วันพฤหัสบดี ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
เหตุไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาของคณะครูและเด็กนักเรียน-โรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี บนถนนวิภาวดีรังสิตขาเข้า หน้าอนุสรณ์สถานแห่งชาติ ตำบลคูคต อำลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567 เป็นความเศร้าสะเทือนใจเกินกว่าที่จะหาคำใดมาเปรียบแทนได้
นักเรียนและครู 23 ชีวิต..ไม่ควรมาจบชีวิตในสภาพที่ไม่ต่างจากการถูก“เผาทั้งเป็น”..เมื่อนึกถึงภาพคับขันของผู้เสียชีวิตบนรถบัสขึ้นมากี่ครั้งต่อกี่ครั้ง..ก็ต้องหลับตาทุกครั้ง..ไม่อาจคิดถึงนาทีมรณะต่อไปอีกได้
ความประมาทของพนักงานขับรถ, ความหย่อนยานต่อหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และความเห็นแก่ตัวของผู้ประกอบการซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทรถบัสคันนี้..คือต้นเหตุของโศกนาฏกรรม และเป็นบทเรียนซ้ำซากในประเทศนี้ที่ไม่รู้จักจบสิ้น
สำคัญที่สุดก็คือ..โครงการทัศนศึกษาของโรงเรียนไม่ใช่ปัญหา..แต่ปัญหาอยู่ที่สภาพรถยนต์ และความหย่อนยานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง..ที่ยังอนุญาตให้รถบัสคันนี้ซึ่งมีอายุการใช้งานมาแล้วถึง 54 ปีตามที่ได้จดทะเบียนไว้เมื่อปี 2513 วิ่งได้อย่างไร..อีกทั้งนอกจากจะมีการดัดแปลงตัวถังรถพร้อมเปลี่ยนเครื่องยนต์..จากยี่ห้อเดิมอีซุซุของญี่ปุ่นมาเป็นเบนซ์ของเยอรมัน..ก็ยังมีการเปลี่ยนมาใช้แก๊ส NGV โดยถังแก๊สนี้ใช้งานมาแล้ว 15 ปี และจวนใกล้จะหมดอายุในปี 2569
แม้ว่าขนส่งจังหวัดสิงห์บุรีจะออกมายืนยันว่า..รถบัสคันที่เกิดเหตุหมายเลขทะเบียน 30-0423 สิงห์บุรี ซึ่งเป็นของผู้ประกอบการชื่อนางสาวปาณิสรา ชินบุตร หรือบริษัท'ชินบุตรทัวร์'ได้มีการตรวจสภาพรถครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2567 แล้ว..และโดยเฉพาะเรื่องประตูรถฉุกเฉินอยู่ในสภาพแข็งแรงใช้งานได้ตามปกติ
แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ขณะเกิดเหตุเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมวานซืนนี้ เวลาเที่ยงเศษ..ซึ่งหลังจากยางหน้าด้านขวาของรถระเบิด..ทำให้รถเสียหลักไปชนกับแบริเออร์จนเกิดไฟลุกขึ้นที่ด้านหน้ารถก่อน..จากนั้นจึงลุกลามไปทั้งคัน..เป็นเหตุให้นักเรียน 20 คน และครู 3 คน-รวม 23 คน..ต้องถึงแก่ชีวิตอย่างน่าเศร้าสลด..เพราะประตูรถฉุกเฉินด้านหลังเปิดไม่ได้..โดยบนรถคันนี้มีผู้โดยสารมาทั้งหมด 45 คน..เป็นนักเรียน 38 คน, ครู 6 คน และพนักงานขับรถ 1 คน
นอกจากประตูทางออกฉุกเฉินหรือประตูรถฉุกเฉิน..คือคำถามแรกที่มีคำตอบอยู่ในตัวของมันเองจากเหตุสะเทือนขวัญครั้งนี้แล้ว..ว่าถูกละเลยอย่างประมาทเลินเล่อ-ใช้การไม่ได้..อันเป็นความรับผิดชอบของ ทั้งหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง, เจ้าของผู้ประกอบการ และพนักงานขับรถ..ส่วนอุปกรณ์อย่างอื่นบนรถบัสคันนี้ที่ควรมีมาตรฐานเพื่อป้องกันเหตุแห่งความสูญเสีย..คงป่วยการที่จะถามว่ามีหรือไม่..หรือมีแล้วใช้การได้หรือไม่..เช่น ถังดับเพลิง และค้อนทุบกระจก
สำคัญที่สุดพนักงานขับรถจะต้องเป็นคนแรกที่อยู่บนรถเพื่อช่วยเหลือผู้โดยสารที่ประสบภัย..และใช้อุปกรณ์ด้านความปลอดภัยที่ควรจะมีหรือมีอยู่บนรถบัสคันนี้..เป็นการแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า..แต่ปรากฏว่าพนักงานขับรถที่ชื่อนายสมาน จันทร์พุฒ วัย 48 ปี..หนีเอาตัวรอดออกจากรถ..สิ่งนี้คือ“สำนึกของมนุษย์”ตามภาระหน้าที่รับผิดชอบที่ควรจะมีอยู่..ไม่ว่าจะอาชีพใดก็ตามต้องมี
อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งในยามที่มีเหตุเภทภัยร้ายแรงเกิดขึ้นแก่ประชาชนและประเทศชาติบ้านเมือง..ไม่มีแม้สักครั้งเดียวที่ในหลวงและสมเด็จพระราชินีจะทรงทอดทิ้งพสกนิกร..โศกนาฎกรรมในครั้งนี้ก็เช่นกัน..นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินี..ทรงมีความห่วงใย และทรงสลดพระทัยในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น..ทรงรับผู้บาดเจ็บทั้งเด็กและครูไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์ทุกราย..ตลอดจนการจัดการเรื่องงานทั้งหมด..รวมทั้งผู้เสียชีวิต..ทางกระทรวงศึกษาธิการจะทำหนังสือขอพระราชทานเพลิงศพเป็นกรณีพิเศษต่อไป
ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
รุ่งเรือง ปรีชากุล

คุกแก๊งบัญชีม้า 14-18 ปี ไม่รอลงอาญา หลังอ้างเป็นดีเอสไอ ตุ๋นเหยื่อโอนกว่า 21 ล้าน
ศป.กฉ.ตั้ง ‘รัชดา’ นั่งโฆษก เสริมทีมสื่อสาร ‘ภราดร’ปัดตอบรัฐบาลบริหารผิดพลาด
รพ.สงขลานครินทร์ แจ้ง! เร่งระบุตัวตนผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ขอญาติรอประกาศแนวทางรับร่าง
ศป.กฉ.เปิดตัวเลขผู้เสียชีวิตที่สงขลา 85 ราย มาจากน้ำท่วมมากกว่าครึ่ง
ฉก.พญานาคราชจับเนื้อเถื่อนลอตใหญ่

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี