่แล้วครับ ผู้เขียนกำลังพูดถึง “การเกณฑ์ทหาร” เหตุการณ์สำคัญที่บรรจบครบเดือนเมษายนเมื่อไร ก็จะเริ่มเป็นกระแสให้สังคมได้ถกเถียง โดยเฉพาะช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาการ “ยกเลิกเกณฑ์ทหาร” นับเป็นหนึ่งประเด็นร้อนแรงที่ความเห็นถูกแบ่งออกเป็นสองฝ่ายหลักๆฝ่ายหนึ่งมองว่าการทหารเกณฑ์ยังจำเป็นเพราะพวกเขา คือ “รั้วของชาติ” แต่อีกฝ่ายอาจมองว่าประเทศไทยไม่ได้รบกับใครมาหลายสิบปี ทหารเกณฑ์จึงไม่มีความจำเป็น การเป็นทหารควรเป็นด้วยความ “สมัครใจ” อย่างไรก็ตาม ภายใต้ข้อถกเถียงนี้ ผู้เขียนมีข้อเสนอว่า เราอาจยุติปัญหานี้ได้ด้วยการลด “คอร์รัปชัน”

เพราะคอร์รัปชันมีความสัมพันธ์กับการเกณฑ์ทหาร

อย่างที่เราทราบ หนึ่งในข้อเสนอของฝ่ายที่อยากยกเลิกการเกณฑ์ทหารที่พอจะเป็นไปได้ คือ “การสมัครทหารโดยสมัครใจ” แต่ ในปัจจุบันผู้สมัครเป็นทหารโดยสมัครใจยังไม่เพียงพอ เพราะหลายคนไม่ต้องการเป็นทหาร และหากเราย้อนกลับไปถามถึงเหตุผล ผู้เขียนขออธิบายด้วยการแบ่งคนออกเป็นสองกลุ่ม คือคนที่ “เกรง” และคนที่ “กลัว” (การใช้คำว่าเกรงหรือกลัวผู้เขียนไม่ได้มีเจตนาด้อยค่าคนที่ไม่ต้องการเป็นทหาร แต่เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนว่าพวกเขารู้สึกอย่างไร)

ประเภทแรก คือ คนที่เกรง คนที่ไม่ต้องการเป็นทหารเลย เพราะการเกณฑ์ทหารจะทำให้พวกเขาเสียโอกาสไปถึง 2 ปี ในการวิ่งตามความฝัน และต้องห่างจากคนที่รักและครอบครัว และมองว่าการรับใช้ชาติไม่จำเป็นต้องเป็นทหาร แต่การเป็นแรงงานที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจก็เป็นการทำหน้าที่พลเมืองของชาติไม่ต่างกัน

ประเภทที่สอง คือ คนที่กลัว คนกลุ่มนี้อาจจะอยากหรือไม่อยากเป็นทหารก็ได้ แต่สิ่งที่พวกมีเหมือนกันคือ “ความกลัวต่อระบบทหาร” เพราะอย่างที่เราเห็นอยู่ทุกปีว่า การดูแลทหารเกณฑ์ของกองทัพไทยนั้นเป็นไปในทิศทางที่ไม่ดีนัก เริ่มตั้งแต่สวัสดิการเล็กๆ อย่างเรื่องการกิน ที่มักจะมีภาพหลุดของเหล่าทหารเกณฑ์ต้องกินข้าวกับเศษผัก เศษเนื้อ หรือข้าวคลุกน้ำปลา นอกจากนี้ ยังมีการโกงเบี้ยเลี้ยงพลทหารที่เคยเป็นชนวนให้เกิดเหตุการณ์กราดยิงที่โคราชมาแล้ว รวมทั้งทหารเกณฑ์หลายคนมักถูกทหารยศสูง “เรียกไปใช้งานเป็นการส่วนตัว” ซึ่งต้องไปทำงานที่ไม่ใช่หน้าที่ของทหาร เช่น ตัดหญ้า ถูบ้าน หรือซักกางเกงในเมียนายพลแต่ทั้งสองเรื่องอาจจะเล็กน้อยไปเลยหากเทียบกับเรื่องของ “ความรุนแรง” ที่เกิดขึ้นในกองทัพ โดยตั้งแต่ปี 2552-2566 สำนักข่าวประชาไทยได้รวบรวมเคสทหารเกณฑ์เสียชีวิตในค่ายทหารพบว่ามีจำนวนกว่า 20 เคส ซึ่งมีหลายเคสเกิดจากความรุนแรง เช่น เคสพลทหารคชา พะยะเสียชีวิตเมื่อปี 2561 จากการถูกรุ่นพี่ทหารซ้อมทรมานจนหัวใจหยุดเต้น รวมถึงในบางเคสที่ตายอย่างปริศนา เช่น เคสพลทหารกิตติธร เวียงบรรพต ที่เสียชีวิตเมื่อปี 2566จากการติดเชื้อในกระแสเลือดโดยที่ทางค่ายทหารไม่มีคำตอบถึงสาเหตุ เพียงแต่บอกว่าลงโทษตามกฎเกณฑ์ของกองทัพ โดยที่ประชาชนไม่มีอำนาจไปตรวจสอบหรือรู้ได้เลยว่าจริงๆ แล้วภายในค่ายทหารนั้นเกิดอะไรขึ้น และนอกเหนือจากปัญหาที่กระทบต่อทหารเกณฑ์โดยตรง ภาพรวมของกองทัพไทยที่มีการเรียกสินบน การทุจริต ความไม่โปร่งใส ทำให้มุมมองของสังคมที่มีต่อกองทัพ คือภาพของอิทธิพล อำนาจมืด ความอยุติธรรม และแม้แต่คนที่อยากเป็นทหารก็อาจหมดศรัทธาและความไว้ใจต่อกองทัพไทย

มองทหารเกณฑ์ผ่านสมการคอร์รัปชัน

จากปัญหาดังกล่าว ผู้เขียนจึงอยากชวนผู้อ่านมามองปัญหาคอร์รัปชันผ่านสมการคอร์รัปชันของ Robert Klitgaard นักเศรษฐศาสตร์ชาวอเมริกัน ที่ศึกษาเรื่องคอร์รัปชันมายาวนาน และได้รับการยอมรับจากกลุ่มนักวิชาการทั่วทุกมุมโลก ซึ่งสมการดังกล่าวคือ “C = M + D – A” หรือขยายความได้ว่าการคอร์รัปชัน (Corruption) เกิดจากการผูกขาด (Monopoly)และการใช้ดุลพินิจ (Discretion) โดยไร้ซึ่งความรับผิดชอบ(Accountability) ซึ่งหากมองระบบทหารในปัจจุบันเราพบว่า

1. มีอำนาจที่คล้ายการผูกขาด : ผู้เขียนเข้าใจในรูปแบบการปกครองบังคับบัญชาทหารที่มีรูปแบบบนลงล่าง (Top-Down) เพื่อให้ทหารใต้บังคับบัญชาที่ถืออาวุธอยู่ในวินัยและไม่ออกไปสร้างความวุ่นวายให้กับสังคม หรือในการรบที่ต้องการคำสั่งที่เด็ดขาด แต่การที่ผู้บังคับบัญชามีอำนาจมากเกินไปโดยไม่มีใครที่สามารถตรวจสอบได้ ก็เปรียบเสมือนอำนาจถูกผูกขาดในค่ายทหาร โดยไม่มีใครมีสิทธิมีเสียงที่จะโต้แย้งได้และการตรวจสอบก็มีแต่นายทหารด้วยกัน ตัวอย่างเช่น เคสของ “หมู่อาร์ม” ที่พบการทุจริตในกองทัพ แต่เมื่อยื่นเรื่องต่อกรมสรรพาวุธภายในไปแล้วเรื่องกลับเงียบ ซ้ำร้ายยังถูกข่มขู่จากนายทหารที่มีอำนาจรวมถึงสั่งลงโทษทางวินัยทหาร อำนาจที่เหลือล้นจึงไม่เพียงเป็นการคอร์รัปชันด้วยการใช้อำนาจโดยมิชอบ แต่ยังส่งเสริมให้การคอร์รัปชันไม่ถูกตรวจสอบอีกด้วย

2.ดุลพินิจที่เปิดโอกาสให้ทำผิด : หลายกิจกรรมในกองทัพเปิดโอกาสให้ใช้ดุลพินิจอย่างมาก และส่งผลให้เกิดโอกาสคอร์รัปชันตามมา ตัวอย่างเช่น ในช่วงเกณฑ์ทหารเข้าประจำการใหม่ก็จะได้ยินข่าวการรับสินบนหลายหมื่นบาทต่อคนหรือข่าวการยินยอมยกเงินเดือน และเงินเบี้ยเลี้ยงต่างๆ ให้กับผู้บังคับบัญชาหรือที่เรียกว่า “บัญชีทหารผี” เพื่อจะได้ไม่ต้องเป็นเข้าประจำการทหาร และอีกหนึ่งตัวอย่างของการเปิดโอกาสให้ใช้ดุลพินิจโดยส่งผลกระทบต่อทหารเกณฑ์ ผู้เขียนขอยกตัวอย่าง “พ.ร.บ.วินัยทหาร” ที่เปิดโอกาสให้เกิดการกลั่นแกล้งและการทำร้ายร่างกายได้ โดยใน พ.ร.บ. ได้ระบุถึงเหตุผลที่จะทำให้ผู้บังคับบัญชาสามารถลงโทษพลทหารได้ในข้อ 1 ที่บอกไว้ว่า “ดื้อ ขัดขืน หลีกเลี่ยง หรือละเลยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาเหนือตน” ซึ่งคำว่า “ดื้อ” นั้นค่อนข้างเป็นนามธรรม พฤติกรรมแค่ไหนถึงจะเรียกว่าดื้อ ? ทั้งหมดขึ้นอยู่กับดุลพินิจของผู้บังคับบัญชา หรือข้อที่ 7 ที่บอกไว้ว่า “ใช้กิริยาวาจาไม่สมควร หรือประพฤติไม่สมควร” แล้วแค่ไหนถึงจะเรียกว่าไม่สมควร? สุดท้ายแล้วหากไม่ระบุให้ชัดเจนก็อาจนำมาสู่การกลั่นแกล้งหรือการใช้อำนาจโดยมิชอบ เช่นเดียวกับกรณีการนำทหารไปรับใช้ หากมีการกำหนดชัดเจนว่านำทหารไปช่วยงานอะไร เกี่ยวข้องกับภารกิจกองทัพอย่างไร ก็จะช่วยลดการนำทหารไปรับใช้อย่างไร้ประสิทธิภาพ

3.ความรับผิดชอบที่ยังขาดหาย : ในเรื่องของความรับผิดชอบจะเห็นได้ว่าด้วยอำนาจที่ผูกขาด และการเป็นดินแดนสนธยาของค่ายทหาร ทำให้การตรวจสอบไปถึงยาก รวมทั้งระบบอุปถัมภ์ที่มีพี่น้องและพวกพ้องอยู่รอบตัว ทำให้การเอาผิดเป็นไปได้ยาก นอกจากนี้กฎระเบียบยังเอื้ออำนวยอีกด้วย ผู้เขียนยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัดใน “พ.ร.บ. วินัยทหาร” ซึ่งได้ระบุโทษ 5 สถานเอาไว้ ถ้าหากผู้ใต้บังคับบัญชาที่ทำผิดจะมีบทลงโทษคือ 1.ภาคทัณฑ์ คือการทำทัณฑ์บนเอาไว้ 2. ทัณฑกรรม ให้กระทำการสุขา การโยธา ฯลฯ 3.กัก คือการจำกัดให้อยู่ในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง 4.ขัง หรือการสั่งขังคนเดียวหรือหลายคน 5.จำขัง หรือการส่งไปขังคุกทหาร ซึ่งประเด็นสำคัญคือ พ.ร.บ. ได้ระบุไว้ว่าในการลงโทษผู้บังคับบัญชามีอำนาจที่จะใช้อาวุธเพื่อปราบปรามทหารผู้ก่อการกำเริบหรือบังคับทหารผู้ละทิ้งหน้าที่ให้กลับมาทำหน้าที่โดยที่ผู้บังคับบัญชาหรือผู้ที่ช่วยเหลือในการใช้อาวุธลงโทษไม่ต้องรับโทษ ซึ่งเนื้อหาแสดงให้เห็นถึงการเปิดโอกาสให้ผู้บังคับบัญชาสามารถใช้ความรุนแรง โดยไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ

ผ่าวิกฤตเกณฑ์ทหาร แก้สมการคอร์รัปชัน

ในกระบวนการนี้ผู้เขียนมองว่าควรแก้ตามสมการต้องเริ่มจากการลดอำนาจที่ผูกขาดซึ่งจะทำให้นายทหารสามารถตัดสินใจถูกผิดได้ดั่งใจโดยไม่ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำ และกลายเป็นระบบที่เอื้อให้คนสามารถทำผิดได้ หรือเรื่องของระบบกองทัพแม้เป็นแบบบนลงล่าง ก็ควรมีความโปร่งใส อาจจะเพิ่มถ่วงดุลอำนาจ หรือเพิ่มอำนาจการตรวจสอบจากภาคส่วนอื่น เช่นในเรื่องของการรับเรื่องร้องเรียนทุจริตควรมีการทำงานกับองค์กรอื่นอย่าง ป.ป.ช. และ ป.ป.ท. รวมถึงต้องมีการตรวจสอบจริงจับให้เห็นเป็นตัวอย่าง หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดกรณีอย่างหมู่อาร์มเป็นครั้งที่สอง และในด้านกฎเกณฑ์อะไรที่สามารถลดดุลพินิจได้ก็ควรจะลด ให้ระบบทหารเกณฑ์อยู่ในรูปแบบออนไลน์มากขึ้นกฎระเบียบในการฝึกควรมีการระบุที่ละเอียดชัดเจน เป็นรูปธรรม เช่น หากระบุเกี่ยวกับ “การไม่ฟังคำสั่ง” ควรระบุให้ชัดเจนว่าแบบไหนบ้างจึงจะเรียกว่าไม่ฟัง รวมถึงต้องกำหนดความรับผิดชอบที่สมเหตุสมผล

พอมาถึงจุดนี้แล้ว เชื่อว่าทุกคนคงเห็นภาพแนวทางการเพิ่มจำนวนทหารเกณฑ์จากการแก้สมการคอร์รัปชัน เพราะหากลดคอร์รัปชันได้ แน่นอนว่าจะทำให้คนอยากสมัครเป็นทหารแต่ “กลัว” มาสมัครมากขึ้น นอกจากนี้การลดคอร์รัปชันย่อมตามมาด้วยงบประมาณที่เพิ่มขึ้น ซึ่งกองทัพสามารถนำมาเพิ่มสวัสดิการ เงินเดือน เงินเบี้ยเลี้ยง ซึ่งจะเป็นแรงจูงใจที่ทำให้แม้แต่คนที่ไม่อยากเป็นทหารก็อยากมาสมัครจนเพียงพอ คนที่ “เกรง” ไม่จำเป็นต้องมาเป็นทหาร และทำหน้าที่พลเมืองของชาติด้วยวิธีการอื่นไป อีกทั้งกองอาจมีงบประมาณเหลือๆ ไปเพิ่มศักยภาพการฝึกยุทโธปกรณ์ ทำให้กองทัพไทยมีประสิทธิภาพ ทำให้คนไทยอุ่นใจ กลายเป็นเรื่องที่มีแต่ “ได้กับได้” แต่ถ้าถามว่าใครจะเสียประโยชน์ก็คงมีแต่คน “โกง” เพียงเท่านั้น

สุรวัฒน์ เดวา

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
15:41 น. แอดมิทด่วน! 'เอ๊ะ จิรากร'เล่าประสบการณ์หัวใจเต้นผิดปกติ
15:40 น. 'อนุสรณ์'แนะเปิดใจรับฟังเหตุผลงบรีโนเวตสภาฯ ไม่ใช่ตัดสินไปก่อน
15:35 น. สองผัวเมียอารมณ์ดี! ‘ขายหอยครก 6 ราง’ ทำขายแทบไม่ทัน-ลูกค้าเพียบ
15:20 น. ป่วนใต้หลายจุด! จุดไฟเผากล้อง-แขวนป้าย-วางวัตถุต้องสงสัย 3 อำเภอในยะลา
15:14 น. 'ทวี'เผย'กกต.'ประสาน'ดีเอสไอ'แปะหมายเรียกหน้าบ้าน 6 สว. คดีฮั้ว
ดูทั้งหมด
ภาพอบอุ่นใจความรักที่งดงามของ 'กษัตริย์จิกมี-สมเด็จพระราชินี-เจ้าชาย-พระธิดา' ในยามค่ำคืนของทะเลทรายโกบี
(คลิป) 'ฐปณีย์' เละคาบ้าน! ด้อยค่าคนไม่เห็นด้วย 'เมียจ่าปืน' ออกโรงตอกกลับไม่ใช่ IO
‘ลาออก’ไปเถอะ! ฉะ‘นายกฯ’มีสติปัญญาแค่นี้ แผ่นเสียงตกร่องชู‘กาสิโน’แก้เศรษฐกิจ
มาแล้ว! กรมอุตุฯคาดหมายอากาศ 7 วันข้างหน้า ตั้งแต่ 4-10 พ.ค.68
หยามเกียรติธงชาติไทย! ทนายแจ้งเอาผิด โพสต์เฟสบุ๊คดูหมิ่น'ธงคือผ้าเช็ดเท้า'
ดูทั้งหมด
อวสาน‘ทักษิณ’คุกรออยู่
ความต่างของ สิงคโปร์ กับ ไทย
คุกนรก (1)
นักการเมือง ‘ส้มสารพิษ’
บุคคลแนวหน้า : 9 พฤษภาคม 2568
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

'อนุสรณ์'แนะเปิดใจรับฟังเหตุผลงบรีโนเวตสภาฯ ไม่ใช่ตัดสินไปก่อน

แอดมิทด่วน! 'เอ๊ะ จิรากร'เล่าประสบการณ์หัวใจเต้นผิดปกติ

เศร้า! ช้างป่ากุยบุรีขาเจ็บล้มแล้ว สะเทือนใจผลชันสูตร

ปตท. ลงนามสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติส่วนเพิ่มแหล่งอาทิตย์เสริมความมั่นคงพลังงานไทย

'ทวี'เผย'กกต.'ประสาน'ดีเอสไอ'แปะหมายเรียกหน้าบ้าน 6 สว. คดีฮั้ว

วัฒนธรรมโบราณ! พิธีล้างพระธาตุศรีสองรัก สักขีพยานสัมพันธไมตรีสองแผ่นดิน 465 ปี

  • Breaking News
  • แอดมิทด่วน! \'เอ๊ะ จิรากร\'เล่าประสบการณ์หัวใจเต้นผิดปกติ แอดมิทด่วน! 'เอ๊ะ จิรากร'เล่าประสบการณ์หัวใจเต้นผิดปกติ
  • \'อนุสรณ์\'แนะเปิดใจรับฟังเหตุผลงบรีโนเวตสภาฯ ไม่ใช่ตัดสินไปก่อน 'อนุสรณ์'แนะเปิดใจรับฟังเหตุผลงบรีโนเวตสภาฯ ไม่ใช่ตัดสินไปก่อน
  • สองผัวเมียอารมณ์ดี! ‘ขายหอยครก 6 ราง’ ทำขายแทบไม่ทัน-ลูกค้าเพียบ สองผัวเมียอารมณ์ดี! ‘ขายหอยครก 6 ราง’ ทำขายแทบไม่ทัน-ลูกค้าเพียบ
  • ป่วนใต้หลายจุด! จุดไฟเผากล้อง-แขวนป้าย-วางวัตถุต้องสงสัย  3 อำเภอในยะลา ป่วนใต้หลายจุด! จุดไฟเผากล้อง-แขวนป้าย-วางวัตถุต้องสงสัย 3 อำเภอในยะลา
  • \'ทวี\'เผย\'กกต.\'ประสาน\'ดีเอสไอ\'แปะหมายเรียกหน้าบ้าน 6 สว. คดีฮั้ว 'ทวี'เผย'กกต.'ประสาน'ดีเอสไอ'แปะหมายเรียกหน้าบ้าน 6 สว. คดีฮั้ว
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

The Corruption ระบบแท้ คนเก๊: วิเคราะห์ปัญหาคอร์รัปชันที่ประเทศไทยไม่มีทางแก้?

The Corruption ระบบแท้ คนเก๊: วิเคราะห์ปัญหาคอร์รัปชันที่ประเทศไทยไม่มีทางแก้?

30 เม.ย. 2568

การกลับคืนสู่อำนาจของทรัมป์: ผลกระทบต่อกระแสความคิดและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

การกลับคืนสู่อำนาจของทรัมป์: ผลกระทบต่อกระแสความคิดและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

23 เม.ย. 2568

สงกรานต์เป็นเทศกาลแห่งความสุขของใครกันแน่

สงกรานต์เป็นเทศกาลแห่งความสุขของใครกันแน่

16 เม.ย. 2568

เมื่อชีวิตมีแค่ทางเลือกที่แย่กับแย่น้อยกว่า : ปัญหามลพิษในประเทศไทยหนักแค่ไหน?

เมื่อชีวิตมีแค่ทางเลือกที่แย่กับแย่น้อยกว่า : ปัญหามลพิษในประเทศไทยหนักแค่ไหน?

9 เม.ย. 2568

6 ปี ACT Ai - เครื่องมือสู้โกงของประชาชน

6 ปี ACT Ai - เครื่องมือสู้โกงของประชาชน

26 มี.ค. 2568

เมื่อจีนใช้ AI ช่วยสะสางการคอร์รัปชันอย่างได้ผล ไทยจะเรียนรู้อะไรได้บ้าง

เมื่อจีนใช้ AI ช่วยสะสางการคอร์รัปชันอย่างได้ผล ไทยจะเรียนรู้อะไรได้บ้าง

19 มี.ค. 2568

ราโชมอนและคอร์รัปชัน : เมื่อภาพยนตร์มีหลายมุมมอง แต่คอร์รัปชันมีความจริงเพียงหนึ่งเดียว

ราโชมอนและคอร์รัปชัน : เมื่อภาพยนตร์มีหลายมุมมอง แต่คอร์รัปชันมีความจริงเพียงหนึ่งเดียว

12 มี.ค. 2568

หากเงินซื้อความปลอดภัยได้ แล้วเงินเท่าไหร่ถึงจะซื้อความปลอดภัยที่มากพอสำหรับผู้หญิงได้

หากเงินซื้อความปลอดภัยได้ แล้วเงินเท่าไหร่ถึงจะซื้อความปลอดภัยที่มากพอสำหรับผู้หญิงได้

26 ก.พ. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved