เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2567 ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล ด้วยมติเอกฉันท์
พร้อมแจกแจงรายละเอียดการวินิจฉัยในรายประเด็นอย่างกระจ่างชัด ว่าประกอบด้วยเหตุผล พยานหลักฐาน หักล้างกันอย่างไร
ชี้ว่า พฤติการณ์ของผู้ถูกร้องที่เสนอร่างกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อันมีเนื้อหาเป็นการลดทอนคุณค่าสถาบันพระมหากษัตริย์ และใช้เป็นนโยบายพรรคในการหาเสียงเลือกตั้งโดยการใช้ประโยชน์จากสถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อหวังผลคะแนนเสียงและชนะการเลือกตั้ง เป็นการมุ่งหมายให้สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ในฐานะคู่ขัดแย้งกับประชาชน
ผู้ถูกร้อง (พรรคก้าวไกล) มีเจตนาเซาะกร่อนบ่อนทําลายสถาบันพระมหากษัตริย์หรือทําให้อ่อนแอลง อันนําไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในที่สุด
การกระทําของผู้ถูกร้องจึงเข้าลักษณะการกระทําการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอีกด้วย ฯลฯ
บางตอน ระบุว่า “...ผู้ถูกร้อง มีการกระทําอันฝ่าฝืนต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 92 วรรคหนึ่ง (1) และ (2) ซึ่งเป็นพฤติการณ์ร้ายแรง กฎหมายดังกล่าวใช้กับพรรคการเมืองทุกพรรค ไม่ว่าพรรคการเมืองจะได้รับการเลือกตั้งหรือไม่ก็ตามแต่ ทุกพรรคการเมืองต้องอยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายฉบับเดียวกันอย่างเสมอ ภาคเท่าเทียมกัน หากมีพฤติการณ์ร้ายแรงกฎหมายจําเป็นที่จะต้องหยุดยั้งการทําลายหลักการพื้นฐานการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ศาลรัฐธรรมนูญต้องสั่งยุบพรรคผู้ถูกร้องตามที่กฎหมายบัญญัติอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
แม้นักวิชาการ นักการเมือง หรือนักการทูตของต่างประเทศไม่ว่าในระดับใด ต่างก็มีรัฐธรรมนูญและกฎหมายภายในประเทศ รวมทั้งข้อกําหนดของตนแตกต่างกันไปตามบริบทของแต่ละประเทศ
การแสดงความเห็นใดๆ ย่อมต้องมีมารยาทสากลทางการทูตและการต่างประเทศที่พึงปฏิบัติต่อกัน...”
1. ปรากฏว่า ฝรั่งเสร่อ ประเภทที่ยังหลงคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าโลก
หรืออาจจะตกใจที่สูญเสียลูกสมุนรองมือรองตีนของตัวเอง ในการดำเนินนโยบายต่างประเทศของสหรัฐอเมริกาในประเทศไทย ก็ไม่อาจทราบได้
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ นายแมทธิว มิลเลอร์ รีบออกแถลงการณ์โจมตีประเทศไทยทันที
ระบุว่า
“กรณีการยุบพรรคก้าวไกลในประเทศไทย
สหรัฐอเมริกามีความกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไทยในวันนี้ ซึ่งมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกลและตัดสิทธิทางการเมืองของแกนนำพรรค 11 คน
คำตัดสินนี้ ลิดรอนสิทธิ์ของชาวไทยกว่า 14 ล้านคนที่ลงคะแนนเสียงให้พรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคม 2566 และทำให้เกิดคำถามว่า พวกเขาสามารถเลือกผู้แทนของตนในระบบการเลือกตั้งของไทยได้หรือไม่
คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญยังเสี่ยงต่อการบั่นทอนกระบวนการประชาธิปไตยของไทย และขัดกับความปรารถนาของชาวไทยต่ออนาคตที่มั่นคงและเป็นประชาธิปไตย การมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชนโดยทั่วถึงเสริมสร้างความสมานฉันท์ในสังคม และเป็นองค์ประกอบสำคัญของสถาบันระดับชาติที่เข้มแข็ง
สหรัฐฯ ไม่ได้สนับสนุนพรรคการเมืองใด แต่ในฐานะพันธมิตรและมิตรใกล้ชิดที่มีความสัมพันธ์อันแนบแน่นยาวนาน เราเรียกร้องให้ไทยดำเนินการเพื่อให้ประชาชนทุกคนมีอย่างแท้จริง ส่วนร่วมทางการเมืองและเพื่อปกป้องประชาธิปไตย รวมถึงเสรีภาพในการสมาคมและการแสดงออก”
น่าอนาถใจมาก... คำวินิจฉัยสหรัฐ อวดอ้างว่าห่วงใยประเทศไทยและคนไทย แต่อุ้มพรรคการเมืองที่ก้าวล่วง เหยียบย่ำสถาบันพระมหากษัตริย์ที่คนไทย 60 ล้านคน ล้วนเคารพบูชา
2. นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ อ่านแถลงการณ์กระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงทันควัน
เรื่อง การยุบพรรคก้าวไกล
ระบุว่า “คำวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกลเป็นเอกสิทธิ์และอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งอยู่ภายใต้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญตามหลักการของการแบ่งแยกเขตอำนาจของรัฐธรรมนูญ
การตัดสินของศาลเป็นสิ่งที่ไม่สามารถแทรกแซงได้โดยอำนาจอื่น หรือโดยรัฐบาล
คำตัดสินดังกล่าว มีผลผูกพันตามกฎหมาย และต้องได้รับความเคารพโดยปวงชนชาวไทย
ประเทศไทยจะยังดำเนินตามค่านิยมประชาธิปไตยและในฐานะรัฐภาคีของกติการะหว่างประเทศ ว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ย้ำความมุ่งมั่นต่อพันธกรณีและเสรีภาพในการแสดงออก เสรีภาพในการสมาคม เสรีภาพในการชุมนุมอย่างสันติ และเสรีภาพในการก่อตั้งพรรคการเมือง
ประเทศไทยมีความภาคภูมิใจในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นส่วนสำคัญยิ่งต่อขนบประเพณีของไทย และเป็นเสาหลักของฝ่ายตุลาการ ฝ่ายบริหาร และฝ่ายนิติบัญญัติที่แยกจากกันสามฝ่าย สร้างความเป็นชาติตลอดห้วงประวัติศาสตร์หลายศตวรรษที่ผ่านมา
ประเทศไทยจะดำเนินตามขนบประเพณีและระบอบประชาธิปไตยอย่างมั่นคง ด้วยความภาคภูมิใจและมีศักดิ์ศรี
เราเชื่อมั่นว่าประชาชนคนไทยทุกคนจะเคารพในคำพิพากษา และร่วมกันนำประเทศไปข้างหน้าตามวิถีทางประชาธิปไตยต่อไป”
เรียกว่า ชัดเจน ไม่ต้องแปลความ
สุภาพ แต่เด็ดขาด
ประการสำคัญ คือ ยืนหยัดในศักดิ์ศรีของประเทศไทย
3. ประชาชนคนไทยที่รักและภูมิใจในแผ่นดินเกิด เคารพในระบบกฎหมายและรัฐธรรมนูญไทย ต่างแสดงออกตอบโต้สหรัฐอย่างดุเดือด
บางท่าน ทำหนังสือเปิดผนึก ในนามประชาชนคนไทย
ความบางตอนระบุว่า
“ถึง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา สำนักงานโฆษก
แนบท้ายประกาศเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย
เรื่อง : คำขอด่วนให้ยุติการแทรกแซงที่ไม่เหมาะสมซึ่งแสดงไว้ในแถลงการณ์เผยแพร่ทันทีที่ออกเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2567 เกี่ยวกับการยุบพรรค Move Forward ในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ขัดต่อกิจการภายในของประเทศไทย
ท่านผู้มีเกียรติ
ข้าพเจ้าขอแสดงความห่วงใยและประณามการกระทำที่ไม่เหมาะสมของสถานทูตสหรัฐอเมริกาในกิจการภายในของประเทศไทย เมื่อเร็วๆ นี้ เกี่ยวกับการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการยุบพรรค Move Forward
ดังที่ได้กล่าวกันอย่างกว้างขวาง ศาลได้ชี้ให้เห็นถึงข้อเสนอของพรรคที่จะแก้ไขกฎหมายเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2021 คำแถลงนโยบายระหว่างการหาเสียงเลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคม 2023 และการแสดงเจตนารมณ์ที่จะแก้ไขกฎหมายผ่านกิจกรรมและช่องทางทางการเมืองมากมาย ดังนั้น ศาลจึงกล่าวว่าพรรคได้เสนอให้แก้ไขมาตรา 112 เพื่อแยกความผิดภายใต้มาตราดังกล่าวออกจากความผิดอื่นๆ ต่อความมั่นคงของชาติ ทำให้ผู้กระทำผิดมีสิทธิได้รับการอภัยโทษ และยอมความได้ ตามคำกล่าวของศาล ความพยายามดังกล่าวลดคุณค่าของสถาบันราชวงศ์ แสดงให้เห็นถึงเจตนาที่จะละเมิดสถาบันราชวงศ์เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองในการเลือกตั้งทั่วไป ทำร้ายศรัทธาของประชาชนที่มีต่อสถาบัน และส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ (เว็บไซต์ Bangkok Post, 7 สิงหาคม 2024)
จากมุมมองที่แสดงใน Immediate Release ฉันเชื่ออย่างแท้จริงว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดบรรทัดฐานระหว่างประเทศและพิธีการทางการทูตอย่างชัดเจน การกระทำดังกล่าวทำให้ความตึงเครียดระหว่างสองประเทศของเราทวีความรุนแรงขึ้นโดยไม่จำเป็น ซึ่งทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งและเป็นประโยชน์ร่วมกันมาโดยตลอด
แม้ว่าพวกเราชาวไทยจะตระหนักถึงความสำคัญของเสรีภาพในการแสดงออกและสิทธิในการชุมนุมโดยสงบ แต่เราไม่สามารถยอมรับการแทรกแซงจากต่างประเทศในกิจการภายในประเทศของเราได้ การกระทำของโฆษกสหรัฐฯ ได้ทำให้กลุ่มคนบางส่วนในประเทศไทยกล้าที่จะท้าทายอำนาจของกิจการประชาธิปไตยของชาติเรา
ช่วงเวลาของการแทรกแซงเหล่านี้ น่าวิตกเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันที่มีความตึงเครียดระหว่างสองฝ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น จำเป็นอย่างยิ่งที่เราต้องรักษาเสถียรภาพและความร่วมมือระหว่างประเทศของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเผชิญกับความท้าทายร่วมกัน
เราเรียกร้องให้คุณหยุดการแทรกแซงกิจการภายในของประเทศไทยในทันที การกระทำของคุณไม่เพียงไม่เหมาะสมเท่านั้น แต่ยังส่งผลเสียต่อผลประโยชน์ในระยะยาวของทั้งสองประเทศอีกด้วย
เราเชื่อว่าสำนักงานโฆษกสหรัฐฯ และสถานทูตในประเทศไทยสามารถมีบทบาทเชิงสร้างสรรค์ในการส่งเสริมการเจรจาและความเข้าใจระหว่างประเทศไทยและสหรัฐฯ ได้ อย่างไรก็ตาม สามารถทำได้โดยการเจรจาอย่างเคารพและไม่แทรกแซงเท่านั้น
ท้ายที่สุด การไม่แก้ไขปัญหานี้อย่างทันท่วงทีอาจส่งผลร้ายแรงต่ออนาคตความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและสหรัฐอเมริกาได้
เราเชื่อว่าคุณจะให้ความสำคัญและพิจารณาเรื่องนี้อย่างสูงสุด
ขอแสดงความนับถือ...”
4. ตัวอย่างท่าทีและความเห็นคุณภาพของประชาชนคนไทย
สะท้อนว่า คนไทยยุคนี้ ไม่ใช่ขี้ข้าชาติตะวันตกอย่างเซื่องๆ
คุณ Padipon Apinyankul โพสต์ข้อความประกอบภาพนี้ ระบุว่า
“..หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 .. สหรัฐอเมริกาเริ่มนโยบาย “ล่าอาณานิคมแบบใหม่”
ด้วยการแทรกแซงการเมืองในประเทศต่างๆ ทั้งตะวันออกกลาง ยุโรป ลามมาถึงเอเชียทั้งทวีป
ด้วยกลยุทธ์ “หาขี้ข้ารับใช้” หนุนพรรคการเมืองที่นิยมตะวันตก สร้างความแตกแยกภายใน
ดังที่พบว่า .. สหรัฐ .. #เสือก เข้ามายุ่งเกี่ยวกับศาล และการเมืองไทย
ศาลไทย เป็นอิสระ กฎหมายร่างมานานด้วยมองเห็นปัญหาในอนาคต ไม่ได้เพิ่งร่างขึ้นเพื่อจ้องเล่นงานพรรคก้าวไกล
ศาลและกฎหมายไทย ไม่ได้ตกอยู่ในสภาพ “การเสียสิทธินอกอาณาเขต” เหมือนสมัยล่าอาณานิคม
หรือสหรัฐ ไม่ได้สอนสั่งประชาชนให้พึงเคารพซึ่งกฎหมายรัฐธรรมนูญ
...
เพราะสหรัฐ มีนิยามทางการเมืองของตนเองว่า
#เราไม่ควรล้มผู้ชนะการเลือกตั้งด้วย__กฎหมาย
#เราควรล้มผู้ชนะการเลือกตั้งด้วย__ปืน
เพราะนั้นคือเสรีภาพ ของปวงชน
...
สหรัฐ คือตัวอย่างของกับดักทางประชาธิปไตย ที่ใช้สิทธิละเมิดได้ทุกอย่าง
รวมถึงละเมิด “มารยาท” ทางการทูต...”
5. สหรัฐและนักการเมือง พรรคการเมืองขี้ข้าของสหรัฐในประเทศไทย พึงสำเหนียกว่า
“...แม้นักวิชาการ นักการเมือง หรือนักการทูตของต่างประเทศไม่ว่าในระดับใด ต่างก็มีรัฐธรรมนูญและกฎหมายภายในประเทศ รวมทั้งข้อกําหนดของตนแตกต่างกันไปตามบริบทของแต่ละประเทศ การแสดงความเห็นใด ๆ ย่อมต้องมีมารยาทสากลทางการทูตและการต่างประเทศที่พึงปฏิบัติต่อกัน...”
ประชาชนชนคนไทยที่แท้จริง ไม่ใช่ขี้ข้าสหรัฐอเมริกา
แม้จะมีประชาชนบางกลุ่มอยากเป็น พยายามเป็น จนถึงขนาดตั้งชื่อพรรคการเมืองแล้วออกนโยบายเคลื่อนไหวสอพลอเอาใจรับใช้สหรัฐอเมริกา โดยอ้างว่ารับใช้ประชาชน
คนเหล่านั้น ก็เป็นแค่คนกลุ่มหนึ่งในประเทศไทย ที่ถูกสนตะพายด้วยข้อมูลเท็จ สร้างความเกลียดชังต่อสถาบันของไทยอย่างโงหัวไม่ขึ้น เหมือนเสพติดยาบ้า
อย่าได้แกล้งโง่ มั่วนิ่ม โมเม เหมารวมว่าประชาชนคนไทยทุกคนจะยอมสนองผลประโยชน์ของสหรัฐ ตามยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิก แบบเซื่องๆ เหมือนสุนัขรับใช้
เราพร้อมจะเป็นมิตร แบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกันอย่างเป็นธรรม มีศักดิ์ศรี ภายใต้ความเคารพและให้เกียรติสถาบันหลักของประเทศไทย ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เท่านั้น
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี