หมายเหตุ : บทความนี้เดิมชื่อ “ปัญญาประดิษฐ์ AI เพื่อนใหม่วัยเก๋า” เขียนโดยคณะนักวิชาการจาก สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประกอบด้วยศ.ดร.เกื้อ วงศ์บุญสิน, รศ.ดร.ปิยะชาติ ภิรมย์สวัสดิ์,รศ.ดร.พัฒนาพร ฉัตรจุฑามาส, ผศ.ดร.ภัทเรก ศรโชติ และ นายภูมิ สุขจันทร์ตรี (ผู้ช่วยนักวิจัย) โดยได้รับการปรับปรุงเนื้อหาเพื่อให้สอดคล้องกับพื้นที่ของหนังสือพิมพ์
ในปัจจุบันจำนวนประชากร “ผู้สูงวัย” ได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีโอกาสที่จะกลายไปเป็นวิกฤตในระดับโลกเนื่องจากปัญหาอัตราการเกิดที่ลดน้อยลงอย่างมาก โดยองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้คาดการณ์ว่า ในปี ค.ศ. 2030 (พ.ศ.2573) 1 ใน 6 ของประชากรโลกจะมีอายุมากกว่า 60 ปีและจะเพิ่มขึ้นอีกสองเท่าในปี ค.ศ. 2050 (พ.ศ.2593) นอกจากนี้ ประชากรอายุมากกว่า 60 ปี ราว 2 ใน 3 จะกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีรายได้ต่ำและรายได้ปานกลางหรือประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย
อย่างไรก็ตาม แทนที่เราจะมองว่าการมีผู้สูงวัยจำนวนมากเป็นสิ่งที่ฉุดรั้งการพัฒนาประเทศ บทความนี้จึงอยากนำเสนอแนวคิดใหม่ที่ผู้สูงวัยสามารถเป็นทรัพยากรที่สำคัญต่อการพัฒนาประเทศ หากประเทศมีการลงทุนเพื่อเตรียมความพร้อมที่เหมาะสม ซึ่ง รศ.ดร.ปิยะชาติ ภิรมย์สวัสดิ์ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้กล่าวไว้บนเวที TED 2023 :Possibility “Leaping Boldly into New Global Realities”ว่า “อุปสรรคของผู้สูงอายุที่มีผลต่อการทำงานมีอยู่ 3 อย่าง”ประกอบด้วย
1.อุปสรรคทางด้านร่างกาย เช่น ยกของหนักหรือยืน-เดินนานๆ ได้ลำบาก ซึ่งอาจใช้เทคโนโลยีเข้ามาสนับสนุน เช่นใช้เครื่องจักรช่วยยกของ ใช้อุปกรณ์ช่วยพยุงเวลาที่ต้องยืนหรือเดิน2.อุปสรรคทางด้านการเดินทางไปทำงาน แต่ปัจจุบันเทคโนโลยีการทำงานแบบ Remote Working ได้พัฒนาไปมาก เห็นได้จากในช่วงสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ดังนั้นการใช้เทคโนโลยี RemoteWorking จะช่วยให้ผู้สูงอายุจำนวนไม่น้อยกลับมาทำงานได้
และ 3.อุปสรรคทางสมองหรือทางความจำ ผู้สูงอายุอาจเรียนรู้หรือจำเรื่องใหม่ๆ ได้ไม่รวดเร็วเท่ากับคนรุ่นใหม่ แต่ผู้สูงอายุยังคงมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่เยอะกว่า ซึ่งในบทความนี้ จะกล่าวถึงเทคโนโลยี “Cognitive Augmentation Technology” ที่ช่วยส่งเสริมในด้านความรู้ความเข้าใจ ซึ่งสามารถเข้ามามีส่วนสำคัญในการช่วยเหลือผู้สูงอายุ ทั้งเรื่องงานและชีวิตประจำวันในหลายๆ ด้าน
หนึ่งในเทคโนโลยีที่จัดเป็น Cognitive Augmentation ที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในตอนนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องของ “เอไอ (AI)” หรือ Artificial Intelligence โดยบทความนี้จะขอนำเสนอแนวคิดที่สามารถนำ AI เข้ามาช่วยเหลือผู้สูงอายุได้ในหลายๆ ด้าน อาทิ 1.เพื่อนคู่คิดด้านข้อมูล (AI Information Companion) เช่น โดยอาจจะเป็น AI ถาม-ตอบง่ายๆ ที่คอยตอบคำถามในด้านที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลที่เราสงสัย
สามารถให้คำแนะนำและแนวทางในการเข้าถึงข้อมูลที่เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุ เช่น การแนะนำการอ่านหนังสือหรือบทความที่เกี่ยวข้องกับความสนใจ หรือแนะนำการอ่านข่าวสารที่เกี่ยวกับสุขภาพและการออกกำลังกายที่เหมาะสม ข้อดีของ AI แบบนี้ในมุมมองของผู้สูงอายุคือ สามารถแก้ไขเรื่องที่ผู้สูงอายุตามเทคโนโลยีไม่ทัน หรือใช้เทคโนโลยีบางประเภทไม่เป็น และสามารถแก้ปัญหาที่บางคนอาจกลัวหรือเกรงใจที่จะถามผู้อื่นได้
2.ผู้ช่วยในการเรียน (AI Tutor) แม้ปัจจุบันการเรียนกับ Tutor ที่เป็นคนจริงๆ จะทำได้ง่ายมากขึ้นจากการเรียนผ่านระบบออนไลน์ แต่การใช้ Tutor ที่เป็น AI แทน ก็มีข้อดีคือช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวในการเรียนรู้ เพราะบางคนอาจเกรงใจหรือกลัวที่จะถามคนจริงๆ นอกจากนี้ เนื่องจากเทคโนโลยี AI Tutor มีความสามารถในการปรับรูปแบบการเรียนและคำแนะนำที่ปรับตามความต้องการและสถานะการเรียนรู้ของผู้เรียน สามารถช่วยให้การเรียนรู้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องเข้ากับวิธีการเรียนรู้ของแต่ละบุคคล
อีกทั้งการให้ AI ได้เรียนรู้จากแหล่งข้อมูลที่มีคุณภาพหลายๆ แหล่ง ก็ทำให้คุณภาพของเนื้อหาที่เรียนยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย ตัวอย่างเช่น AI Khanmigoของทาง Khan Academy ที่ถูกออกแบบมาให้เป็น AI Tutor มีหน้าที่ตอบคำถามที่ผู้เรียนสงสัย แต่แทนที่จะให้คำตอบกับผู้ถามไปตรงๆ เลย AI Khanmigo จะใช้วิธีค่อยๆ แนะนำวิธีการแก้ปัญหาเพื่อให้ผู้เรียนได้เข้าใจไปพร้อมกับการเฉลยปัญหานั้นๆ
3.โค้ชเสมือนจริง (AI Coach) ผู้สูงอายุหลายคนอาจจะมีปัญหาเรื่องขี้หลงขี้ลืม ถ้ามีโค้ชสักคนคอยช่วยให้คำแนะนำในด้านการดูแลสุขภาพ ช่วยเตือนเรื่องการใช้จ่ายเงิน การพัฒนาตนเอง ก็คงจะดีไม่น้อย เป็นการเพิ่มพลังทางจิตใจ เพื่อพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น อาทิ มีตัวอย่างจาก CarePredict สตาร์ทอัพในสหรัฐอเมริกา ได้ประยุกต์ใช้ AI ในการติดตามพฤติกรรมของผู้สูงอายุในด้านความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวันและทำการวิเคราะห์เปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยของผู้สูงอายุท่านอื่นๆ เพื่อตรวจสอบและแจ้งเตือนว่ามีพฤติกรรมใดที่ผิดไปจากปกติหรือไม่
และ 4.ผู้ช่วยทางด้านจิตใจ (AI Life Companion)ปัญหาโรคซึมเศร้าในผู้สูงอายุจากสาเหตุที่คิดว่าตนเองไร้ค่า เบื่อหน่ายกับชีวิตประจำวัน ซึ่งการใช้ AI ที่เป็นผู้ช่วยทางด้านจิตใจไม่เพียงแต่อยู่ในเรื่องของการช่วยดูแลร่างกายของผู้ใช้แต่ยังเป็นผู้ช่วยทางจิตใจที่สามารถเสนอคำปรึกษา คำแนะนำ และการสนับสนุนในเรื่องของสุขภาพจิตได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะเวลาที่ผู้สูงอายุรู้สึกเหงา โดดเดียว หรือเครียด เช่น การปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงในสภาพแวดล้อมใหม่ๆ หรือการที่ต้องอยู่แต่ในบ้าน ไม่มีเพื่อนพูดคุยด้วย ไม่มีการเข้าสังคม
ในอนาคตผู้สูงวัยทั่วโลกจะมีจำนวนมากขึ้น หากเรามีการเตรียมความพร้อมในการพัฒนาคนกลุ่มนี้ โดยให้การสนับสนุนด้านเทคโนโลยีและการให้ความรู้ที่มากพอ ผู้สูงอายุก็จะมีส่วนในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมได้ โดยจะเป็นทรัพยากรที่มีทั้งความรู้ ความชำนาญและประสบการณ์
จึงอยากให้ลองช่วยกัน “คิดใหม่” แทนที่อยากให้ผู้สูงอายุหยุดทำงานและอยู่บ้านเฉยๆ ก็เปลี่ยนมาเป็นสนับสนุนให้ผู้สูงอายุลองใช้เทคโนโลยีมาช่วยในการทำงาน
เพื่อให้การก้าวไปสู่สังคมสูงวัยเป็นการก้าวสู่สังคมสูงวัยที่ทรงพลัง ที่สามารถทำให้ผู้สูงวัยเป็นกำลังพลที่สำคัญ ทั้งยังสามารถช่วยพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศเราได้ต่อไป!!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี