วันเสาร์ ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / มองอย่างไท
มองอย่างไท

มองอย่างไท

ปิยะ เนตรวิเชียร
วันจันทร์ ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567, 02.00 น.
ศาล ดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม

ดูทั้งหมด

  •  

ในสังคมที่มีการอยู่ร่วมกันของคนจำนวนมากๆ จนเกิดเป็นชาติขึ้นนั้น เป็นเรื่องปกติที่จะต้องเกิดปัญหา ที่อาจจะเกิดจากความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน การทะเลาะวิวาท หรือแม้แต่การทำร้ายต่อชีวิต จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีกฎระเบียบในการอยู่ร่วมกันที่เรียกว่ากฎหมาย และเมื่อมีการตราตัวบทกฎหมายขึ้นมา ก็จะต้องนำไปสู่การปฏิบัติคือมีการบังคับใช้กฎหมาย เมื่อเกิดกรณีต่างๆ ก็ต้องมีผู้ที่จะทำหน้าที่ในการตัดสินปัญหาที่เกิดขึ้นตามตัวบทกฎหมายนั้น

ประเทศไทยได้มีการออกกฎหมายเพื่อใช้ในการปกครองบ้านเมือง ตามที่มีบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์ที่เป็นลายลักษณ์อักษรตั้งแต่สมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ พระเจ้าอู่ทอง พระมหากษัตริย์พระองค์แรกที่ปกครองอาณาจักรอยุธยา โดยได้รับอิทธิพลจากคัมภีร์พระธรรมศาสตร์ อันเป็นคัมภีร์ที่มีความศักดิ์สิทธิ์และมีพื้นฐานของวัฒนธรรมอินเดียโดยผ่านมาทางมอญ เชื่อว่าพระผู้เป็นเจ้าประทานมาให้เป็นหลักในการอำนวยความยุติธรรม และถูกแพร่หลายไปในดินแดนต่างๆ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้


กฎหมายที่บังคับใช้ในสมัยอยุธยานั้นอาจจะแบ่งตามยุคสมัยได้เป็น ๓ ระยะ คือ สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้นตอนกลาง และตอนปลาย

กฎหมายสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น เริ่มต้นใช้ตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๑๘๙๓ จนถึง ๑๙๑๐ มีกฎหมายถูกตราขึ้น๑๐ ฉบับคือ

กฎหมายลักษณะพยาน กฎหมายลักษณะอาญาหลวงกฎหมายลักษณะรับฟ้อง กฎหมายลักษณะลักพา กฎหมายลักษณะอาญาราษฎร์ กฎหมายลักษณะโจร กฎหมายลักษณะเบ็ดเสร็จว่าด้วยที่ดิน กฎหมายลักษณะผัวเมีย ซึ่งต่อมามีเพิ่มเติมอีก 1 ฉบับ และกฎหมายลักษณะโจรว่าด้วยสมโจร

ตัวอย่างกฎหมายลักษณะผัวเมีย เช่น หญิงซึ่งพ่อแม่ได้ยกให้เป็นเมียของชายนั้นได้ชื่อว่าเป็นเมียกลางเมืองก็คือเมียหลวง ชายที่ขอหญิงมาเลี้ยงเป็นอนุภรรยา หญิงนั้นได้ชื่อว่าเมียกลางนอก หญิงซึ่งชายใดไถ่ถอนจากความทุกข์ยากและนำมาเลี้ยงเป็นเมีย ได้ชื่อว่าเมียกลางทาสี

มีการกำหนดผู้ที่มีหน้าที่พิพากษาคดี เช่น เสนาบดีกรมเมือง พิพากษาคดีอุกฉกรรจ์ที่ทำให้เกิดความไม่สงบในแผ่นดิน เสนาบดีกรมวัง พิพากษาคดีเกี่ยวกับข้อพิพาทของราษฎร เสนาบดีกรมคลัง พิพากษาคดีเกี่ยวกับพระราชทรัพย์ และเสนาบดีกรมนา พิพากษาคดีเกี่ยวกับข้อพิพาทของชาวนารวมทั้งเรื่องโคกระบือ

กฎหมายสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนกลางเริ่มต้นในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ พระมหากษัตริย์พระองค์ที่ ๘ของอาณาจักรอยุธยา มีกฎหมายเพิ่มเติมหลายฉบับคือกฎหมายว่าด้วยการเทียบศักดินา กฎหมายลักษณะอาญาขบถศึก กฎหมายลักษณะอาญาหลวง กฎหมายว่าด้วยกฎมณเฑียรบาล

กฎหมายลักษณะอาญาขบถศึก ตราขึ้นเพื่อป้องกันและคุ้มครองพระมหากษัตริย์ ผู้ใดทำร้าย จะถูกลงโทษอย่างรุนแรง

กฎหมายสมัยอยุธยาตอนปลาย เริ่มใช้ในสมัยสมเด็จพระเพทราชา เป็นกฎหมายเกี่ยวกับการทหาร มีการจัดกรมโดยใช้คำเรียกว่าสุรัสวดี มีหน้าที่รวบรวมบัญชีชายฉกรรจ์ มีการจัดแต่งตำรายุทธพิชัยสงครามเพื่อใช้เป็นหลักในการทำสงครามให้ถูกยุทธวิธี ในส่วนของชายฉกรรจ์ที่มีสัญชาติไทย ได้กำหนดว่าอายุ ๑๘ ปีขึ้นไป ต้องขึ้นทะเบียนเป็นไพร่สม อายุ ๒๐ ปี รับราชการเป็นไพร่หลวง จนถึงอายุ ๖๐ ปีจึงจะถูกปลด แต่ถ้ามีบุตรชายและเข้ารับราชการ ๓ คน ให้บิดาพ้นจากราชการไปได้ ชายฉกรรจ์ทุกคนต้องอยู่ในกรมใดกรมหนึ่ง ในเวลาที่บ้านเมืองสงบเรียบร้อย ไพร่หลวงจะต้องเข้าประจำการหรือที่เรียกว่าเข้าเวร ปีละ ๖ เดือนในส่วนของหัวเมืองชั้นนอกให้เกณฑ์ทหารเข้ามาตามสัดส่วนที่ราชการต้องการ

กฎหมายต่างๆ ในสมัยกรุงศรีอยุธยาได้ถูกใช้ต่อเนื่องมาจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ได้ทรงจัดให้มีการชำระและปรับปรุงแก้ไขตัวบทกฎหมายให้เป็นฉบับใหม่ที่เรียกว่ากฎหมายตราสามดวง เป็นกฎหมายที่สะท้อนความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ ทั้งด้านการเมือง การปกครอง เศรษฐกิจสังคมและวัฒนธรรมของชาติไทยได้เป็นอย่างดี หลังที่ได้จัดทำขึ้นแล้วได้ประทับดวงตราพระราชสีห์ พระคชสีห์และบัวแก้ว ไว้เป็นสำคัญ จึงเรียกว่ากฎหมายตราสามดวงดังกล่าว ซึ่งได้ถูกใช้ต่อเนื่องมาจนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมหาราช รัชกาลที่ ๕จึงมีการปฏิรูปกฎหมายและการศาลครั้งใหญ่ นำไปสู่การยกเลิกกฎหมายตราสามดวงในที่สุด

ปัจจุบันประเทศไทยอยู่ภายใต้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยมีกฎหมายสูงสุดคือรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ ๒๕๖๐ โดยในมาตรา ๓บัญญัติไว้ว่า “อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุขทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ รัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล องค์กรอิสระและหน่วยงานของรัฐ ต้องปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ กฎหมายและหลักนิติธรรม เพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนโดยรวม”

ในส่วนของศาลนั้น ได้กำหนดให้มี ๔ ศาลคือ ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง ศาลยุติธรรม และศาลทหาร

กล่าวได้ว่า ศาลรัฐธรรมนูญเป็นกลไกหลักสำคัญในการทำหน้าที่ตีความรัฐธรรมนูญว่า กฎหมายใดจะขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมิได้ ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจหน้าที่พิทักษ์รัฐธรรมนูญ การคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน การคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ และการธำรงรักษาไว้ซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เมื่อมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของกฎหมายหรือเรื่องการกระทำ การปฏิบัติตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญขึ้น และเป็นคดีเข้าสู่ศาลรัฐธรรมนูญ โดยนำบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญมาใช้บังคับกับข้อเท็จจริงในแต่ละกรณี ซึ่งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมีผลผูกพันกับทุกองค์กร

องค์ประกอบของศาลรัฐธรรมนูญซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งตามคำแนะนำของวุฒิสภาประกอบไปด้วยผู้พิพากษาจากศาลฎีกาตุลาการศาลปกครองสูงสุด ผู้ทรงคุณวุฒิสาขานิติศาสตร์ สาขารัฐศาสตร์หรือรัฐประศาสนศาสตร์และผู้ทรงคุณวุฒิอื่น รวมทั้งสิ้น ๙ คน ในจำนวนนี้มีเพียง ๓ คน ที่เป็นผู้พิพากษา จึงเป็นที่มาที่คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญจะไม่ใช้คำว่าคำพิพากษา แต่จะใช้คำว่าคำวินิจฉัยหรือคำสั่งแทน

เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญได้มีการประชุมเพื่อวินิจฉัยคำร้อง ของผู้ร้องว่า นายทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย ผู้ถูกร้อง ได้กระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยคำร้องมี ๖ ประเด็นโดยสรุปคือ

นายทักษิณได้สั่งการให้กระทรวงยุติธรรมและโรงพยาบาลตำรวจ เอื้อประโยชน์เรื่องที่พัก ทำให้ไม่ต้องรับโทษในเรือนจำ

ได้สั่งการรัฐบาลให้เอื้อประโยชน์ต่อประเทศกัมพูชาในเรื่องของพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล

ได้สั่งการพรรคเพื่อไทยให้แก้ไขรัฐธรรมนูญร่วมกับพรรคประชาชน

ได้สั่งการแทนพรรคเพื่อไทย เพื่อเจรจากับพรรคอื่นในการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีที่บ้านพักส่วนตัว

ได้สั่งการให้พรรคเพื่อไทย มีมติขับพรรคพลังประชารัฐออกจากรัฐบาล

และได้สั่งการให้พรรคเพื่อไทยนำนโยบายที่แสดงวิสัยทัศน์ไว้ เป็นนโยบายของรัฐบาล

ซึ่งศาลได้พิจารณาแล้วเห็นว่ายังไม่มีน้ำหนักพยานหลักฐานเพียงพอ ที่จะทำให้เกิดการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยดังกล่าว จึงไม่รับคำร้องไว้พิจารณา

ถึงแม้ว่าการตัดสินของศาลในครั้งนี้จะทำให้ผู้ถูกร้องพ้นจากข้อกล่าวหาได้ แต่ก็น่าจะเป็นเครื่องเตือนสติว่า การเข้ามาบริหารชาติบ้านเมืองของใครหรือรัฐบาลใดก็ตาม จะต้องรักษาอธิปไตยของชาติซึ่งหมายรวมถึงเขตแดนและทรัพยากรในเขตแดนนั้นๆ ธำรงไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตย เชิดชูสถาบันพระมหากษัตริย์ และต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตอย่างที่สุดในการบริหาร เพื่อให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองของชาติ และประชาชนมีชีวิตอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข

ขอทิ้งท้ายว่ารัฐบาลนี้ที่มีนายกรัฐมนตรีชื่อแพทองธาร จะไม่เอา MOU ๔๔ ที่เกิดขึ้นในสมัยที่พ่อของตัวคือนายทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี มาทำให้ไทยต้องสูญเสียทรัพยากรของชาติบริเวณเกาะกูด โดยมีแนวคิดว่าหากการตกลงกับกัมพูชาไม่ลงตัว ก็ต้องใช้วิธีแบ่งผลประโยชน์ร่วมกัน  เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นมันก็ยิ่งกว่าขายชาติ

ปิยะ เนตรวิเชียร

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
22:02 น. 'ราชภัฏบุรีรัมย์'แปรอักษร น้อมรำลึก'สมเด็จพระพันปีหลวง'
21:35 น. พิษน้ำท่วม! 'ผักชี'ราคาพุ่ง 280 บาทต่อกิโล ผักต่างๆ พาเหรดขึ้นตาม
21:07 น. รัฐบาลไทยย้ำข้อเท็จจริงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เดินหน้าชี้แจงนานาชาติต่อเนื่อง
20:44 น. เจ้าพระยาล้น ‘อ่างทอง-สิงห์บุรี-อยุธยา’อ่วม ‘เขื่อนภูมิพล’ยังไม่ระบายเพิ่ม
20:34 น. 'ธัญญ่า อาร์สยาม'เปิดอาการเบื้องต้น คอขยับไม่ได้ ตรวจพบ'หมอนรองกระดูกฉีกขาด'
ดูทั้งหมด
สาวชุดหวือโชว์รอยสัก 'ของลับโผล่' ชี้แจงแล้ว 'ไม่ได้ตั้งใจ-ที่แปะหลุด-ดื่มหนัก'
'กรณ์ ณรงค์เดช'หลั่งน้ำตา! กอดคุณพ่อเกษมดีใจชนะคดี
บุกจับ2วัยรุ่นสร้างตัว เปิดเหมืองบิทคอยน์ซุก'สวนมะพร้าวบ้านแพ้ว' โกงไฟหลวงมหาศาล
เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ ทรงทำริบบิ้นสีดำถวายความอาลัย
เปิดคำสารภาพ‘เขมรเถื่อน’ กลับบ้านตามคำท่านผู้นำ อดอยาก-ไร้เงิน เสี่ยงแอบเข้าไทย
ดูทั้งหมด
ระวังการส่งออกเทียม
บุคคลแนวหน้า : 15 พฤศจิกายน 2568
ตำรวจกับโจร โจรกับตำรวจ
สงครามกับสันติ : ทรัมป์จะไปทางไหน?
ลิ้นสองแฉก
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

พิษน้ำท่วม! 'ผักชี'ราคาพุ่ง 280 บาทต่อกิโล ผักต่างๆ พาเหรดขึ้นตาม

'ธัญญ่า อาร์สยาม'เปิดอาการเบื้องต้น คอขยับไม่ได้ ตรวจพบ'หมอนรองกระดูกฉีกขาด'

EOD ตชด.22 ร่วมทหาร เร่งตรวจสอบ-ทำลายวัตถุระเบิดตกค้างกลางทุ่งนา พื้นที่หมู่บ้านชายแดน

ทบ.แฉอีก! 'ช่องอานม้า'พบอีก 2 ทุ่นใหม่ รุกล้ำ-ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา ส่อเจตนาชัดเจน!

GC จับมือ กระทรวง อว. ต่อยอด โครงการความร่วมมือ “จากครัว...สู่เครื่อง” สู่มหาวิทยาลัยทั่วประเทศ สร้างเครือข่าย คนรุ่นใหม่ ผลักดันไทยสู่ศูนย์กลางการบินคาร์บอนต่ำอาเซียน

ปปง.ยึด-อายัดทรัพย์ 4,730 ล้าน พบมีคดี'อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง-เว็บพนัน-แก๊งคอลฯ'

  • Breaking News
  • \'ราชภัฏบุรีรัมย์\'แปรอักษร น้อมรำลึก\'สมเด็จพระพันปีหลวง\' 'ราชภัฏบุรีรัมย์'แปรอักษร น้อมรำลึก'สมเด็จพระพันปีหลวง'
  • พิษน้ำท่วม! \'ผักชี\'ราคาพุ่ง 280 บาทต่อกิโล ผักต่างๆ พาเหรดขึ้นตาม พิษน้ำท่วม! 'ผักชี'ราคาพุ่ง 280 บาทต่อกิโล ผักต่างๆ พาเหรดขึ้นตาม
  • รัฐบาลไทยย้ำข้อเท็จจริงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เดินหน้าชี้แจงนานาชาติต่อเนื่อง รัฐบาลไทยย้ำข้อเท็จจริงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เดินหน้าชี้แจงนานาชาติต่อเนื่อง
  • เจ้าพระยาล้น ‘อ่างทอง-สิงห์บุรี-อยุธยา’อ่วม ‘เขื่อนภูมิพล’ยังไม่ระบายเพิ่ม เจ้าพระยาล้น ‘อ่างทอง-สิงห์บุรี-อยุธยา’อ่วม ‘เขื่อนภูมิพล’ยังไม่ระบายเพิ่ม
  • \'ธัญญ่า อาร์สยาม\'เปิดอาการเบื้องต้น คอขยับไม่ได้ ตรวจพบ\'หมอนรองกระดูกฉีกขาด\' 'ธัญญ่า อาร์สยาม'เปิดอาการเบื้องต้น คอขยับไม่ได้ ตรวจพบ'หมอนรองกระดูกฉีกขาด'
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

จากอั้งยี่ มาสู่แก๊งสแกมเมอร์

จากอั้งยี่ มาสู่แก๊งสแกมเมอร์

10 พ.ย. 2568

พระองค์ผู้ทรงเป็นวีรสตรี มหาราชินี

พระองค์ผู้ทรงเป็นวีรสตรี มหาราชินี

3 พ.ย. 2568

ผู้บริหารบ้านเมืองต้องไม่ทุจริต คดโกง

ผู้บริหารบ้านเมืองต้องไม่ทุจริต คดโกง

27 ต.ค. 2568

จากการพนันสู่แก๊งสแกมเมอร์ อันตรายของชาติ

จากการพนันสู่แก๊งสแกมเมอร์ อันตรายของชาติ

20 ต.ค. 2568

อธิปไตย อย่าให้ใครรุกราน

อธิปไตย อย่าให้ใครรุกราน

13 ต.ค. 2568

รัฐธรรมนูญ จากปี ๒๔๗๕ ถึง ๒๕๖๐.... ยังต้องแก้อีกหรือ

รัฐธรรมนูญ จากปี ๒๔๗๕ ถึง ๒๕๖๐.... ยังต้องแก้อีกหรือ

6 ต.ค. 2568

รัฐบาลต้องมุ่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

รัฐบาลต้องมุ่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

29 ก.ย. 2568

รัฐบาลใหม่ต้องมุ่งรักษาอธิปไตย

รัฐบาลใหม่ต้องมุ่งรักษาอธิปไตย

22 ก.ย. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved